ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ณธีร์(ฉบับสมบูรณ์)...ใครที่ชอบเล่นซ่อนหาตอนกลางคืน ระวังไว้!!


ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว สมัยเรียนอยู่ประถมผมมีเพื่อนรักอยู่คนนึงชื่อณธีร์ ณธีร์เป็นเด็กที่ย้ายมาจากโรงเรียนอื่น จึงไม่ค่อยมีเพื่อนมากเท่าไรนัก ก็มีผมนี้แหละที่ค่อนข้างจะสนิทกับณธีร์มากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ บอกได้เลยครับว่าชีวิตวัยเด็กในเวลานั้นสนุกมาก ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ผมและเพื่อนๆอีก 3 คน รวมทั้งณธีร์จะช่วนกันไปเล่นตามทุ่งนา ยิงนกตกปลาตามประสาวัยเด็ก ตกเย็นก็พากันแยกย้ายกันกลับบ้านตามปกติ ชาวบ้านในละแวกนั้นก็พากันกลับมาจากการทำไร่ทำนา บรรยากาศบ้านนอกสมัยนั้น พอตะวันตกดินฟ้ามึดเสียงจิ้งหรีดเรไรเริ่มร้องกันระงม ก็ไม่มีใครอยากออกมานอกบ้านแล้วหละครับ โดยเฉพาะผมเป็นคนกลัวผีมาก


ชีวิตในวัยเด็กก็ดำเนินไปตามปกติเหมือนที่เคยเป็นอยู่ จนกระทั่งวันนั้น วันหยุดของพวกเรา ผมและเพื่อนๆก็ช่วนกันไปเล่นตามไร่ตามทุ่งนาเหมือนเช่นเคย ตกเย็นก็เริ่มเหนื่อยล้า ก็เลยชวนกันกลับบ้านในระหว่างทางกลับบ้านนั้น เพื่อนผมคนนึงที่ชื่อต่อ ก็เอ่ยขึ้นมาว่า "นี่พึ่งจะ 4 โมงเย็นเอง เราไปเล่นที่โรงเรียนกันต่อไหม แล้วค่อยกลับบ้านกัน" ณธีร์เลยเอ่ยขึ้นมาว่า "แม่เราไม่ให้กับบ้านเย็นมากนะ เดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง เรากลัวแม่เราดุเอาหนะ" ต่อจึงบอกกับณธีร์ว่า "เอาหน่าไปเล่นแปบเดียวเองเดี๋ยวค่อยกับพร้อมกันไม่มีอะไรหรอก" ณธีร์เลยบอกว่า "ก็ได้แต่อย่าให้มืดนะ" ทุกคนตกลงไปเล่นต่อที่โรงเรียน พอไปถึงโรงเรียนก็คิดว่า "เราจะเล่นอะไรกันดีหละ" ในระหว่างนั้นผมเกิดปวดฉี่ก็เลยเดินไปฉี่ในห้องน้ำของโรงเรียน โดยชวนณธีร์มาเป็นเพื่อน ระหว่างเดินกลับเจอลุงหล่อภารโรงที่ดูแลโรงเรียนเดินสวนพอดี แก่สะแหยะยิ้มให้ผมกับณธีร์แบบแปลกๆ ณธีร์เลยถามผมว่า "แกยิ้มให้เราทำไมวะ ดูไม่น่าไว้ใจเลย" ณธีร์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ผมเลยตอบกับณธีร์ว่า "กูก็ไม่รู้ว่ะแต่แกสติไม่ค่อยดีนะ อย่าไปถึงสาอะไรแกเลย" ผมเห็นแกมาตั้งแต่เด็กๆเลยไม่กลัวเท่าไร


พอกลับมาจากเข้าห้องน้ำเราเลยตกลงกันว่า จะเล่นซ่อนหากันไหม เพื่อนๆทุกคนก็ตอบตกลง "งั้นพวกเราเล่นซ่อนหากัน เล่นใต้ถุนโรงเรียนนี้แหละ แล้วอย่าไปซ่อนไกลหละเดี๋ยวจะหาไม่เจอ" เล่นกันไปได้สักพัก ครั้งสุดท้ายต่อเป็นคนหา พวกเราก็รีบไปหาที่ซ่อนกันแต่หละคน ผมเห็นตู้ล็อกเกอร์ที่ว่างตั้งอยู่หลายตู้จึงเลือกที่จะเขาไปหลบอยู่ในตู้ใบหนึ่งแล้วปิดปะตูจากข้างใน บรรยากาศตอนนี้เริ่มเย็นมากแล้ว ผมได้แต่ภาวะนาว่าขอให้หาเจอเร็วๆเถอะอยากกลับบ้านแล้ว ในระหว่างนั้นช่วงที่ผมกำลังจะเปิดประตูออกไป เพราะมันเริ่มนานเกินไปแล้ว ผมเห็นผู้ชายคนนึงกำลังเดินเข้ามาที่ตู้ที่ผมกำลังซ่อนอยู่ โดยที่ผมมองลอดผ่านช่องลมของประตูออกไป แต่มองไม่เห็นหน้าผู้ชายคนนั้น เพราะเขาตัวสูงมาก ผู้ชายคนนั้นเริ่มเดินเข้ามาใกล้เรื่องๆ จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าตู้ของผม แล้วพูดว่า "กำลังทำอะไรอยู่" ผมตกใจมากจนหลับตาปี๋เพราะความกลัว พอลืมตามาอีกที่ผู้ชายคนนั้นก็หายไปแล้ว ผมพยายามเปิดประตูล็อกเกอร์ออกแต่ประตูถูกล็อกจากด้านนอก ผมจึงพยายามเรียกหาเพื่อนให้มาช่วย! "ต่อ ณธีร์ ต๋อง ช่วยกูด้วย" แต่ก็ไม่มีใครตอบกลับ ผมจึงใช้ตัวกระแทกประตูจากด้านใน จนประตูหลุดออก แล้ววิ่งออกมาจากตรงนั้นด้วยอาการกลัวจนสติแตก พยายามมองหาเพื่อนๆแต่ก็ไม่เจอใคร


ผมยืนคุมสติอยู่พักนึงก็เห็น ต่อกับต๋อง วิ่งหน้าตาตื่นมาหาผม แล้วถามผมว่า "ไปซ่อนไหนมาวะ กูหาแทบตาย นึกว่ากลับบ้านไปกลับณธีร์แล้ว" ผมจึงบอกว่า "เดียวค่อยกลับไปเล่าที่บ้านแล้วกัน อ้าว! แล้วณธีร์หละ ยังหาไม่เจออีกหรอ?" ต๋องเลยถามกลับมาว่า "เห็นมันเดินไปกับ นึกว่าไปซ่อนด้วยกันสะอีก" ผมเลยบอกว่า "ตอนแรกก็เดินตามกันมาดีๆ พอหันไปอีกทีมันก็หายไปแล้ว" ณ เวลานั้นฟ้าเริ่มมืดลง บรรยากาศเงียบสงัด ผมจึงแยกย้ายกันหาอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบณธีร์


ณธีร์อาจจะกลับบ้านไปแล้วก็ได้มั้ง ในใจผมคิดแบบนั้น จึกบอกกับทุกคนว่า "ลองไปหาที่บ้านกันดูไหม เห็นมันบอกว่ากลับบ้านมืดไม่ได้" พวกเราเลยตัดสินใจไปที่บ้านของณธีร์ ระหว่างทางไปบ้านของณธีร์นั้น สองข้างทางเป็นป่าตาลสูง และหนาทึบมาก ยุคสมัยนั้นไฟฟ้าตามบ้านเรือนยังมีน้อย ยิ่งเข้าไปลึก ทางก็ยิ่งเปลี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ จู่ๆต๋องก็เอ่ยขึ้นมาว่า "เรากลับบ้านกันเหอะ กูกลัว!" ใจผมได้แต่ภาวนาว่าขอให้ไปถึงบ้านของณธีร์เร็วๆ อีกใจก็ยังคิดถึงเรื่องที่เจอมาเมื่อตอนเย็น "นี้มันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่ ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แล้วทำไมลุงแก่ถึงยิ้มให้เราแบบนั้น?" ผมและเพื่อนขี่จักยานมาจนถึงบ้านของณธีร์ ด้วยอาการกลัวและเหนื่อยล้า เห็นแม่ของณธีร์ยืนอยู่หน้าบ้าน ผมที่สนิทกับณธีร์มากที่สุด จึงเดินเขาไปถามแม่ของณธีร์ว่า "ณธีร์กลับมาถึงบ้านหรือยังครับ" แม่ของณธีร์เลยถามกลับว่า "อ้าว! ณธีร์ไม่ได้ไปแล่นกับพวกเธอหรอ?" ผมยืนอ้ำๆอึ้งๆอยู่สักพัก เลยตัดสินใจบอกกับแม่ของณธีร์ว่า "ณธีร์หายตัวไป ระหว่างที่พวกเรากำลังเล่นกันอยู่ครับ!" แม่ของณธีร์ตกใจมาก จึงรีบไปตามผู้ใหญ่บ้าน เพื่อนำชาวบ้านในละแวกนั้นออกตามหา สถานการณ์เริ่มตึงเครียด เวลาก็เริ่มดึกลงทุกที ตกลงณธีร์อยู่ที่ไหนกันแน่?


เมื่อชาวบ้านทุกคนพร้อม จึงมุ่งหน้าไปที่โรงเรียนทันที ทุกคนต่างแยกย้ายกันตามหาอย่างเต็มที สายฝนที่โปรยปรายลงมาทำให้การหาอยากขึ้น ระหว่างที่ทุกคนกำลังตามหาณธีร์กันอยู่นั้น หางตาผมก็เหลือบไปเห็น ลุงหล่อภารโรง แกเดินตากฝนตรงเข้ามาทางผมและเพื่อนๆ ผมจึงถามแก่ว่า "ลุงเห็นเพื่อนผมไหม?" ลุงแกค่อยๆหันมาแล้วยิ้มให้ผม ในมือกำของบางสิ่งบางอย่างใว้แน่นจนมือสั่น แล้วแก่ก็พูดมามาลอยๆว่า "พวกทำอะไรกูไม่ได้หรอก" ผมขนลุกทันที ในใจได้แต่คิดแกคงเสียสติจนพูดไม่รู้เรื่อง


สายฝนเริ่มบางลงเรื่อยๆ พร้อมกับความหวังที่เหลือน้อยเต็มที และสิ่งที่ทำให้ผมหดหู่มากยิ่งขึ้นคือ ผมเห็นแม่ของณธีร์ร้องไห้เหมือนคนเป็นบ้า ตะโกนเรียกณธีร์จนเสียงจะไม่มีอยู่แล้ว ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เราน่าเชื่อคำพูดของณธีร์ (ณธีร์...เราว่าเรากลับบ้านกันเหอะ แม่เราไม่ให้กับบ้านเย็นมากนะ เดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง) จู่ๆก็มีอะไรดนใจให้ผมนึกถึงบ้านหลังนั้น เป็นบ้านพักครูที่อยู่ในสวนมะม่วงหลังโรงเรียน บ้านหลังนี้ถูกปิดตายมานานตั้งแต่รุ่นพ่อผมเรียนอยู่ ครูของผมจะบอกเสมอว่าห้ามเข้าไปเล่นอะไรแถวนั้นเด็ดขาด ผมก็ไม่รู้นะว่าเพราะอะไร ผมนึกไม่ออกแล้วหละครับว่าจะไปหาที่ไหน นอกจากบ้านหลังนี้ ถ้าไม่ใช้คนที่เคยเรียนในโรงเรียนนี้ก็จะไม่รู้ว่ามันมีบ้านหลังนี้อยู่


ผมบอกกับแม่ของณธีร์ว่า "ลองให้คนไปหาตรงนั้นดูไหมครับเผื่อจะเจอณธีร์" และผู้ใหญ่บ้านก็พาทุกคนเขาไปหาณธีร์ที่บ้านหลังนั้น ผมและเพื่อนก็ได้ติดสอยห้อยตามพวกเขาเข้าไปด้วย พอมาถึง ลักษณะของบ้าน เป็นบ้านไม้เก่าสองชั้น ประตูถูกตรึงด้วยโซ่ และแม่กุญแจโบราณลูกใหญ่ เวลาตอนนั้นน่าจะสักประมาณ 3-4 ทุ่มเห็นจะได้ อากาศเย็นยะเยือก บรรยากาศเงียบสงัด มองไปทางไหนก็มีแต่ความมืด ทุกคนยืนปรึกษากันอยู่พักนึง จึงตัดสินใจพังประตูไม้บานนั้นเข้าไป ด้วยความเป็นเด็ก ผมได้แค่หวังว่าหลังประตูบานนั้นจะเจอเพื่อนผมอยู่ ทั้งๆที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่แล้วสักพักก็มีคนตะโกนลงมาว่า "เจอแล้ว!" ตอนนี้มือไม้ผมสั่นมาก ชาวบ้านคนนึงอุ่มตัวณธีร์เดินลงมาจากบันได ณธีร์นอนเหมือนคนไม่ได้สติ เนื้อตัวมีแต่ดินโคลน และมีรอยช้ำตามแขนขา มันเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนผมวะเนี่ย?


หลังจากนั้นณธีร์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ผมมีโอกาศไปเยี่ยมณธีร์ครั้งนึงกับพ่อ ก่อนที่ณธีร์จะหายดี เป็นคำถามที่ผมสงสัยมากและทุกคนก็คงสงสัยว่า คืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกับณธีร์ ใจจริงก็ไม่อยากถามอะไรกับณธีร์มาก อีกใจก็อยากรู้ เลยถามออกไปว่า "เขาไปอยู่ในบ้านหลังนั้นได้ยังไงวะ" ณธีร์เล่าให้ฟังว่า ในขณะที่พวกเรากำลังเล่นซ่อนหากันอยู่ มีเด็กคนนึงชวนณธีร์ไปเล่นด้วย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องแปลกที่จะมีเด็กมาเล่นคนเดียวในเวลานั้น เด็กคนนั้นจูงมือของณธีร์ไปที่บ้านหลังนั้น ด้วยอาการเบอๆ และขึ้นไปบนบ้าน ณธีร์เห็นว่ามันเริ่มแปลกๆ จึงขอตัวกลับแต่เด็กคนนั้นไม่ยอมให้ณธีร์กลับ ณธีร์พยายามวิ่งออกไปเปิดกระตูแต่ประตูถูกล็อกจากด้านนอก สักพักมีมือสีดำโผล่ออกมาจากด้านหลังของณธีร์ แล้วดึงณธีร์เข้าไปในห้อง ณธีร์พยายามดิ่นจนสุดแรงแต่สู้แรงไม่ไหว จึงสลบไป ตื่นมาอีกทีก็มีคนมาช่วยแล้ว ณธีร์เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นๆ หลังจากนั้นผมก็ย้ายมาอยู่กับแม่ที่อยุธยา ส่วนณธีร์นั้นก็ย้ายไปเรียนต่อที่อื่น


ประวัติเดิมทีของบ้านพักครูหลังนี้ ตาผมเคยเล่าให้ฟังว่า เคยมีครูใหญ่ท่านนึงมาพักอาศัยอยู่กับครอบครัว ซึ่งมีลูกชายหนึ่งคน เนื่องจากท่านเป็นคนชอบกินเหล้า แล้วชอบทะเลาะตบตีภรรยาอยู่เป็นประจำ จึงทำให้เด็กคนนี้มีปมด้อยมาตั้งแต่เกิด ต่อมาไม่นานก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เนื่องด้วยวันนั้นท่านคงทานเหล้าเขาไปอย่างมากประกอบกับทะเลาะกับภรรยา จึงเกิดความเคียดใช้อาวุธปืนสั่นยิงกรอกปากภรรยา และลูกของตนเอง แล้วผูกคอตายตาม แต่เนื่องด้วยท่านเป็นคนร่างใหญ่จึงทำให้เชือกที่ผูกคอนั้นขาดออก ท่านจึงตัดสิ้นใจใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ขมับของตัวเองเสียชีวิต เมื่อคดีจบลง บ้านหลังนี้ก็ถูกปิดตาย ข้าวของเครื่องใช้ยังอยู่ครบทุกอย่าง ต่อมาภายหลังทราบข่าวของลุงหล่อว่าแกเสียชีวิต เนื่องจากแกขึ้นไปผูกคอตายบนบ้านหลังนั้น กว่าจะมีคนไปเจอก็หลายวันจนศพเน่าส่งกลิ่นเหม็น ในมือของแกกำสิ่งของบ้างอย่างใว้ ซึ่งของสิ่งนั้นก็คือ สร้อยพระ หลังจากตำรวจทำคดีเสร็จ บ้านหลังนี้ก็ถูกรื้อถอน ปัจจุบันโรงเรียนนี้ก็ยังเปิดสอนอยู่ เรื่องเล่าถูกลบเลือนไปตามกาลเวลา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ