ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สมิงที่บ่อพลอย


เป็นเรื่องราวของคุณอาร์ต ที่ได้กรุณานำมาถ่ายทอดให้อีกที เรื่องราวมีอยู่ว่า...เมื่อครั้งกึ่งพุทธกาล เรื่องราวของเสือสมิงที่บ่อพลอย ก็ถือได้ว่าเป็นอาถรรพ์ป่าดงดิบอันน่าสยดสยอง ที่ชาวบ้านโจษจันกันมาถึงลาดหญ้า และแพร่หลายไปยังตัวเมืองกาญจนบุรี ขณะนั้น แม้ว่าจะเป็นกิ่งอำเภอแล้ว แต่บ่อพลอยก็ยังค่อนข้างจะทุรกันดารนัก


จากลาดหญ้าเข้าไปก็มีแต่ป่าดง หนทางคดเคี้ยว วกวนเวียนไปมาตามธรรมชาติ มีแต่รถซุงแล่นผ่านไปมา มีชุมเผาถ่านเป็นระยะๆ ลึกเข้าไปก็มีชุมตัดไม้และทำไร่เลื่อนลอย ปลูกกระท่อมอยู่ห่างๆกันแค่สองสามหลัง เสือและช้างยังเป็นเจ้าถิ่น วันดีคืนดี เจ้าจมูกยาวก็บุกเข้าไปทำลายกระท่อมราบเป็นหน้ากลอง

ใครจะเข้าบ่อพลอยต้องแยกจากเส้นทางรถซุง แล้วย่ำป่าไปเกือบสิบกิโลเมตรกว่าจะถึงปากทาง เห็นถนนลูกรังสีแดงเส้นเดียวตัดตรง ซ้ายมือเป็นหมู่บ้านและห้องแถวที่เขรอะฝุ่นกับร้านค้า ขวามือเป็นที่ทำการของหลวง มีบ้านพักกระจายอยู่ราวสี่ห้าหลัง มีรถกระบะขนของกินของใช้จากจังหวัดมาส่งที่นั่นอาทิตย์ละสองครั้ง คือวันจันทร์กับวันพฤหัสบดี วันนั้นก็จะมีโอเลี้ยงกาแฟเย็นชาเย็นกินกัน เพราะมีน้ำแข็งเข้ามาส่งด้วย วันไหนมีการฆ่าหมู ซึงต้องเสียค่าอาชญาบัตรห้าสิบบาท ไม่ว่าจะเป็นพวกกะเหรี่ยงบนเขาหรือบ้านไหนก็ตาม ชาวบ้านที่รู้ข่าวตั้งแต่เมื่อวาน จะเดินบ้างขี่จักรยานบ้าง มาซื้อหมูถึงที่นี่แต่เช้า ตกสายก็ขายหมดเกลี้ยง ไม่ว่าเครื่องในหมูหรือแม้แต่เลือดหมู และวันนั้นที่ร้านกาแฟ ก็จะมีก๋วยเตี๋ยวหมูขาย

บ่อพลอยแวดล้อมไปด้วยขุนเขาลำเนาไพร ชาวบ้านส่วนหนึ่งก็แบกปืนเข้าป่าล่าสัตว์ตีผึ้งหาสมุนไพร โดยเฉพาะหน่อไม้ ถือว่าเป็นอาหารสำคัญ เพราะจะมีหน่อไม้ลวกต้มใบหญ้านางหาบขาย พอๆกับน้ำขาว ไม่มีอะไรก็เอาหน่อไม้จิ้มเต้าเจี้ยวกินกับข้าวได้ทั้งบ้าน มีน้ำพริกผักสดผักต้ม แถมด้วยเนื้อเค็มปลาเค็ม และมีแกงส้มสักหม้อก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว แล้วจู่ๆ ก็เกิดมีข่าวใหญ่ว่าไอ้ลายขนาดแปดศอก มาคาบชาวบ้านที่เข้าป่าไปกินสองคน คนแรกก็ยังพอว่า แต่เมื่อตามไปเจอซากศพคนต่อมา มีปืนแก๊ปตกอยู่ใกล้ซากที่แทบจะเหลือแต่โครงกระดูก ก็ร่ำลือไปต่างๆนาๆว่าเป็นเสือเจ้าบ้าง เสือสมิงยิงไม่อยู่บ้าง จนถึงกับบอกกันว่ามันคงเป็นเสือลำบาก ล่าคนง่ายกว่าล่าสัตว์อื่น บางคนก็เชื่อว่ามันได้ลิ้มเนื้อมนุษย์แล้วเกิดติดใจ ใครเข้าป่าต้องระวังเงาหัวให้ดีๆ เพราะไม่รู้ว่าเจ้าป่าจะมาดักซุ่มอยู่ที่ไหน ถ้าไม่รู้ตัวมัวแต่ตกใจ ได้ยินเสียงโฮกเข้าใส่ มีหวังมืออ่อนตีนอ่อน โดนมันขย้ำคอหอยลากไปกินเอาง่ายๆ


ปัญหาอยู่ที่ว่า เสือโคร่งตัวนี้มันมาจากไหน บ้างก็ว่ามาจากศรีสวัสดิ์ บางก็ว่ามาจากเขตอุทัยกับทุ่งใหญ่นเรศวร เพราะได้ข่าวว่ามีพรานป่ากับพรานกรุงเข้าไปล่าสัตว์กันคึกคัก พวกเสือช้างกวางเก้งก็เตลิดหนีตาย กระจัดกระจายมาถึงป่าบ่อพลอย ชาวบ้านแทบไม่เป็นอันทำมาหากิน เมื่อได้ข่าวว่า มีคนเห็นมันมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆบ้าน ทิ้งรอยตีนขนาดชามคมไว้เขย่าขวัญ ค่ำคืนได้ยินเสียงร้องมาจากป่าดง ฟังแล้วสยองใจ ประหนึ่งมันร้องอยู่หน้าบ้านก็ปานกัน มีการจัดคณะล่าเสือกินคนขึ้นมา ตาแก่นพรานใหญ่เป็นหัวหน้า เจ้ากิ่งกับเจ้าดั่นอาสาตามไปล่าเสือด้วย คิดว่าได้การแน่เพราะเพิ่งได้ข่าวว่า มันลงมากินน้ำที่หนองเบี้ยเมื่อคืนก่อนนี้เอง


ขณะที่กำลังตระเตรียมกันอยู่นั้น สาวเดือนวัยสิบเจ็ดปี ออกไปหาหน่อไม้ใกล้ๆบ้าน ก็โดนไอ้ลายลากไปกินแล้ว ชาวบ้านได้ยินเสียงหวีดร้องรีบเข้าไปช่วย แต่ก็พบแค่กองเลือดเท่านั้น เจ้าดั่นแทบคลั่งใจตาย เพราะสาวเดือนเป็นญาติลูกพี่ลูกน้องของมันเอง "รีบไปกันเถอะ น้าแก่น ไอ้กิ่ง ถ้ายิงมันไม่อยู่ ข้าสาบานว่าจะไม่กลับมาเหยียบบ่อพลอยอีกเด็ดขาด" เป็นอันว่าคนทั้งสาม หอบหิ้วปืนผาหน้าไม้กับเสบียงกรังพอสมควร เข้าป่าในวันรุ่งขึ้น มั่นอกมั่นใจว่า เสือกินคนยังคงป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้นอย่างแน่นอน คืนแรกเท่านั้น พรานทั้งสามก็เจอดีเข้าอย่างจัง ป่าเปลี่ยวมืดดำล้อมรอบกาย มีแต่กองไฟพอกันหนาวกับป้องกันภัย เจ้าดั่นเพิ่งรับยามต่อจากเจ้ากิ่ง ผู้เข้านอนห่มผ้าอยู่ข้างๆพรานแก่นใต้ร่มว่า รุนฟืนเข้ากองไฟจนลุกโพลงเสียงดัง "เปรี๊ยะๆ!!" เจ้าดั่นวางปืนไว้ข้างตัว แล้วมวนยาสูบแก้รำคาญ


ลมดึกคร่ำครวญ วู่หวิวมาตามยอดไม้ เสียงเก้งร้องเป๊บดังขึ้นใกล้ๆ เสียงคล้ายผู้หญิงร้องเพลงก็ดังแทรกขึ้นมา สะกดความรู้สึกให้พร่ามึน ประหนึ่งต้องมนต์สะกด มองหาว่าใครกล้ามาร้องเพลงในป่าดงยามนี้

ก็พอดี มองเห็นเต็มตา สาวชาวป่าผมยาวร่างอ้อนแอ้น เดินลุยนาดเข้ามา แต่เมื่อเปลวไฟฮือโหมตามแรงลมเข้าไปหาก็ชะงัก ยกแขนป้องกันไอร้อนและควันไฟ เจ้าดั่นจ้องมองพลางร้องถามไปว่า "ใคร!"สาวนั้นลดมือลงยิ้มหวานหน้าแดงระเรื่อ ด้วยแสงไฟเต้นวูบวาบเห็นถนัดตา "เดือน!!" เจ้าดั่นลุกพรวดพราดขึ้นยืน "เอ็งยังไม่ตาย!!" สาวเจ้าส่ายหน้า พลางกวักมือเรียกญาติผู้พี่เข้าไปหา เจ้าดั่นก็รีบถลาไปด้วยความดีใจ ลืมปืนคู่มือเสียสนิทสนม พรานแก่นหูตาไวตามวิสัยพราน ก็ลุกขึ้นมา มองเห็นภาพตรงหน้าก็ร้องลั่น "ไอ้ดั่น อย่าไปนะมึง!!" แต่ช้าไปแล้ว เจ้ากิ่งลุกขึ้นมาร้องเอะอะ พร้อมๆกับเสียงเจ้าป่าคำรามลั่น ตามด้วยเสียงตะโกนด่าบ้าคลั่ง ชุลมุนวุ่นวาย ดูสับสนอยู่ในแสงไฟวูบวาบไปมา ตามแรงลมไม่หยุดหย่อน

พรานแก่นกับเจ้ากิ่งคว้าปืนขึ้นมา แต่ยังไม่ทันจะออกวิ่งตาม เจ้าดั่นก็โซซัดโซเซกลับเข้ามา เลือดเปรอะหน้ากับท่อนแขน ในมือยังกุมมีดด้ามยาวเอาไว้แน่น "ผีนางเดือน" มันคราง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหงาย หายใจระรวย "ข้านึกว่าคน ที่ไหนได้ล่ะ พอเข้าใกล้กลายเป็นไอ้ลายโฮกเข้าใส่ เกิดมายังไม่เคยเห็นไอ้ลายที่ไหนจะใหญ่เหมือนวัวเหมือนควายขนาดนี้ โอ้ยยย ถ้าไม่ได้มีดเล่มนี้ช่วยไว้ ข้าคงไม่รอดแน่ๆ" ตาแก่นปราดเข้าดูแผลด้วยความห่วงใย เห็นว่าไม่หนักหนาอะไรก็ให้มันนอนพัก แกรับอาสาเฝ้ายามไปจนแจ้ง รุ่งขึ้น เจ้าดั่นยิ่งนิ่วหน้า ขบกรามคำรามเบาๆอยู่ในคอไม่หายแค้นเคือง เจ้ากิ่งหุงข้าวกิน และก็ออกติดตามรอยเสือที่ย่ำเป็นเทือกอยู่ไม่ไกลนัก ครั้นตกสาย พรานแก่นก็ชี้ให้ดูรอยใหม่ กระซิบกระซาบว่าให้เตรียมตัว เสือสมิงคงจะอยู่ใกล้ๆนี่เอง


แต่เลยเที่ยงแล้วก็ยังไม่มีวี่แววอะไรเลย รอยตีนมหึมานำหน้าให้ออกตามนั้น ดูวนไปวนมา ราวกับเสือเจ้าเล่ห์จะวางกับดัก หรือเป็นฝ่ายหาโอกาสล่าพรานเอาเสียเอง แล้วรอยตีนนั้นก็หายไปที่ลำธารตื้นๆ ไหลรินลับหายไปในซุ้มไผ่ที่โน้มลงมาหากันทั้งสองฝั่ง ราวกับจะบดบังความลี้ลับของป่าดงอาถรรพ์ไว้อย่างมิดชิดตลอดกาล เจ้ากิ่งลุยน้ำข้ามฝากไปสำรวจดูครู่หนึ่ง แล้วก็กลับมาส่ายหน้า พรานแก่นเกาหัวอย่างอัศจรรย์ใจ แต่เจ้าดั่นเงยหน้า เหลียวซ้ายแลขวา เงี่ยหูฟังเสียงผิดปกติ นอกจากเสียงน้ำเซาะแก่งหิน ครั้นแล้วก็บุ้ยปากไปทางขวา เห็นอ้อยช้างยืนต้นแผ่กิ่งใบร่มครึ้ม ไม่ห่างจากซุ้มกอไผ่นั้นนัก เสือสมิงเจ้าเล่ห์ลงลุยน้ำไปและย้อนมาขึ้นฝั่งเดิม ด้วยผีสิงเข้าดลใจมัน พรานแก่นพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ กระชับปืนเตรียมพร้อม แยกย้ายกันเข้าหาเสือร้ายที่อาจจะซุ่มซ่อน หาโอกาศกระโจนเข้าใส่ได้ทุกขณะจิต


เจ้าดั่นลับตาไปแล้ว ป่าทั้งป่าเงียบงัน พรานแก่นแทบกลั้นหายใจ จ้องเป๋งไปที่ซุ้มไม้รกทึบใกล้ต้นอ้อยช้าง สะดุดผางจนหัวคะมำ เจ้าดั่นถลันออกมาเต็มตัว พรานแก่นตั้งหลักได้ก็ประทับปืนเข้ากับบ่าเหนี่ยวไก "ตูม!!" "หน้าแก่น!!" เจ้ากิ่งตามมาร้องเสียงลั่น "ยิงผิดแล้ว นั่นมันไอ้ดั่น!!" พร้อมๆกันนั้น ก็มีเสียงคำรามเหมือนฟ้าผ่า เจ้ากิ่งยืนตะลึงอ้าปากค้าง เมื่อเห็นเจ้าดั่นกระเด็นไป เสือโคร่งตัวมหึมาโฮกสนั่นกระโจนเข้าใส่ พรานแก่นซัดตูมเข้าอีกนัด ร่างนั้นก็หล่นลงมาสิ้นฤทธิ์ เจ้ากิ่งหน้าซีดเข้าอ่อนคล้ายจะเป็นลม "น้าแก่นยิงไอ้ดั่น! แล้วไอ้ดั่นกลายเป็นเสือจะขย้ำเราตาย! น้าแก่นรู้ได้ยังไงว่ามันไม่ใช่ไอ้ดั่น" พรานแก่นยกหลังมือปาดเหงื่อที่หน้าผาก บุ้ยปากไปที่โคนไม้ใหญ่ก่อนถอนใจ "ถ้าไม่สะดุดไอ้นั่นสะก่อน ข้าคงจะโดนเสือสมิงขบหัวตายโหงไปแล้ว" เจ้ากิ่งก้มลงมอง ร้องเสียงหลงก่อนที่จะล้มตัวลงนั่งอย่างสิ้นเรี่ยวแรง เมื่อเห็นซากศพของเจ้าดั่นถูกกัดกินเหวอะหวะ หน้าท้องถูกฉีกกระชาก เลือดแดงเถือก มดคันไฟยั้วเยี้ยกับแมลงวันตอมหึ่ง


นี่ก็คือเรื่องราวของเสือสมิงที่บ่อพลอย ที่กลายเป็นตำนานตั้งแต่นั้นสืบมา และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด


เครดิตภาพ : mthai

เล่าโดย : ธกร คนชอบเล่า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ