ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

อัศจรรย์แห่งพลังจิต!! เมื่อ"หลวงปู่สีโห"ทำลายศาลผีปู่ตา ชาวบ้านแค้นหนัก จ่อยิง รุมฟัน แต่ไร้ผล!! สำนึกผิดรีบขอขมา..


อัศจรรย์แห่งพลังจิต!! เมื่อ"หลวงปู่สีโห"ทำลายศาลผีปู่ตา ชาวบ้านแค้นหนัก จ่อยิง รุมฟัน แต่ไร้ผล!! สำนึกผิดรีบขอขมา..

หลวงปู่สีโห เหมโก พระผู้ทรงอภิญญา รู้ภาษาสัตว์และคนได้ทุกชาติทุกภาษา เปิดตำนานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์สำคัญของอยุธยา ถึง ๒ องค์ คือ หลวงพ่อวัดมงคลบพิตร และหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง เปิดเผยความจริงจากตำนาน เจ้าแม่สร้อย     

ดอกหมาก วัดพนัญเชิง มีอายุก่อนสร้างกรุงศรีอยุธยาถึง ๓๐๐ ปี...หลวงปู่สีโห เหมโก ท่านเป็นศิษย์ใกล้ชิดของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ท่านเป็นพระธุดงค์ผู้ทรงคุณวิเศษยิ่งใหญ่องค์หนึ่ง ประสบการณ์การธุดงค์ของท่าน ได้พบกับสัตว์ร้าย สิ่งเร้นลับและตำนานของพระพุทธรูปที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ถึง ๒ องค์ ที่สร้างก่อนสร้างกรุงศรีอยุธยาถึง ๓๐๐ ปี และตำนานประวัติที่แท้จริงของพระเจ้าสายน้ำผึ้งและเจ้าแม่สร้อยดอกหมากแห่งวัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา

หลวงปู่สีโห เหมโก ท่านเป็นพระผู้ศักดิ์สิทธิ์ เคร่งครัดในพระธรรมวินัยอย่างยิ่งยวดและชอบรุกขมูล ไม่ชอบอยู่วัดวาอาราม ท่านรักที่จะอยู่ตามป่าช้า ตามถ้ำในป่าเปลี่ยว สถานที่วิเวกแวดล้อมไปด้วยสัตว์ร้ายนานาและไข้ป่า มุ่งมั่นอยู่ในมรรคกระแสพระนิพพานเต็มตัว ไม่วอกแวกไปทางอื่น

ที่ท่านไม่ชอบอยู่ตามวัดเพราะไม่ชอบคลุกคลีกับชาวบ้าน ทำให้ใกล้ความประมาท เป็นเหตุให้กิเลสกำเริบและเข้าไปเกาะจิตวิญญาณผู้เขียน(สิทธา เชตวัน) ได้รู้จักกับพระอาจารย์ยี่หลก ศิษย์ก้นกุฏิของหลวงปู่สีโห ท่านได้ถ่ายทอดเรื่องราวของหลวงปู่ให้ฟัง

พระอาจารย์ยี่หลก ท่านเป็นพระธุดงค์ที่มีญาณแก่กล้า เคยธุดงค์ไปแต่ลำพังผู้เดียวทั่วภาคอีสาน ภาคเหนือ แล้วข้ามเขตเข้าไปในพม่าและลาวมาแล้ว ท่านเป็นพระผู้มีวาจาสิทธิ์ น่าเลื่อมใส ดังนั้น เรื่องราวต่อไปนี้ จึงยืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริงทุกประการ

ประมาณปี พ.ศ.๒๔๗๓ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้ให้พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม นำพระภิกษุสามเณรจำนวนมากจัดเป็นกองทัพธรรมออกเผยแพร่ธรรม สมัยนั้น หลวงปู่สีโห ยังหนุ่มแน่น แต่ก็มีชื่อเสียงในทางกรรมฐานมาก ได้รับการยกย่องจากพระอาจารย์มั่น หลวงปู่พร้อมพระธุดงค์ ๕-๖ รูป ได้ไปปักกลดอยู่ที่ป่าช้าแห่งหนึ่ง ในอำเภอมัญจาคีรี ยังความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านในละแวกนั้นเป็นอย่างยิ่ง เพราะชาวบ้านเขานับถือผี ไม่เคารพเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เห็นพระเป็นศัตรูไปหมด เพราะเป็นที่เลื่องลือในสมัยนั้นว่า คณะพระธุดงค์ชอบทำลายศาลปู่ตา ที่สถิตของผีสางที่ชาวบ้านเคารพกราบไหว้บูชาเพื่อให้ชาวบ้านหันมานับถือพระสงฆ์องค์เจ้า
ศาลปู่ตา ที่ป่าช้าหมู่บ้านแห่งนั้นดุร้ายมาก ชาวบ้านผ่านไปมาทำอะไรผิด แม้เล็กน้อย เป็นต้นว่าขาดการให้ความเคารพนบไหว้บ้าง ไปเก็บเห็ดเก็บผักในป่าลืมบอกบ้าง ถ่ายปัสสาวะบ้าง หรือทำต้นไม้ในเขตศาลหักบ้าง มักจะถูกผีทำโทษ ให้เจ็บป่วยถึงตาย สร้างความเกรงกลัวให้แก่ชาวบ้านสืบทอดกันมาหลายชั่วคน

หลวงปู่สีโห รู้สึกสลดสังเวชที่ชาวบ้านหลงผิดไปนับถือผี มีความเกรงกลัวแบบไร้สาระ ต้องฆ่าหมูเห็ดเป็ดไก่ไปสังเวยเซ่นสรวงกันไม่ขาด เป็นการทำลายชีวิตสัตว์น่าอนาถนัก ซ้ำยังทำให้ชาวบ้านขาดศีลธรรม เพราะไม่มีผู้ชี้ทาง ให้ข้ออรรถข้อธรรมสั่งสอนอบรมกล่อมเกลากมลสันดานให้รู้จักผิดถูก ให้รู้จักเมตตาปราณีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ชาวบ้านมีแต่การมั่วสุมในอบายมุข กินเหล้าเมายา เล่นการพนัน เมื่อผิดใจก็ตีรันฟันแทงกันถึงล้มตาย เป็นคนโหดร้ายทั้งชายทั้งหญิง

ชีวิตของพวกเขาน่าสงสารแท้ เมื่อตายแล้วหนทางไปคืออบายภูมิ มีนรกเป็นแดนเกิดเป็นแม่นมั่น หลวงปู่ท่านมีจิตเมตตาคิดอยากจะช่วยฉุดพวกเขาจากทางแห่งอบายภูมิ จึงได้พาพระธุดงค์ในคณะตรงไปยังศาลปู่ตา อันเฮี้ยนและมีฤทธิ์ในทางชั่วร้ายแห่งนั้น แล้วช่วยกันรื้อทำลายลงจนราบคาบไม่มีชิ้นดี

การกระทำของคณะพระธุดงค์ สร้างความโกรธแค้นให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง เพราะถือว่าไปทำลายล้างความเชื่อถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา ปรากฏว่าในตอนกลางคืนวันนั้น ผีปู่ตาได้อาละวาดครั้งใหญ่ ชาวบ้านไม่ได้หลับได้นอน ด้วยว่ามีเสียงประหลาดได้วิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน เสียงดังสนั่นหวั่นไหว คล้ายกับมีฝูงวัวฝูงควายนับร้อยนับพันตัววิ่งเข้าไปในหมู่บ้านฝุ่นคลุ้งไปหมด แต่มองไม่เห็นตัว หมาในหมู่บ้านส่งเสียงเห่าหอนและร้อยอี๊ดๆ หางจุกก้นแสดงความเกรงกลัวในเสียงประหลาดที่มนุษย์มองไม่เห็น ชาวบ้านรู้ดีว่าเป็นขบวนผีปู่ตาอาละวาด เพราะถูกคณะพระธุดงค์ทำลายศาล นอกจากเสียงวิ่งแตกตื่นปานหมู่บ้านจะถล่มแล้ว ยังปรากฏเสียงร้องห่มร้องไห้กันระงม ทั้งลูกเด็กเล็กแดง เป็นทำนองพร่ำรำพันว่าบ้านช่องถูกทำลาย แล้วพวกตนจะไปอยู่ที่ไหน ได้รับความเดือดร้อนลำบาก บ้านแตกสาแหรกขาด เลือดตาแทบกระเด็น ชาวบ้านจะต้องได้รับการแก้แค้นในครั้งนี้เสียงร่ำไห้โหยหวนรำพันเหล่านี้คือเสียงของฝูงผีนั่นเอง
รุ่งเช้าชาวบ้านล้วนชายฉกรรจ์ หมู่หนึ่ง ได้ยกขบวนกันมาที่ป่าช้าทุกคนถือปืนแก๊ปคาบศิลากันคนละกระบอก ด้วยความโกรธแค้นมุ่งจะมาฆ่าหลวงปู่สีโห พอมาถึงได้ระยะเผาขนก็ตะโกนด่าอย่างหยาบคายต่ำช้าต่างๆ นาๆ แล้วยกปืนขึ้นเล็ง แล้วยิงมายังหลวงปู่สีโหและคณะพร้อมกันทุกกระบอก

ปรากฏว่าปืนยิงไม่ออกสักกระบอกเดียว เมื่อปืนยิงไม่ออกชาวบ้านก็ตกใจ จึงพากันโยนปืนทิ้ง แล้วชักดาบออกมาจะวิ่งเข้าไปฟาดฟันหลวงปู่ และพระที่ร่วมเดินทาง ก็ปรากฏเหตุอัศจรรย์ ปรากฏว่าทุกคนก้าวขาไม่ออกคล้ายมีก้อนหินหนักอึ้งถ่วงที่เท้า ต่างก็ดิ้นรนกันไปมาหูตาเหลือกด้วยความตกใจและก็พากันล้มลง

เมื่อเจอกับอภินิหารของหลวงปู่สีโห เช่นนั้น คนเหล่านั้นก็พากันหวาดกลัวกันจนตัวสั่น หน้าซีดเหมือนผีตาย พากันร้องอ้อนวอนขอขมาลาโทษ หลวงปู่สีโหท่านมีจิตเมตตา ไม่เคยนึกพยาบาทจองเวรผู้ใด จึงถอนพลังกระแสจิตด้วยอำนาจอิทธิฤทธิ์อภิญญา ทำให้คนเหล่านั้นสามารถลุกขึ้นเดินได้เป็นปกติ ก็เข้ามากราบนมัสการแทบเท้าของหลวงปู่และคณะสงฆ์ หลวงปู่ได้เมตตาอบรมธรรมะให้ฟังอย่างง่ายๆ แต่ทว่ามีข้ออรรถข้อธรรมลึกซึ้งกินใจ มองเห็นอะไรผิดอะไรถูก เห็นทางนรก และทางสวรรค์ ชัดแจ้ง ดุจคนเรามองดูเงาตนเองในน้ำแล้วเห็นเงา ฉะนั้น คนเหล่านั้นก็มีน้ำตาไหลออกมาด้วยความสำนึกผิดชอบชั่วดี

จากนั้นหลวงปู่สีโห ได้ให้พวกเขาไปหาบเอาทรายมา แล้วท่านได้เสกคาถาปราบผี ให้เอาทรายไปหว่านทั่วบริเวณหมู่บ้าน ปรากฏว่าคืนนั้นเหตุการณ์สงบร่มเย็นดี ไม่มีผียกขบวนวิ่งเข้ามาในหมู่บ้านให้หมูหมาแตกตื่นเห่าหอนแต่อย่างใดเลย เป็นที่น่าอัศจรรย์

ชาวบ้านได้พากันมากราบไหว้หลวงปู่และนำข้าวปลาอาหารมาถวายมากมาย และยังได้นิมนต์ให้ท่านอยู่ด้วย เพื่อเป็นหลักสรณะที่พึ่ง โดยจะสร้างวัดถวายด้วยแรงศรัทธาหลวงปู่สีโหท่านได้ให้พระธุดงค์ในคณะ ๒ รูป อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อเจริญศรัทธา และช่วยชาวบ้านสร้างวัดป่าสาละวันขึ้น ตามนโยบายเผยแพร่ธรรมะของพระพุทธองค์ เพื่อที่ชาวบ้านจะได้ส่งบุตรหลานบวชเรียนบำเพ็ญศีลปฏิบัติธรรม ให้พระศาสนาเจริญ แพร่หลายออกไป

ขอขอบคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาข้อมูล หนังสือในเครือโลกทิพย์ หนังสือทิพย์ ตายแล้วไปไหนเล่มที่ ๑๕ ศูนย์บรรเทาทุกข์ผี ทั่วประเทศ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ