ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตกลงคืนนั้นผมคุยกับใคร


สวัสดีครับพอดีผมมีเรื่องแปลกมาเล่าให้ฟังครับ ขอเรียกว่าเรื่องแปลกนะครับเพราะผมเองก็ไม่ใช่คนที่มีสัมผัสที่ 6 หรือ เคยเห็นสิ่งลี้ลับมาก่อน ก่อนอื่นผมอยากตั้งคำถามก่อนที่ทุกคนจะอ่านเรื่องนี้ และ หลังจากอ่านเรื่องนี้แล้ว ผมอยากให้ทุกๆคน ช่วยผมหาคำตอบที่เป็นไปได้ที่สุดในเรื่องนี้ครับ ว่า “ผมคุยกับใคร” ผมเองเป็นคนที่ไม่กลัวผีครับ แต่ผมก็ไม่เคยหลบหลู่หรือคิดว่าไม่มีจริงครับ 

เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้วครับแต่ตอนนั้นผมก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นผมโดนอำโดยคน หรือ ผมหูฝาด หรือผมเบลอไปเอง บ้านผมมีสมาชิกทั้งหมด 7 คน รวมผม โดยมีน้องชายผม น้องสาวผม หลาน น้าอีก2 คน และ แม่ของผม บ้านผมเป็นครอบครัวที่ชอบแกล้งกันอยู่แล้วเป็นประจำเลยทำให้ผมไม่รู้ว่าผมโดนแกล้งหรือมันเกิดขึ้นจริงๆ เพราะเวลาที่บ้านผมแกล้งกันเขาจะไม่เฉลยว่ามีคนแกล้ง แล้วโดยเฉพราะผมที่ทั้งบ้านจะรู้ว่าผมไม่กลัวผี ผมเลยโดนน้องๆ และ คนในบ้านแกล้งอยู่บ่อยๆ เช่น เลียนเสียงเป็นคนแก่เรียกเผื่อให้ผมคิดว่าเป็นผี และ อื่นๆอีกมากมาย

เข้าเรื่องเลยนะครับ ในคืนนึงขณะที่ผมกำลังนั่งเล่นเกมอยู่ ผมก็ได้ยินเสียงแม่ของผมเรียกให้เปิดประตูบ้าน ตอนนั้นผมก็บ่นในหัวของผมว่าทำไมแม่ไม่เปิดประตูเอง (คือ จริงๆแล้วแม่ผมมีกุญแจบ้านแต่ด้วย นิสัยแม่ผมจะเป็นคนเก็บกุญแจบ้านไว้ในกระเป๋าถือใบใหญ่ของเขาซึ่งของเยอะมากและด้วยความที่ขี้เกียจหากุญแจเพราะต้องควานหา และ เห็นว่าผมอยู่บ้าน เขาก็เลือกที่จะเรียกผมให้ลงมาเปิดประตูบ้านอยู่เป็นประจำ ถ้าวันไหนเขาไม่ขี้เกียจเขาก็จะไม่เรียกแต่จะยืนควานหากุญแจจนกว่าจะเจอ) 

ผมลืมบอกไปครับ บ้านผมเป็นบ้าน 2 ชั้น ซึ่งทุกคนนอนชั้นบนกันหมดครับ ผมนอนคนเดียว ส่วน น้องผมนอนกับแม่ผม น้า 2 คน และ หลานนอนด้วยกัน คืนนั้นผมก็รีบวิ่งลงมาเปิดประตูเพราะเกมที่ผมเล่นมันหยุดพักได้ไม่นานมันต้องต่อเนื่องครับ ไม่งั้นโดนเพื่อนร่วมทีมหัวร้อนใส่แน่นอนครับ(ออกแนวเห็นเกมส์ดีกว่าแม่ ฮ่าๆๆ) พอผมลงมาก็ไม่มีใครอยู่หน้าบ้าน ผมเลยคิดว่าผมหูฝาด เพราะปกติผมลงมาแม่จะยืนอยู่หน้าประตูบ้านตลอด ผมก็เลยรีบกลับไปเล่นเกมส์ต่อ โดยที่ผมไม่ได้ติดใจอะไร หรือ คิดในเชิงของผีแต่อย่างใด

หลังจากเหตการณ์ในคืนนั้นมันก็เกิดขึ้นอีกครั้งครับ เป็นเหตการณ์แบบเดียวกันเป๊ะเลยครับคือผมได้ยินเสียงแม่ผมเรียกให้เปิดประตูบ้านให้หน่อย แต่คราวนี้ผมไม่ได้เล่นเกมส์ผมกำลังดูคลิปอยู่ ผมก็ลงไปเหมือนเดิมแล้วก็ไม่เจอใครอีกเช่นเคย รอบนี้ผมเริ่มสงสัยครับว่าผมหูฝาด หรือ อาจจะเป็นแม่ผมเรียกจริงๆ แต่เดินไปรดน้ำต้นไม้ในระหว่างที่รอผมลงมาเปิดประตูบ้าน เพราะแม่จะรู้ว่ากว่าผมจะลงมาเปิดประตูก็ใช้เวลานานพอสมควร แกก็เลยจะเดินไปรดน้ำต้นไม้รอบๆบ้าน เพื่อฆ่าเวลา แต่พอผมเปิดประตูออกไปก็ไม่พบใครเหมือนเดิม ผมคิดในใจว่า “หรือว่าแม่ไปเดินคุยโทรศัพท์รอบๆหมู่บ้านเพื่อรอผมลงมาเปิดประตู” ผมจึงลองโทรไปหาแม่

ผม : แม่ครับ 
แม่ผม : ว่าไง
ผม : แม่อยู่ไหนครับ
แม่ผม : อยู่ออฟฟิศที่ทำงาน มีอะไร ? 
ผม : เปล่าครับ ไม่มีไร แค่ถามโทรมาถามดูเฉยๆ
(ผมเลือกที่จะไม่บอกแม่ว่าผมได้ยินเสียงแม่เรียกในตอนนั้น เพราะว่าผมรู้ว่าเวลาที่แม่คุยโทรศัพท์กับผมแม่จะเปิดลำโพงซึ่งทุกๆคนจะได้ยินรวมไปถึง น้องชายของผมซึ่ง น้องชายผมเป็นคนขี้กลัวมากๆโดยเฉพราะเรื่องผี ถ้าผมพูดออกไปผมรู้เลยว่าน้องผมจะกลัวมากๆ แล้วเวลาแม่ผมใช้ให้น้องผมลงมาเอาขวดน้ำในตู้เย็น น้องจะไม่กล้าลงมาแล้วน้องผมก็จะโดนดุ)

หลังจากเหตการณ์นี้ผมเริ่มคิดอยู่ 3 อย่างครับ

1. ผมหูฝาดจริงๆ 
2. ผมโดนแม่อำ เพราะแม่ผมเป็นคนแกล้งคนเก่งมากๆ โดนมาแล้วทั้งบ้าน แล้วไม่เฉลยด้วย ซึ่งในการอำครั้งนี้ผมคิดว่าเป็นไปได้ว่าแม่ผมกลับมาบ้าน แล้วเรียกผมจากนั้นก็ออกไปกินข้าวข้างนอก ต้องบอกก่อนเลยว่าแม่ผมเป็นคนทำอะไรลงทุนมากๆ โดยเฉพราะเรื่องอำคนในบ้าน (บางคนอาจจะดูว่าอำแบบนี้เกินไปรึเปล่า ผมกับแม่สนิทกันมาก และ แม่ผมอำผมเเรงคนเดียวครับเพราะเขารู้ว่าผมไม่กลัวผี และ ผมว่าเขาจะแกล้งแน่นอนถ้ามีโอกาส)
3. มีสิ่งลี้ลับเรียกผมจริงๆ

แต่ผมก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครเพราะผมเองก็ยังไม่รู้อย่างแน่ชัดว่า เสียงที่ผมได้ยินคืออะไรกันแน่

หลังจากเหตการณ์นั้นก็ล่วงเวลามาเป็นเดือนกว่าๆครับ จนคืนนึงก็เกิดเหตการณ์คล้ายๆกันครับแต่ครั้งนี้มันหาคำอธิบายไม่ได้จริงๆ ผมจำได้เลยครับว่าตอนนั้นเป็นเวลา 11:40 P.M. นาทีเพราะผมกำลังทำกิจกรรมในเกมครับซึ่งกิจกรรมหมดเวลา เที่ยงคืน ผมกับแม่เป็นคนนอนดึกพอสมควรแต่ผมนอนดึกเป็นบางวันส่วนแม่ผมนี่ทุกวัน ติดเกมแคนดี้มากๆ ทุกวันแม่จะขอให้ผมส่งหัวใจให้(บางคนอาจจะมีประสบการแบบเดียวกับผม ฮ่าๆๆ)

คืนนั้นผมบังเอิญปวดฉี่ผมเลยเปิดประตูออกมาเพื่อเข้าห้องน้ำ ในระหว่างที่ผมเดินออกมาจากห้อง ผมเห็นไฟตู้เย็นสะท้อนออกมาที่ขั้นบันไดชั้นกลาง(อธิบายเพิ่มเติมครับว่า บ้านผมชั้น 1 วางตู้เย็นไว้ใกล้กับบันไดเลยครับ พอเวลาใครเปิดตู้เย็นไฟก็จะสว่างพอที่จะส่องขึ้นมาถึงบันไดชั้นกลางเลยครับ) ในบ้าน
ผม คนที่จะลงไปข้างล่างตอนดึกๆก็จะมีแค่แม่ผมครับ เพราะทุกคนจะหลับหมดแล้ว พอผมเห็นไฟตู้เย็นเปิดอยู่ ผมก็พูดถามว่า

ผม : ลืมเอาขวดน้ำขึ้นห้องอีกแล้วเหรอครับแม่ (แม่ผมดื่มน้ำบ่อยครับ และ เขาก็จะลืมเอาขวดน้ำขึ้นห้องนอนบ่อยมากๆเช่นกันครับ)
แม่ : อื้ม ลืมทุกวัน ทำไมนอนดึกจังลูกวันนี้
ผม : ก็นั่งเล่นเกมเหมือนปกติแหล่ะแม่ พรุ่งนี้ไม่ได้ทำงาน
แม่ : วันหยุดเหรอ
ผม : วันเสาร์ไงแม่
แม่ : เอ้อ แม่ไปซื้อขนมปังมพะร้าวมา อยู่ในครัว… ถ้าจะกินก็รีบลงมากิน พรุ่งนี้มันจะเสีย (แล้วไฟตู้เย็นก็ดับลง พร้อมเสียงปิดประตูตู้เย็น) 
ผม : จริงดิแม่… กำลังหิวเลย 

ผมก็เดินลงไปชั้น 1 เพราะตอนแรกผมยืนคุยกับแม่จากชั้น 2 ผมอยู่ชั้น 2 ตอนนั้น ส่วนแม่อยู่ชั้น 1 

แต่เหตการณ์ที่แปลกประหลาดที่สุดในชีวิตผมก็เกิดขึ้น ในขณะที่ผมกำลังก้าวขาลงจากบันไดขั้นแรก แม่ผมก็เปิดประตูห้องออกมาแล้วถามผมว่า คุยกับใคร คุยเหมือนคุยกับแม่ ตอนนั้นผมก็เห้ยยยยยยยยยย !!!! ออกมา …. แบบดังมาก คือผมเห้ยด้วยความตกใจบวกกับช๊อคมากๆ ผมบอกแม่ว่า เมื่อกี้ผมคุยกับแม่อยู่ด้านล่าง ซึ่งแม่ผมก็ทำหน้างง แล้วก็พูดว่า “ฟังอยู่นานแล้วว่าคุยกับใคร นึกว่าคุยโทรศัพท์ก็งงว่าทำไมเรียกแม่ แล้วคุยกับใครอยู่”

ผมก็บอกแม่ไปว่าเมื่อกี้คุยกับแม่จริงๆ แต่ทำไมแม่อยู่ในห้อง แม่ผมก็พูดแค่ หูฝาดอ่ะดิกลับไปนอนได้แล้วเสียงดังคนอื่นนอนหมดแล้ว (ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมพูดไปแม่เองก็คิดเช่นกันแต่คงไม่อยากให้คนอื่นตกใจเลยพูดให้เรื่องมันจบๆไปก่อน) 

ด้วยความที่ผมไม่กลัวผีอยู่แล้ว ผมก็รีบเดินลงไปดูว่าใครกันแน่ที่อยู่ข้างล่าง ยอมรับเลยครับว่าตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่รู้สึกใจเต้นตุบๆมากเพราะในหัวก็เริ่มจินตนาการถึงรูปร่างของผีแล้ว ผมเดินมาหยุดที่บันไดชั้นกลาง เพราะข้างล่างมืดมาก ซึ่งตอนนั้นผมรู้สึกกลัวจริงๆแล้ว ผมพยายามมองลงไปเพื่อให้สายตาปรับสภาพในที่มืดก่อนเพราะผมออกมาจากห้องที่มีแสงจึงทำให้สายตาผมยังปรับตัวไม่ทัน ผมยืนอยู่สักพักสายตาผมก็ยังไม่ปรับจนผมยอมกลั้นใจเดินต่อลงมาเพื่อเปิดไฟชั้นล่าง หลังจากที่ผมเปิดไฟ แล้วผมก็มองไปรอบๆ ในหัวตอนนั้นโล่งมากครับ ผมนึกขึ้นได้ถึงคำพูดเรื่องขนมปังมะพร้าว ผมรีบดินไปในห้องครัวเพื่อดูว่ามีขนมปังมะพร้าวจริงรึเปล่า แต่ก็ไม่มี(ถ้ามีจริงๆนี่ผมคงประสาทกินแน่ๆครับ) 

ผมเดินรอบบ้านข้างล่างทั้งหมด มองออกไปบ้านข้างๆว่ามีใครคุยกันอยู่รึเปล่า ไม่มีแม้แต่เสียงรถ หรือ เสียงอะไรทั้งสิ้น ผมเดินเปิดไฟรอบบ้านชั้นล่างด้วยความกลัว และ ยืนคิดอยู่นานมากๆ ว่าผมคุยกับใครกันแน่ ถึงขั้นคิดว่าจะเป็นไปได้เหรอที่ผมจะหูฝาดขนาดคุยเป็นเรื่องเป็นราวได้ขนาดนั้นเพราะผมก็ไม่เคยเบลอ หรือ พักผ่อนน้อย หรือ มีอาการหลอนเห็นสิ่งต่างๆ หรือ หูฝาดบ่อยๆ ผมมั่นใจมากๆว่าผมคุยกับแม่แน่ๆเพราะเป็นเสียงแม่ผม และ ไฟจากตู้เย็นที่ผมเห็น ภาพทุกอย่างมันไม่ใช่เรื่องที่จะบังเอิญขนาดนั้นแน่นอน จากนั้นผมปิดไฟเดินขึ้นห้องผม ผมนั่งอยู่ในห้องของผมด้วยคำถามเต็มหัวไปหมดว่า มันคืออะไร ผมอยากหาคำตอบให้ได้มากๆ ผนนั่งวิเคราะห์ทุกสิ่งที่เป็นไปได้ แต่ก็หาคำตอบที่ใกล้เคียงความเป็นได้ที่สุดไม่ได้เลย ผมใช้เวลานานมากกว่าจะหลับได้ในคืนนั้น เพราะใจนึงก็กลัวอีกใจก็สับสน

รุ่งเช้ามาแม่ผมไม่ได้พูดถึงเหตการณ์คืนนั้นแม้แต่นิดเดียว (อาจจะเพราะไม่อยากให้คนในบ้านได้รับรู้)
แล้วเรื่องนี้ก็มีเพียงแค่ผมคนเดียวที่ยังคิดอยู่ ผมเองก็อยากรู้ว่าแม่ผมคิดยังไงเหมือนกัน เพราะผมมั่นใจว่า แม่ผมรู้แน่ๆว่าผมไม่ได้คุยคนเดียวอย่างแน่นอน ซึ่งสิ่งที่ผมบอกแม่ไป แม่ก็เชื่ออยู่แล้วแต่ด้วยความที่แม่ผมคงไม่อยากให้ผมคิดมากหรือาจจะไม่อยากให้คนอื่นตกใจกลัว แม่ผมก็เลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีก



จากนั้นมาจนถึงวันนี้ผมก็ไม่ได้เจอเหตการณ์แบบนั้นอีกเลย แถมคำถามเดิมก็ยังคาอยู่ในหัวของผมว่า "คืนนั้นผมคุยกับใคร"

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...