ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เจอผีที่หอ เพราะไม่อาบน้ำ


เรื่องที่จะเล่าเป็นเรื่องตอนที่จขกท. อยู่หอในตอนปี 1 ค่ะ ตอนนี้เรียนจบแล้ว ตอนนั้นเราเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะและช่วงนั้นหลังเลิกเรียนพวกลีดจะต้องไปซ้อมทุกวัน ซึ่งก็จะซ้อมประมาณหกโมงเย็นจนถึงสามทุ่ม สถานที่ซ้อมเหรอคะ ? ไม่ใช่ในมหาลัยแน่นอนค่ะ

เนื่องจากกฏของมหาลัยหลายๆอย่าง จึงจำเป็นต้องหาที่ซ้อมนอกรั้วมหาลัย สถานที่หลักๆจะเป็นวัดซะมากกว่า มีเปลี่ยนที่ซ้อมประจำค่ะ เข้าเรื่องเลยนะคะ วันที่เราจะเล่า เป็นวันที่เราต้องย้ายสถานที่ซ้อมไปที่ใหม่ ทางเข้าไปก็ใกล้วัดเหมือนเดิม ทางเข้ามืดๆ มีบ้านคนอยู่บ้าง พอถึงที่ซ้อมมีลานปูนกว้างๆที่พวกเราจะต้องมาซ้อมกัน มีสปอร์ตไลท์ให้ แต่มันน่าขนลุกตรงที่ ทางด้านขวาข้างลานแห่งนี้มันติดกับเมรุ พร้อมกับต้นไม้ที่ปกคลุมมืดๆ ช่วงตลอดเวลาที่เราเริ่มซ้อมก็แอบมองไปทางเมรุบ้างคะ อ่อ…ลืมบอก ในสมาชิกเพื่อนที่เป็นลีดมีคนที่มีเซ้นส์อยู่ด้วยค่ะ

ถ้าจำไม่ผิดน่าจะสองคน ผู้หญิงกับผู้ชาย เราก็พึ่งรู้นี้แหละคะว่าคนมีเซ้นส์จะมีหลายรูปแบบ แบบที่มองเห็นได้กับแบบที่สัมผัสได้ หรือทั้งสองแบบ เเล้วช่วงที่ซ้อมๆกันอยู่นี้แหละ ฝนก็ดันตกลงมา พวกเราต้องรีบเข้าไปหลบฝนในศาลา แต่เพื่อนผู้ชายที่มีเซ้นส์สิคะ อยู่ๆก็มีอาการแปลกๆสะงัน เหมือนกลัวอะไรสักอย่าง จนทุกคน เริ่มกลัว พี่ๆก็ถามว่าเป็นอะไร ตอนนั้นจำได้คร่าวๆ ว่ารุ่นพี่เห็นอาการก็พอจะรู้ว่า เพื่อนเราต้องเห็นอะไรแน่ๆ เพราะเพื่อนคนนี้มีเซ้นส์ เพื่อนผู้ชายที่มีเซ้นส์ บอกว่า “เห็นมีคนยืนอยู่ที่ประตูรั้ว” แต่เพื่อนเรารับรู้ได้ว่าไม่ใช่คนแน่ๆ แล้วตรงทางเข้าลานแห่งนี้มีประตูรั้วเป็นทางออกทางเดียวสะด้วย จากนั้นรุ่นพี่ก็ให้เพื่อนเรา ก้มหน้าลงไม่ให้ไปมองที่ประตูรั้ว และเห็นท่าทีว่า คงจะซ้อมต่อไม่ได้แล้ว เลยเตรียมรถ

ที่จะพาให้น้องๆกลับ ตลอดช่วงเวลาที่เรากำลังรอรถมารับ บรรยากาศมันทั้งหนาวทั้งกลัว อาการเพื่อนก็เริ่มแย่ ถึงเราจะไม่เห็น แต่เราก็กลัวจะได้เห็นนี้สิ ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าอยากกลับหอ พอรถมาถึงพวกเราต้องนั่งหลังรถกระบะ ส่วนเพื่อนผู้ชายที่เห็น… ไปนั่งหน้ารถพร้อมกับก้มหน้าลง เพราะเราต้องผ่านประตูรั้วนั้น ที่เพื่อนบอกว่ามีใครบางคนยืนอยู่นั้นแหละ มีทางออกเดียวด้วย -..-  ส่วนคนที่เหลือนั่งหลังรถกระบะเลยคะ นั่งก้มหน้าฝนสาดตัวเปียกหมด จำได้ว่าขนลุกมากกกตอนที่รถขับผ่านประตูรั้วนั้นไป แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนถึงหอใน ทุกคนก็รีบกลับขึ้นหอของตัวเอง คืนนั้นหอในที่เราพักน้ำดันไม่ไหล
ไม่ไหลอยู่หอเดียวสะด้วย โธ่เอ้ย!!ชีวิต ตัวก็เปียกฝนน้ำก็ไม่ไหล ทำไงละ เพื่อนลีดอีกคน ก็มีความพยายามดีมาก ให้เพื่อนเมทช่วยกดน้ำจากตู้กดน้ำดื่ม มาอาบ พอให้ได้ล้างตัว แต่เรานี้สิ ความเพลียบวกกับกลัวโดนพี่ชั้นด่าที่เอาน้ำจากตู้น้ำดื่มมาอาบ เลยเอาน้ำดื่มมาล้างหน้าแปรงฟันพอ แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า เช็ดหัวให้แห้ง เตรียมนอนจ้าาา ชั่งมันเดี้ยวอาบตอนเช้าขอหอข้างๆอาบก็ได้ เพราะเพลียมาก แต่จู่ๆมีแชทกลุ่มของลีดดังขึ้น  ซึ่งเป็นรุ่นพี่ทักเข้ามาบอกว่า

“ให้ทุกคนอาบน้ำด้วย+++” ย้ำว่าต้องอาบ แถมรุ่นพี่บอกในแชทกลุ่มอีกว่า “เพื่อนน้องที่เห็นอะ บอกว่าเห็นคนที่ยืนตรงที่เราซ้อมตามมาถึงหอในด้วย” ไรเนี้ย!!! มีตามมาด้วย แค่นี้ก็กลัวจะแย่แล้ว แต่ไม่เป็นไรมั่ง หอในทุกหอมีสายสิญจน์ล้อมรอบคงเข้ามาไม่ได้หรอก เลยบอกพี่ในแชทกลุ่มว่า…“น้ำไม่ไหลคะพี่ มีแค่หอหนูหอเดียวที่ไม่ไหล  ขออาบตอนเช้าที่หอข้างๆนะคะ” พี่เลยบอกงันให้สวดมนต์กันด้วย มีพระก็เอามาไหว้กัน พอดีเพื่อนเมทในห้องเราคนนึ่ง ชอบมีของแนวๆนี้ด้วยพอดี พระเครื่องก็มี เลยเอามาให้เราไหว้แล้วไว้ใต้หมอน โอเค…แค่นี้คงไม่น่าจะมีอะไรหรอกมั่งนอนๆๆๆ zzZZ จากนั้นเราหลับไปได้กี่ชั่วโมงแล้วไม่รู้ แต่จู่ๆเราก็สะดุ้งตื่น…ไม่รู้ว่าตอนนั้นเวลาอะไร ฟ้ายังมืดอยู่และทุกคนในห้องยังหลับอยู่ แต่ตอนที่เราค่อยๆลืมตานี้แหละค่ะ ตึกๆๆ(เสียงหัวใจเต้น) ใจเราตกไปอยู่ตะตุ่มทันที!!!  พร้อมทั้งอุทานในใจว่า ชิ..หายแล้วว!! นี้เพราะเราไม่ได้อาบน้ำใช่ไหมเลยเจอแบบนี้ ซึ่งท่าที่เรานอนอยู่เป็นท่านอนตะแคงข้างไปทางขวา แขนขวาของเราก็วางราบ ไปกับเตียงนอนใกล้ๆกับขอบเตียงพอดี เเต่สิ่งที่เราเห็นมันมีมือ!!

มือดำเมี่ยม ดำเหมือนผิวโดนไหม้ มาจับแขนเราไว้แน่น  เรารู้สึกได้ว่ามือนั้นเย็นและหยาบ ตอนนั้นคิดอยู่เหมือนกันว่าเป็นอาการผีอำอีกแล้วใช่ไหม?  เพราะเราขยับตัวไม่ได้ เรามีอาการผีอำบ่อยมาก คือเรียกได้ว่ามีอาการจนชิน. แต่ครั้งนี้มันชัดเจนมากๆๆ เหมือนเราตื่นอยู่จิงๆแต่ขยับไม่ได้และไม่มีเสียงดังออกมาเวลาเราพูด คือเหมือนอาการผีอำที่เคยเป็นประจำแต่แค่ครั้งนี้มันชัดเจนกว่าทุกครั้ง และแขนดำๆที่มาจับแขนของเราพยายามที่จะดึงเราให้ลงมาจากเตียง ซึ่งตอนนั้นเราไม่เห็นว่าสิ่งที่ดึงเราหน้าตาเป็นอย่างไง (ไม่อยากเห็นด้วย T T) เห็นแต่แขนที่โผล่มาจากข้างเตียง เราสังเกตุเห็นว่ามีร่างของคนตัวดำๆ
นอนอยู่ข้างเตียงของเราและเเขนชูขึ้นตั้งฉากโดยที่แขนอีกข้างจับแขนของเราไว้

เราได้แต่สวดมนต์ พร้อมกับพูดว่า อย่าทำอะไรหนูเลย หนูกลัวแล้ว อย่าทำอะไรหนูเลย…..สวดมนต์ๆ แบบสวดไม่จบ สวดแค่ นโมตัสสะๆ (จิงๆเราสวดได้จบนะ) ตอนนั้นจำบทสวดได้แค่นี้จิงๆเพราะกลัวมาก ระหว่างที่สวดร่างของมือดำๆ ก็ทำท่าจะค่อยๆลุกขึ้นมาเป็นท่านั่ง ตอนนั่นท่าของเราเป็นท่านอนท่าเดิม ที่ขยับไม่ได้ เราเลยเริ่มด่าคะ ด่าผีเนี้ยแหละ  ประมานว่า “ปล่อยกูเดี้ยวนี้” ประมานนั่น จิงๆด่าเยอะกว่ามืออีกข้างของเราเริ่มขยับได้ เลยเอามือล่วงไปใต้หมอนควานหาพระที่เพื่อนให้ไว้ พอเจอพระเท่านั่นแหละ  เราก็เอาพระปาลงไปที่ผีนั้นแหละคะ. คือปาลงพื้นไปเลย

เท่านั้นแหละเราตื่นขึ้นมาแบบเด้งขึ้นมานั่งบนเตียง พร้อมกับอาการเหนื่อยหอบ ฟ้ายังมืดอยู่เวลาตอนนั้น ประมานตีห้า เรามองซ้ายมองขวา เพราะยังกลัวอยู่ ทุกคนยังหลับอยู่ เราก็รีบลุกไปเปิดไฟทันที พร้อมหยิบมือถือออกมานอกห้อง แล้วก็โทรหารุ่นพี่ลีดพร้อมอาการที่ยังกลัวและร้องไห้ไปด้วย  “ฮื่ออออ..พี่ หนูเจอ เมื่อกี้เลย” พี่ลีดก็ปรอบให้ใจเย็นและบอกว่า “เช้านี้พวกเราจะไปไหว้ขอขมาที่ ที่เราซ้อม เมื่อคืน” แต่เราติดเรียนช่วงเช้า เลยได้ไปไหว้ขอขมาช่วงเย็นแทน ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราไม่ได้ชำระล้างร่างกายหลังจากกลับมาจากสถานที่ ในคืนนั้นด้วยหรือป่าวที่เป็นสาเหตุหรือเราแค่พักผ่อนน้อยเลยมีอาการผีอำ แต่หลังจากคืนนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ มีได้ยินจากเพื่อน (มีเซ้นส์เช่นกัน)

ที่อยู่หอเดียวกันมาเล่าว่าเจอคนตัวดำๆเหมือนกัน  ซึ่งเราก็สะดุ้งเหมือนกันว่าใช่สื่งเดียวกัน กับที่เราเจอไหม แต่ก็ไม่ได้ยินเรื่องพวกนี้อีกเลย ไม่รู้ว่าน้องๆรุ่นหลังจะมีเรื่องทำนองนี้ไหม แต่เรื่องนี้ถือว่า เป็นประสบการณ์ขนหัวลุกเรื่องหนึ่งของเราเลย

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://pantip.com/topic/36082879

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ