ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เค้าก็ไม่เข้าไปนะ อย่าบอกนะว่าเพิ่งออกมา...เส้นทางลัดหลอน!!


สวัสดีครับ ผมจะมาเล่าเรื่องแปลกๆ ที่ผมประสบพบเจอเมื่อ 7 ปีที่แล้ว  โดยปกติ ผมจะวิ่งขึ้น ทางเหนือ  2ครั้งต่อปี เนื่องจากญาติผู้ใหญ่ได้ย้าย ตั้งรักรากปักฐานที่นั่น และ ครอบครัวผมมีบ้านที่นั่นด้วย(ซื้อไว้เวลาขึ้นไปเที่ยว ทีแรกก็กะซื้อให้พ่อไว้อยู่ ช่วงอายุเยอะๆ) ด้วยที่ผมทำงานประจำ หยุดเฉพาะ เสาร์-อาทิตย์และวันหยุดราชการ  เวลาขึ้นจะขึ้นไปช่วงวันหยุดยาวหรือไม่ก็ช่วงเทศกาล

ถ้าคนที่ขึ้นเหนือบ่อยๆ น่าจะทราบดีว่าเส้นทางหลักที่ขึ้นจะเป็นสายเอเชีย อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ไปเรื่อยจนถึง นครสวรรค์ แต่จะมีอีกสายนึง ที่ใช้สำหรับเลี่ยงช่วงเทศกาล รถติด นั่นคือเส้น สุพรรณฯ ชัยนาทแล้วไปตัด สายเอเชีย ที่อำเภอมโนรมย์ พ่อผม(ปัจจุบันเสียแล้ว) เวลาจะขึ้นทางเหนือเค้าสอนว่าให้ออกกลางคืนประมาณ เที่ยงคืน ตีหนึ่ง  เพราะว่า  สมัยก่อน จะยังไม่มีกล้องจับความเร็ว ตำรวจทางหลวงจะใช้รถทางหลวงจอดแอบถ่ายรูป  แล้วว.ไปด้านหน้า  อีกเหตุผลนึงคือ ทำเวลาได้เนื่องจาก รถน้อยมากแทบไม่มี

เมื่อปี 2553  ช่วงปลายๆปี  ผมมีโอกาสขึ้นไปที่ภาคเหนือ ปกติจะไปกัน 4-6 คน พี่ๆน้องๆ จะไปด้วยกันคันเดียวรถพี่ชายจะเป็น รถครอบครัว MPV  แต่ครั้งนั้น เค้าติดงาน จึงต้องแยกเป็นสองคัน โดยผมบอกว่าขอไปก่อน ใจจริงๆจะไปเที่ยว แม่กำปอง เลยลาก่อนวันนึง ไม่งั้นคนเที่ยวจะเยอะมาก   จึงนัดน้องชายไปด้วย เนื่องจาก ปิดเทอมเลยชวนไปเที่ยวด้วยกัน พอถึงวันก็จัดเตรียมกระเป๋า แล้วนอนเอาแรง ตื่นมาตอน 5 ทุ่ม เปิดฟังรายการวิทยุเกี่ยวกับการจราจร  เห็นว่า เส้นสายเอเชีย รถติดมาก ขนาดเป็นวันก่อนวันหยุดยาว 1 วันก็ยังติด แต่เส้นสุพรรณ รถเยอะแต่โล่งวิ่งได้  เลยคิดว่าไปเส้นนี้ดีกว่า โล่ง ขับสบายๆ ถึง เชียงใหม่ ลำปาง คงราวๆ แปดโมงได้สบายๆ นอนพักแปปนึง ค่อยไปเที่ยวแม่กำปองต่อ

ผมมากันสองคน แต่พอเข้าเส้นสุพรรณ น้องชายผมหลับ(อายุ 17 ขับรถยังไม่แข็ง,ไม่มีใบขับขี่) รถเริ่มน้อยลงแบบว่า คันๆนึง ประมาณ 200-300 เมตรเลย แรกๆก็ไม่กลัว ระแวง แต่พอเข้าจังหวัด ชัยนาท สองข้างทางเป็นทุ่งนา ไม่มีไฟทาง เริ่มมีบรรยากาศ ความหลอนเข้ามา  ข้างหน้าจะเป็นไปสีแดงๆ ลิบๆ แบบไฟท้ายรถสิบล้อ นานๆเราจะแซงคันนึง พอแซงแล้วถนนก็โล่งยาวๆ พาหลอนมาก  ผมปลุกน้องชายผมขึ้นมานั่งเป็นเพื่อนเนื่องจากเปลี่ยวมากกลัวทั้งคนกลัวทั้งผี  พอตื่นมาน้องถามว่าถึงไหนแล้วทำไมมืดจัง ผมบอกว่าจะถึงชัยนาทแล้ว เค้าตกใจแล้วบอกว่า ทำไมไม่มีรถเลยพี่หลงป่าวอ่ะ ผมบอกว่ามาถูกแล้ววิ่งตาม ป้ายมาเรื่อยๆเนี่ย(ปกติ เวลาช่วงเทศกาล จะมีป้ายแบบชั่วคราว ว่าเส้นทางขึ้นเหนือ เส้นทางลัด ทางเลี่ยง พื้นขาวๆ ตัวหนังสือแดง ตลอดทาง เพื่อให้ผู่ใช้ทางเลือกใช้กรณี รถติดหรือจะเลี่ยงทางหลัก)    

ช่วงที่กำลังเพ่งเส้นทางเพราะผมเปิดไฟสูง ตลอดเนื่องจากมืดแล้วไม่มีรถสวนมาเลย  นานๆจะมาคันนึงค่อยดิฟท์ไฟลง  จังหวะนั้น ผมเห็นถนนที่ผมจะวิ่งไป มีสีแดงทึ่มๆ เหมือนคนทำสีหก หรือไม่ก็เลือดแบบแดงๆคล้ำๆ กองใหญ่มาก สาดอยู่เต็มถนนทั้งสองเลน ตกใจมาก น้องผมก็เห็นหลังจากที่ผมสะกิดให้ดูยาวประมาณ 20 เมตรได้  ตอนนั้นกลัวรถไถลลื่นมาก จมูกเริ่มดม เผื่อได้กลิ่นของเหลวสิ่งนี้เข้ามาในรถ ปรากฏว่า กลิ่นออกคาวๆ แต่ไม่แรงมากเนื่องจากรถผม มี พวกที่ดับกลิ่นเยอะ   กะชลอรถ เข้าข้างทางเพื่อดูว่ามีอะไรติดรถมาหรือเปล่า แต่ถนนช่วงนั้น มืดมาก เลยบอกกับน้องว่า รอถึงโซนที่สว่างๆ ค่อยจอดดู  พอขับมาประมาณ 1 กม. ก็จอดดู สองข้างทาง ไม่มีบ้านคนแต่เป็นสามแยกเล็กๆ จึงพอมีไฟทางให้จอดดู ไม่น่ากลัวมาก  ตามปกติ เวลาเราขับผ่าน พวกของเหลว เช่นน้ำหรือยางมะตอย มันต้องมีดีดขึ้นรถมาติดบังโคลน แต่อันนี้ แปลกที่ไม่มีรอยเลย มีแต่ฝุ่นติดแค่นั้น ซึ่ง ไม่ได้ตาฝาดแน่ๆ คิดในใจ ไม่ใช่แล้ว โดนแน่ๆ  เลยกดโทรศัพท์กะโทรถามพี่ชายเรื่องเส้นทาง ตอนกด สัญญาณที่โทรศัพท์   2-3 ขีด พอโทรออก กลับเงียบแบบทางเราไม่มีสัญญาณ  เลยตัดสินใจ ขับไปกันต่อแบบกลัวๆ

ยิ่งวิ่ง ยิ่งเปลี่ยว ขึ้นเรื่อยๆ  สองข้างทางเป็นทุ่งนาโล่ง มีต้นไม้สูงสลับบ้าง  ยิ่งไม่คุ้นเส้นทาง ป้ายทางเริ่มหาย รถแทบไม่มีเลย มีแต่หลักกิโลเล็กๆเขียนว่า ชัยนาท อีกกี่กิโล แต่แปลกคือ มีอำเภอ สรรพ…   อยู่ใน หลักกิโลด้วย ซึ่งปกติ ผมไม่เคยเข้ามาในถนนสายนี้เลย  ขับมาประมาณ กิโล นึง ไฟหน้ารถไปส่องโดน คนนึงๆ อยู่ห่างประมาณ 300 เมตรได้  ดูจากระยะไกล น่าจะเป็นผู้ชาย ใส่ชุดแบบทำทาง ทำถนน  มีเสื้อสะท้อนแสงสีเขียวเส้นๆ  ยืนนิ่งๆอยู่คนเดียว เอามือจับ ที่หัวคล้ายๆการประคองเวลานั้น ประมาณ ตีสามกว่าๆ ได้ ยืนแบบหันหน้าไปทางเดียวกับรถผม

ด้วยที่พ่อผมสอนมาตลอดว่า เวลาเห็นอะไรผิดปกติ ตอนกลางคืนอย่าทักอย่าตะโกน โวยวาย  ให้ตั้งสติแล้วรีบออกจากที่ตรงนั้น  (บอกว่าถ้าโวยวายทักไป ของจะเข้าตัว ถ้าทำเฉยๆนิ่งๆไว้ก็จะไม่เป็นไร)  ในใจคิดว่า  เค้าคงมาซ่อมถนนตอนนี้เนื่องจาก พรุ่งนี้จะมีรถใช้กันเยอะเพราะช่วงเทศกาล  เจ้าหน้าที่คนนี้ดูแลแถวๆนี้ ขับไปใกล้ๆ  เริ่มเห็นว่า ตัวเค้าเปียกไปด้วยเลือดแน่นอน ด้านศีรษะ เหมือนจะผิดรูป บู้บี้  และก็มีเลือดไหล ลงมาตามตัว ตอนนั้น ไม่คิดว่าเป็นอุบัติเหตุแน่ๆ คิดอย่างเดียวเลยว่าโดนหลอกแน่นอน ท่องนะโม ขับผ่านไปแบบเร็วๆ ถามน้องชายว่าเห็นเหมือนกันไหม น้องบอกว่าเห็นจะๆเหมือนกัน  ขับมาอีกระยะนึงเกือบๆสองกิโล เห็น มอไซค์จอดนิ่ง ริมถนนสภาพพังยับเยิน เหมือนโดนลาก ไม่มีใคร อยู่ใกล้ เลย พอพ้นตรงนั้นได้ ไฟทางเริ่มมี ก็เริมคุยกับน้องว่า เห็นเหมือนกันใช่ไหม ยังไม่ต้องเล่าเดี๋ยวถึง ปั๊มใหญ่ๆจอดพักตรงทางเข้า นครสวรรค์ ค่อยคุยกัน

ขับมาอีกประมาณ 2 กิโล เห็นเหมือนคนๆเดิม ยืนอยู่ฝั่งเดิม เพียงแต่รอบนี้ เค้าหันหน้าย้อนกลับมาทางรถผม รอบบนี้คือ เริ่มมีการเคลื่อนไหว เดินกระเผลกๆ แต่ที่ทำให้สติผมเกือบหลุดคือ   เค้าเดินเอียงซ้าย แล้วแถ เข้ามาในถนน กินเลนมาเกือบครึ่งเลน  ในใจคิดว่า ชนเลยไหม แต่ก็กลัวว่าชนแล้ว เค้าจะเข้ามาในรถ เลยคิดว่าเดี๋ยวจะ ชลอความเร็วแล้วแซงออกขวาไป

พอเข้าไปใกล้ๆ เค้าก็หยุดกลางถนน ทำท่าทำทางเหมือนโบกรถ ผมเบี่ยงขวา เค้าค่อยๆก้าวเดินมาแบบจะปิดทางรถไม่ให้ไป น้องผมร้องเฮ้ยยยย!!!! แบบตกใจ ผม พ้นตัวเค้าไปได้ก็เร่งสุด ขนลุกทั้งตัว น้องผมท่องนะโม ดังมาก ตอนนั้นสติผมจะหลุดอยู่แล้ว ขับตรงอย่างเดียว ไม่มองข้างทางและไม่มอง กระจกมองหลัง รถไม่มีตามมาเลย

ขับเส้นนั้น มาได้เกือบๆ 10 นาที   ก็หลุดมาเส้นเลียบคลอง รถเริ่มเยอะมากขึ้น ขับออกมาถึงเส้นสายเอเชีย ก็แวะเข้าปั๊มก๊อตจิ ก่อนเข้า  นครสวรรค์ ปั๊มนั้น ขนาดใหญ่ มีรถจอดพักมาก มี 7-11 และที่สำคัญคือ มี พวก กู้ภัย จอดเพื่อ สแตนบายเพื่อเข้าระงับเหตุ อยู่กลุ่มนึง  ผมกับรีบลงจากรถ ไปที่ๆคนเยอะๆ  ตอนนั้นเริ่มหายกลัว ลงมาบ้าง เพราะหลุดจากความคิดความกลัวตรงนั้นแล้ว   ดื่มน้ำ กาแฟ ขนม กะพักรถ พักคน ซัก 15 นาที เลยเดินไปใกล้ๆ พวกกู้ภัย  พอดีเสื้อด้านหลัง บางคนเขียนว่า ชัยนาท แล้วเป็นรหัส ผมเลย เดาว่าเค้าคงเป็นหน่วยจากชัยนาท มาช่วยดูแล น่าจะทราบข้อมูลบ้างเลย ไปถาม ว่า มาจากไหนอะไร ยังไง  เรียบร้อยดีไหมครับ เค้าก็ตอบแบบโอเค

เค้าถามว่า มาจากไหน กทม. หรือเปล่า แล้วปลายทาง ไปที่ไหน  ผมก็ตอบไป ทีนี้ผมเลยถามตรงๆว่า “พี่ครับ เส้น อ.สรรพ.. มีอะไรหรือเปล่าพี่  ทำไมไม่มีรถวิ่งเลย“ เค้าตอบมาผมอึ้งเลย “อ๋อ เส้นนั้น รถพ่วง สิบล้อ เอาไว้เลี่ยงด่านชั่งน้ำหนัก แต่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เค้าก็ไม่เข้าไปนะ มันเปลี่ยว มืด น่ากลัว ยิ่งรถบัส รถบ้าน ไม่มีคนเข้าไปหรอกครับ” เค้าถามกลับมาว่า “อย่าบอกนะว่าเพิ่งออกมา แล้วเค้าก็ยิ้ม” ผมเลยบอก “ใช่ครับ เจอมาแล้วด้วย”  และผมก็เล่าให้เค้าฟังเรื่องราวทั้งหมด

เค้าเลยบอกว่า “แบบนี้เจอกันบ่อย น่าจะเป็นพี่ดม แน่ๆ” และเค้าก็เล่าว่า พี่ดม คือ คนทำทาง พื้นเพ เป็นคน นครสวรรค์ แต่ ทางการฯ เกณฑ์ จนท. ไปช่วยทำถนน เส้นนั้น  มีวันนึงห้าหกโมงเย็น ขับรถกำลังจะกลับบ้าน รถพ่วงไม่เห็นพี่เค้า เลยชนและลากไปยาก เสียชีวิตคาที่ คามอไซค์ ของเค้าเลย  เรื่องนี้ประมาณ ปีกว่าๆแล้ว

เค้าเลยแนะนำว่า พรุ่งนี้เช้า  7 โมงกว่า ถ้าสะดวกก็จอดใส่บาตรให้พี่เค้าหน่อย ละกัน เหมือนพี่เค้ามาขอส่วนบุญ ผมเลยขอบคุณและเล่าให้น้องฟัง พอ 7 โมงกว่าๆ ผมถึง จ. ตาก เลย แวะใส่บาตรทำบุญ และอุทิศให้พี่เค้า  พอถึงบ้านที่เหนือ ก็นอนหลับ กะว่านอนซัก 2 ชม. ค่อยออกไปเที่ยวต่อ ช่วงที่หลับผมฝันเห็นผู้ชาย ใส่ชุดทำทาง ท่าทางกำยำ ผิวคล้ำ ตัวใหญ่ แต่ดูใจดี ยิ้มให้และยกมือไหว้ขอบคุณผม ในฝันเค้าไม่ได้เละ  แล้วเค้าก็หายไป ผมตื่นเล่าให้น้องฟัง แล้วถามน้องว่า ได้นอนหรือฝันไหม น้องผมนอนแต่ไม่มีฝันเห็นครับ  เรื่องราวของผมก็มีแค่นี้ครับ อาจจะไม่น่ากลัว แต่ตอนนั้น ในสถานการณ์นั้น ขนลุกทั้งตัว ใจแทบหลุดออกมาข้างนอก ครับ

เครดิต : https://pantip.com/topic/36919671

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ