ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ประสบการณ์ "เล่น(ลิฟท์)จนเจอดี" ที่โรงพยาบาล


สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน...วันนี้จขกท.อยากจะมาแชร์ประสบการณ์การที่เรียกได้ว่า "จำได้ไม่เคยลืม" ให้ทุกคนได้อ่านกัน ต้องขอบอกก่อนว่านี่เป็นการเขียนครั้งแรกของจขกท. ถ้ามีอะไรผิดพลาดไปต้องขออภัยผู้อ่านทุกท่านมา ณ ที่นี้


(มีคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด 3 คน ไล่ตามอายุของแต่ละคนในตอนนั้นดังนี้ จขกท. 11 ขวบ น้องชาย(ลูกเพื่อนแม่) 10 ขวบ และ น้องสาว(ญาติของจขกท.) 7 ขวบ) สถานที่เกิดเหตุ - โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในภาคอีสาน (เมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี...) ซึ่งทีแรกมีโครงการจะทำโรงแรมแต่ติดปัญหาบางอย่างเลยเปลี่ยนมาทำเป็นโรงพยาบาลแทน ตึกนี้มีประมาณ 10-11 ชั้นแต่เปิดใช้แค่ถึงชั้น 4 นอกนั้นปิดตาย ลิฟท์จะมี 2 ส่วนซึ่งอยู่ขนานกัน อยู่ตรงกลางของตึกพอดี ด้านหน้าจะเอาไว้ใช้สำหรับคนทั่วไป ด้านหลังเอาไว้สำหรับขนส่งผู้ป่วยและ... โดยระหว่างลิฟท์สองตัวจะมีบันไดอยู่ตรงกลาง คือแล้วแต่เลยว่าอยากขึ้นลงทางไหน มันเชื่อมกันหมด


...เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อน...ประมาณ 5-6 โมงเย็นๆ ตอนนั้นแม่ของจขกท.จะไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาล ซึ่งวันนั้นเป็นวันหยุดเลยชวนจขกท.กับน้องสาว(ญาติ)ไปด้วย พอไปถึงโรงพยาบาล จขกท. เหลือบไปเห็นบันไดหนีไฟที่อยู่ด้านข้างของตึกพอดี โรงพยาบาลนี้มีตึกเดียวเดี่ยวๆซึ่งมีบันไดหนีไฟขนาบสองข้างตึก พอเห็นปุ๊ปก็เกิดไอเดียนึกสนุกขึ้นมา(ไม่น่าเลย 55555) ช่วงนั้นติดละครบู๊อยู่เรื่องนึง มันจะมีฉากที่พระเอกไล่ตามผู้ร้ายลงมาทางบันไดหนีไฟ อินสุดๆบอกเลยยย...


พอมาถึงห้องพักผู้ป่วย เราก็เจอเพื่อนแม่อีกคนกับลูกชายแกมามาถึงก่อนแล้ว แม่ๆเราก็คุยกันตามประสาผู้ใหญ่(ซึ่งนานมากๆ) พวกเราไม่มีอะไรทำ ตอนนั้นยังไม่มีสมาร์ทโฟนเลยได้แค่นั่งรอเซ็งๆ จขกท.ก็นึกถึงบันไดหนีไฟขึ้นมา เลยแอบชวนน้องๆไปเล่นโจรจับผู้ร้ายกัน น้องมันก็โอเคอยากเล่น เราเลยบอกแม่ไปว่าจะลงไปเล่นที่ห้องเด็กเล่นข้างล่าง แม่ก็โอเคบอกว่าให้ดูน้องๆด้วย เราก็รับปาก..พอออกมาจากห้องปุ๊ป น้องชายมันก็ถามเราว่า จะไปเล่นที่ไหน เราเลยบอกว่า เล่นแบบละคร(จำชื่อเรื่องไม่ได้แล้ว) เอาแบบฉากที่พระเอกวิ่งไล่จับโจร บลาๆๆ มันก็ถามต่อว่า จะขึ้นไปยังไง เราก็บอกว่า ขึ้นลิฟท์ไปแล้วค่อยวิ่งลงมาทางบันไดหนีไฟ พอโอเคปุ๊ปก็เข้าลิฟท์ปั๊ป..


น้องมันก็ถามว่าจะเอาชั้นไหน ไอ้เราก็คิดว่าอยากจะขึ้นไปสูงแล้ววิ่งลงมางี้จะได้เล่นนาน เลยกดไปชั้น 9 บอกเลยว่าตอนที่กดไปเราไม่กลัวเลยสักนิดคิดแต่สนุกอย่างเดียว ระหว่างลิฟท์ขึ้นไปก็เฉยๆ พอลิฟท์เปิดออกเท่านั้นแหละ...คุณพระ!!!!! เคยดูหนังแนวสยองขวัญป่ะ บรรยากาศมันได้เลยแหละ มีใยแมงมุมเส้นใหญ่ๆระโยงระยางเต็มไปหมด ฝุ่นนี่เขรอะจนพื้นเป็นสีดำไปทั่ว คือรู้เลยว่าไม่ได้ใช้แน่ๆ คงไม่ผ่านการทำความสะอาดมานานมากแล้ว ตอนนั้นคือใจมันตุ้มๆต่อมๆล่ะ  แต่ด้วยความที่เราอายุเยอะสุดเลยต้องฟอร์มทำเป็นไม่กลัว  เลยพูดกับน้องไปว่า "เฮ้ย..พี่ว่ามันสูงไปลองลงไปอีกสักชั้นสองชั้นดูไหม๊" น้องรีบพยักหน้ากันเลย 5555555


เรากดลิฟท์มาที่ชั้น 7 ด้วยความหวังว่า บรรยากาศมันน่าจะดีกว่า ระหว่างลิฟท์ลงมาเราก็ภาวนาไปด้วยนิดๆ พอประตูเปิดออกเท่านั้นแหละ แม่เจ้าาา!!!...  มันแทบไม่ต่างกันเลยสักนิด เราหันไปมองหน้าน้องๆ มันก็ถามเราด้วยสายตาว่าจะเอาไง เราเลยติดสินใจว่า เอาว่ะ! ไหนๆก็ได้ขึ้นมาแล้วลองเดินสำรวจดูสักหน่อยจะเป็นไรไป(อยากรู้อยากเห็นจริงๆเลยกรูเนี่ยยย..) เราเลยเดินนำน้องไป ..บรรยากาศไม่ต้องพูดถึง วังเวงสุดๆ นี่ถ้าไม่รู้ว่าโรงบาลยังเปิดอยู่นะ นี่คือตึกร้างชัดๆ เราก็ค่อยๆเดิน ก้าวทีนี่เสียงรองเท้าดังก้องไปทั้งชั้น ระหว่างเดินสำรวจ มันก็จะมีประตูบางห้องที่แง้มๆอยู่ มองเข้าไปก็จะเห็นเตียงเก่าๆ บางเตียงก็โล่ง บางเตียงก็มีผ้าปูวางพาดเอาไว้(คิดแล้วก็ขนลุกกก..) 


เดินจนจะสุดทางเราเลยจะลองเดินไปอีกฝั่งหนึ่งดู น้องชายมันถามออกมาอีกว่า "จะไปรึเปล่า" เราตอบอย่างชัดเจนและหนักแน่นว่า " ไม่ไปก็ได้มั้ง คงจะเหมือนๆกัน" (เก๊กสุดๆบอกเลย..ใจจริงนี่อยากลงไปเต็มทน) " พี่ว่าลงไปเล่นตรงลานข้างล่างดีกว่า กลัวมันเสียงดัง เดี๋ยวเขาว่า" พอเดินกลับมาที่ลิฟท์ เราก็กดชั้น 1 พอตอนลิฟท์จะใกล้ปิดสนิทเท่านั้นแหละ ติกๆๆๆ ตึ้งงง!!!!! ลิฟท์เปิดออกเหมือนเดิม คือออ...????? ใจตกอยู่ตาตุ่ม จขกท.ไม่พูดไม่จา ใส่เกียร์หมาวิ่งออกไปที่บันไดหนีไฟอย่างไม่คิดชีวิต มีน้องชายวิ่งตามมาติดๆ แต่!!... มันล๊อคคคคค จขกท.ดึงประตูแบบบ้าคลั่งงง (ยังกะในหนัง) พอรู้ว่ามันเปิดไม่ออกเลยตะโกนบอกน้องชายไปว่า " เฮ้ย!..มันล๊อค" น้องไม่เชื่อวิ่งเข้ามาเขย่าประตูอย่างบ้าคลั่งไม่ต่างกัน เราเลยคิดได้ว่ามันมีบันไดหนีไฟอีกทางเลยบอกน้องว่า " เฮ้ย!..มันมีอีกทาง" เราทั้งคู่วิ่งไปที่ประตูทางออกอีกฝั่งด้วยความหวัง ระหว่างที่เราวิ่งไปมันก็ผ่านลิฟท์ตัวเดิม ซึ่งน้องสาวเราที่มาด้วยยังอยู่ในนั้น คุณพระ!!!..ลิฟท์ยังคงเปิดค้างอยู่เหมือนเดิม(ทั้งๆที่ ถ้ามันขัดข้อง คือเราเคยขึ้นแล้วพอจะปิดประตูมันกลับเด้งออกเนี่ย สักพักมันก็จะปิดเอง แต่อันนี้มันนานไปเพราะกว่าจะวิ่งสุดทางฝั่งใดฝั่งหนึ่งเนี่ยมันใช้เวลาเหมือนกัน กว่าจะเขย่าประตูจนได้ข้อสรุปว่ามันล๊อคเนี่ยก็กินเวลาเข้าไปอีก) มันมาเล่าทีหลังว่ากลัวจนวิ่งไม่ออก พี่ๆก็ไม่รอเลย 5555555 (กูไม่รู้..กูกลัวนี่ เดี๋ยวตามคนมาช่วยนะ 55555555)


พอวิ่งถึงประตูอีกฝั่งด้วยความหวังเต็มเปี่ยม...ไม่นะแม่จ๋า!!! มันล๊อคคคคค เราบอกน้องชายว่า " บันได!!!" แล้วก็วิ่งแบบ 100 เมตร(ถ้าคัดเลือกโอลิมปิกนะ ติดแน่ๆบอกเลย) แต่มันต้องผ่านลิฟท์อีกทีนึงเพราะบันไดอยู่หลังลิฟท์ ซึ่งตอนวิ่งผ่าน...น้องสาวเรายังคงอยู่ในนั้น!!! และลิฟท์ก็ยังคงเปิดอยู่!!!!! เราเลยตะโกนบอกน้องว่า "บันไดๆ"  พอมาถึงบันไดกี่ขั้นไม่รู้ จขกท.นี่กระโดดข้ามทีเดียวเลย คิดแต่ว่าจะต้องออกไปจากตรงนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด ส่วนน้องชายวิธีน้องมันคือเอาตูดไถลราวบันไดลงมา 55555555 คิดย้อนกลับไป ก็ตลกดี...พอเรากับน้องชายมาถึงชั้น 3 จากชั้น 7 ด้วยความเร็วแสง ตอนนั้นและโล่งมาก คิดว่ารอดแล้ว เลยคิดถึงน้องสาวขึ้นมา ได้ยินเสียงมันร้องไห้ระงมพร้อมกับพูดว่า "รอด้วยๆ" เราก็เลยตะโกนขึ้นไปว่า "เร็วๆดิว่ะ" (ด้วยความเป็นห่วง) พอมันลงมาถึงก็พากันมาสงบสติอารมณ์ จขกท.เลยบอกน้องๆไปว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร ไม่งั้นจะไม่เล่นด้วย ทุกคนรับปาก แล้วก็กลับบ้านกันตามปกติและไม่มีใครกล้าพูดถึงเรื่องนี้อีก...


จนกระทั่งผ่านไปประมาณ 1-2 พวกเราถึงกลับมาคุยกัน เราพูดไปขำไปกับน้องชายแต่น้องสาวเราไม่ขำ เพราะมันบอกว่า มันกลัวมากและพี่ๆทิ้งมัน ไอ้เราก็เลยบอกว่า "เฮ้ย..พี่มาคิดๆดูแล้วมันไม่มีอะไรหรอก ลิฟท์มันคงค้างเฉยๆ เราน่ะกลัวกันไปเองมากกว่า" น้องสาวเราตอบกลับมาว่า "พี่รู้ได้ไงว่าไม่มี.."

เรา : มันจะมีอะไร รึแกเห็น? น้องสาว : ลิฟท์มันไม่ได้ค้าง แต่!!! มันมีผู้ชายยืนดันลิฟท์อยู่.....เรากับน้องชาย : เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!! สรุปคือ ใช่..ใช่ป่ะว่ะ??????



ขอขอบคุณ : https://pantip.com/topic/36688921

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ