ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ห้องอุบาทว์...อุบาทว์ยังไงไปชมกัน!!


ทีแรกผมก็ไม่เชื่อคำพูดเก่าๆ ที่ว่า คนแก่กับเด็กๆ และคนเจ็บไข้ได้ป่วยจะมีโอกาสโดนผีหลอกมากที่สุด ผมคิดว่าเป็นความเชื่อเลอะๆ หรืองมงายมากกว่า จนกระทั่งเจอะเจอเข้ากับตัวเองอย่างจังๆ


คราวนี้ผมเชื่อสนิทเลยละครับ...เรื่องนี้ถ้าจะพูดถึงเหตุผลก็เข้า เค้าไม่น้อย ตอนแรกผมลืมคิดไปว่าบุคคลสามประเภทที่อาจจะถูกผีหลอกหลอนได้ง่ายๆ นั้น เพราะร่างกายอ่อนแอ กำลังใจหรือพลังจิตก็เลยอ่อนลงไปด้วย เปิดโอกาสให้ภูตผีปีศาจเข้ามาปรากฏให้เห็นได้อย่างง่ายดายที่สุด อาชีพขับแท็กซี่ทำให้ผมเลี้ยงปาก เลี้ยงท้องตัวเองได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แม้จะไม่ร่ำรวยหรือสุขสบาย แต่ก็ไม่ถึงกับอดอยากปากแห้ง ถึงจะต้องเช่ารถเถ้าแก่ขับกะกลางคืนไปถึงตี 2 ตี 3 แต่ก็เคยชินเสียแล้วครับ แถมร่างกายในวัยหนุ่มก็แข็งแรง


ห้องเช่าผมอยู่ใกล้ๆ อู่ที่ห้วยขวาง ใกล้ๆ กับถนนสุทธิสาร เพื่อนฝูงอาชีพเดียวกันมาเช่าอยู่หลายคน ผมอยู่ห้องชั้นสองใกล้ๆ กับห้องน้ำ เลยสะดวกสบายตามสมควร...จนกระทั่งวันหนึ่งมีผู้โดยสารสาวสวยขึ้นรถที่สะพานควายไปโรงพยาบาลราชวิถี บอกว่าเป็นไข้หวัด...ไอแค่กๆ ตลอดทาง สรุปว่าผมติดหวัดจากเธองอมพระราม ต้องไปหาซื้อยาที่ร้านหมอตี๋แถวนั้น ขับรถไม่ไหว ต้องนอนซมอยู่ในห้องทั้งวัน ปากคอขมไปหมด แต่ยังดีที่พอจะไหว้วานเพื่อนข้างห้องไปซื้อโจ๊กซื้อข้าวต้มปลามากินได้


คืนแรกก็เจอดีเลยแหละคุณ!...ราว 4-5 ทุ่มได้ ผมนอนเหงื่อออกจนเสื้อผ้าชุ่มโชกไปหมด อาศัยความรู้นิดๆ หน่อยๆ ว่าพิษไข้ออกมากับเหงื่อ ยิ่งออกมากยิ่งดี เลยลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเหนอะหนะ แล้วสวมเสื้อยืดหนาๆ ให้อุ่นอกเข้าไว้ กินโอวัลตินกับขนมปังสองแผ่น...ไม่ได้หิวโหยหรืออยากกินหรอกครับ แต่ว่าได้เวลากินยาหลังอาหารค่ำน่ะ เสร็จสรรพว่าจะเข้าห้องน้ำตามที่พอรู้ว่า อย่าให้ท้องผูก กับการระบายของเหลวออกจากร่างกายก็เป็นการช่วยให้หายไข้หวัดเร็วขึ้น...


เสียงใครอาบน้ำซ่า...ดังแว่วมาเข้าหู!


ตอนแรกผมนึกว่าใครมาอาบน้ำในห้อง ใกล้ๆ แต่เอ...มันดังมาจากในห้องผมเองทั้งๆ ที่ไม่มีห้องน้ำซักห้อง...คงจะเป็นเพราะพิษไข้หรือฤทธิ์ยาทำให้ประสาท ฟั่นเฟือน หูอื้อจนฟังอะไรเลอะเลือนไม่ได้ศัพท์ละมั้ง? รอจนเสียงนั้นเงียบหายไป ผมเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าตากับเนื้อตัวแล้วกลับมาปิดไฟนอนห่มผ้านิ่งๆ ได้ชั่วครู่ก็รู้สึกว่ามีผู้ชายเดินเข้ามาในห้อง พูดจาอะไรเบาๆ กับใครก็ไม่รู้...สุ้มเสียงบอกว่าลิ้นไก่สั้นนิดหน่อย ก็คงจะเมามาได้ที่แล้วแหละ...ว่าแต่พิษไข้ทำให้ผมเพี้ยนไปขนาดนี้เชียวเรอะ? มองเห็นอะไรเป็นตุเป็นตะไปได้


อ้าว? ผู้ชายคนนั้นถอดเสื้อกางเกงออกแล้ว ยังดีที่มีผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างไม่ถึงกับอุจาดเกินไป...ว่าแต่เขากำลังคุย กับใคร หัวเราะหัวใคร่ เอื้อมมือไปไขว่คว้า ทำท่ากอดจูบความว่างเปล่าอยู่ใกล้ๆ เตียงผมเอง เอ...นี่มันฝันหรือจริงกันแน่? พิษไข้ล้วนๆก็ไม่รู้ซีครับ แต่เขาทำท่ากอดประคองใครลงนอนข้างๆ ผม...ผมยุ่ง นัยน์ตาแดง หน้าเยิ้มเหงื่อดูเป็นมันย่อง ดูหื่นห่ามไปหมดทั้งหน้าตาและท่าทาง ก่อนจะพลิกร่างขึ้นมายงโย่ยงหยกเหมือนกันว่าเขากำลังจะ...จะ...


เฮ้ยๆ ๆ นี่อะไรกันวะ? ใครมาทำสัปดนอยู่บนเตียงผมตำตา!


ฉับพลันทันใด ร่างนั้นก็ฟุบฮวบลง หน้าตาบิดเบี้ยวเหยเก...ไม่ใช่ความสุขสุดๆ นะครับ อย่าเข้าใจผิด แต่เห็นชัดว่าเป็นความเจ็บปวดรวดร้าวสุดขีด ผมได้ยินเสียงคล้ายสำลักลมหายใจ ก่อนที่ร่างนั้นจะหล่นลงไปข้างเตียง นรกเป็นพยาน! ผมลืมความเจ็บไข้ได้ป่วยของตัวเองสิ้นเชิง ลุกพรวดขึ้นมานั่งจ้องมองอย่างตะลึงงัน...ร่างนั้นดิ้นทุรนทุรายไม่ถึงอึดใจ ก่อนจะแน่นิ่ง นัยน์ตาเหลือกลานเบิกโพลง ปากอ้าค้างเหมือนโพรงถ้ำล้ำลึก...ก่อนจะค่อยๆ ละลายหายไป กลายเป็นความว่างเปล่าตามเดิม


ให้ตายเถอะ! จะเพราะพิษไข้หรือเปล่าผมไม่แยแสอีกแล้ว แต่กระโดดผลุงไปที่ประตู ถอดกลอนมือไม้สั่นระรัว...เผ่นอ้าวลงไปที่ห้องพนักงานต้อนรับทันใด...คนขับ แท็กซี่ที่ผมเห็นหิ้วสาวเข้ามาในห้องนั้นจนหัวใจวายน่ะซีครับ! บรื๋ออออ....
ขอบคุณ : กลุ่ม เรื่องผีๆ-สาระดีๆ https://web.facebook.com/groups/271990436527588/?ref=group_header

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ