ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตำนาน ‘ครุฑยุดนาค’ เผยเรื่องราวความเป็นมา สาเหตุความไม่ลงรอยกันระหว่างครุฑกับนาค


เรื่องราวของครุฑกับนาคมีตำนานเล่าว่า แท้จริงแล้วทั้งสองเป็นพี่น้องคนละเเม่เเต่มีพ่อคนเดียวกัน
ฝ่ายครุฑนั้นเป็นลูกนางวินตา ส่วนนาคเป็นลูกนางกันทรุ ซึ่งนางวินตาและนางกันทรุก็เป็นลูกของพ่อคนเดียวกันแต่ว่าต่างแม่เช่นกัน จากกรณีที่มีแม่คนละคนก็เป็นสาเหตุให้นางทั้งสองคนมีเรื่องราวที่ต้องขัดแย้งกันอยู่เสมอๆ และก็ส่งผลมาถึงรุ่นลูกทำให้ครุฑและนาคต้องไม่ถูกกันในภายหลังด้วย

ก่อนที่จะเล่าถึงสาเหตุดังกล่าวที่ทำให้ครุฑกับนาคไม่ถูกกันนั้น จะขอเล่าต้นกำเนิดของทั้งสองเผ่าพันธุ์ก่อนก็แล้วกัน พระกัศยปได้มอบพรให้แก่นางวินตาและนางกันทรุ โดยนางกันทรุขอพรให้ตนมีบุตรมากมายนั่นก็คือบรรดานาคพันตัว ส่วนนางวินตาขอให้มีโอรสสององค์แต่ขอให้แข็งแกร่งกว่าบรรดาลูกของนางกันทรุ เวลาล่วงเลยไปนางวินตาได้คลอดลูกออกมาเป็นไข่สองฟอง นางก็เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่ที่ไข่จะฟักเพื่อจะได้เจอลูกสักที จนอดใจรอไม่ไหวจึงทุบไข่ไปใบหนึ่งทำให้พระโอรสที่จะเกิดขึ้นมามีความไม่สมบูรณ์ พระโอรสองค์นั้นคือพระอรุณ ซึ่งพระองค์มีความโกรธแค้นที่มารดาทำให้ตนต้องมีร่างกายไม่สมบูรณ์อย่างนี้ จึงสาปให้นางวินตาต้องเป็นทาสนางกันทรุและโอรสองค์ที่สองของนางจะมาแก้แค้นแทนให้พ้นจากการเป็นทาสได้ จากนั้นตนก็ไปเป็นสารถีให้แก่พระอาทิตย์ ซึ่งโอรสองค์ที่สองของนางวินตาที่ถือกำเนิดขึ้นมาก็คือครุฑนั่นเอง

ในวันหนึ่งนางวินตากับนางกันทรุท้าพนันกันเรื่องสีตัวม้าของพระอาทิตย์ ถ้าผู้ใดทายผิดจะต้องเป็นทาสของอีกฝ่ายเป็นเวลานานถึงห้าร้อยปี! ม้าในที่นี้คือม้าอุจไฉสรพะที่เกิดจากการกวนเกษียรสมุทร แท้จริงมีสีขาวดังที่นางวินตาทาย แต่ด้วยอุบายของนางกันทรุได้บอกให้บรรดาลูกนาคของนางแปลงไปแทรกอยู่ตามขนให้ดูเหมือนเป็นม้าสีดำ ด้วยเหตุนี้ทำให้นางวินตาเป็นผู้ทายผิดและต้องเป็นทาสของนางกันทรุตามคำสาปของพระอรุณไปอีกห้าร้อยปี

ช่วงเวลานั้นเองไข่ใบที่สองของนางวินตาก็ฟักออกมาเป็นพญาครุฑที่แข็งแรงและมีอำนาจมากดังที่นางขอพร โดยในหนังสือให้ข้อมูลบรรยายไว้ว่า ‘มีแสงสว่างรุ่งโรจน์จนพวกเทวดาพากันตกใจและคิดว่าเป็นพระอัคนี พากันเคารพบูชา รูปร่างออกจะแปลก ศีรษะ ปีกและจงอยปากเหมือนนก ร่างกายแขนขาเหมือนมนุษย์ หน้าจาว ปีกแดง ลำตัวเป็นสีทอง พระอัคนีได้บอกพวกเทวดาว่าพญาครุฑนี้มีอำนาจเสมอด้วยพระองค์เลยทีเดียว’(จากหนังสือ อมนุษย์นิยาย น.356)

จนกระทั่งวันหนึ่งนางกันทรุบอกให้นางวินตาพาตนข้ามมหาสมุทรไปเที่ยวชมธรรมชาติ และพญาครุฑต้องเป็นคนพานางและลูกนาคของนางข้ามไปด้วย ซึ่งตอนนั้นเป็นตอนกลางวันและแดดแรงมากบรรดานาคไม่ค่อยชินกับแสงแดดก็พากันอ่อนแรงลง นางกันทรุจึงอ้อนวอนพระอินทร์ให้มีเมฆดำมาปิดบังแสงแดดเพื่อปกป้องลูกๆ ของนาง จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้พญาครุฑสงสัยขึ้นมาว่าทำไมแม่ของตนต้องเป็นทาสและคอยรับใช้พวกนางกันทรุ เมื่อรู้เรื่องราวจากผู้เป็นแม่พญาครุฑจึงไปถามนาคว่าต้องทำยังไงตนและแม่จะได้พ้นจากการเป็นทาส พวกนาคก็บอกว่าต้องนำน้ำอมฤตมาให้แก่พวกตน เมื่อพญาครุฑได้ยินอย่างนั้นก็ตัดสินใจจะออกไปตามหาน้ำอมฤตมาให้ได้ ซึ่งแท้จริงพวกนาคนั้นปรารถนาจะกินน้ำอมฤตเพื่อให้ตนเองไม่ตาย จึงเลือกใช้โอกาสนี้เป็นข้อตกลงให้พญาครุฑไปหาน้ำอมฤตมาให้กิน 

เรื่องราวจากนั้นก็คือการที่พญาครุฑรีบกลับไปหามารดาเพื่อแจ้งความว่าตนจะไปตามหาน้ำอมฤตมาให้ ในฉบับพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เล่าถึงเหตุการณ์ตอนพญาครุฑไปขโมยน้ำอมฤตไว้ว่า ระหว่างทางพญาครุฑก็ได้พบเจอเรื่องราวมากมายแต่ก็ผ่านมาได้จนไปถึงดวงจันทร์ที่มีขุมน้ำอมฤตอยู่ พญาครุฑฉวยเอาดวงจันทร์ซ่อนไว้แต่ทว่าขากลับได้เจอกับพระอินทร์เข้ามาขัดขวางและยังมีพระนารายณ์มาช่วยอีก แต่ทั้งสองก็ไม่อาจต้านอำนาจของพญาครุฑได้ ในที่สุดก็ตกลงเป็นพันธมิตรกันโดยสัญญากันว่าเวลานั่งพญาครุฑจะต้องอยู่สูงกว่าพระนารายณ์ แต่ถ้าเวลาที่จะเดินทางไปไหนต้องยอมให้พระนารายณ์ขี่ครุฑไป

เนื่องจากวรรณคดีนั้นมีหลากหลายฉบับจึงทำให้มีเนื้อความที่อาจจะแตกต่างกันไป ดังเช่น ฉบับของกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ที่ได้เล่าถึงเหตุการณ์ตามหาน้ำอมฤตของพญาครุฑเอาไว้ว่า ขณะที่กำลังบินไปชิงน้ำอมฤตนั้น บรรดาเทวดาต่างก็กำลังต่อสู้แย่งชิงกันเองอยู่เมื่อเห็นพญาครุฑก็ยิ่งเกิดความวุ่นวายไปใหญ่ ด้วยพละกำลังและอำนาจที่มีมากทำให้พญาครุฑสามารถต่อสู้และฝ่าเข้าไปถึงที่เก็บน้ำอมฤตได้ ตัวพญาครุฑจึงเก็บน้ำอมฤตไว้ในปากของตนโดยอดกลั้นไม่กลืนน้ำอมฤตลงไปแม้แต่หยดเดียว พระนารายณ์ที่เห็นเหตุการณ์อยู่ก็นับถือและยกย่องในความซื่อสัตย์ที่ฝืนใจตนไม่ให้กลืนน้ำได้ จึงปรารถนาจะให้พรแก่พญาครุฑ เมื่อได้ฟังพระนารายณ์เอ่ยพูดอย่างนั้นพญาครุฑก็ตอบกลับไปว่าขอให้ตนได้อยู่สูงกว่าพระนารายณ์ ขอให้เป็นผู้ไม่มีเวลาตาย ไม่มีเวลาเจ็บ แม้ตนจะไม่ได้กินน้ำอมฤตก็ตาม ก่อนจะตบท้ายว่าตนก็ยินดีจะแลกพรกับพระนารายณ์เช่นกัน พระนารายณ์ได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับไปว่าขอให้พญาครุฑมาเป็นพาหนะของตน และจะให้พญาครุฑอยู่สูงกว่าตนตามคำขอ นั่นคืออยู่บนเสาธงของพาหนะ(ซึ่งจะเป็นที่มาของธงรูปพญาครุฑที่พระนารายณ์จะใช้ประดับรถเวลาออกศึกด้วยค่ะ)

แต่ก่อนที่จะไปถึงเหล่านาคที่รออยู่พระอินทร์ก็ได้มาขวางเข้าเสียก่อน พระอินทร์เเละพญาครุฑได้พูดคุยเจรจาถึงสาเหตุที่พญาครุฑต้องไปขโมยน้ำอมฤตมาก็เพื่อต้องการไถ่ตัวมารดา พระอินทร์กับพญาครุฑจึงออกอุบายร่วมกัน และพระอินทร์ได้ให้พรแก่พญาครุฑข้อหนึ่ง ซึ่งพญาครุฑก็ขอว่าให้พวกนาคกลายมาเป็นอาหารของตน พระอินทร์ก็รับคำ และเมื่อพญาครุฑบินไปจนถึงที่บรรดานาครออยู่เมื่อเห็นน้ำอมฤตพวกนาคก็ยอมปลดปล่อยนางวินตาจากการเป็นทาส โดยก่อนที่จะเข้าถึงน้ำอมฤตพญาครุฑได้บอกให้นาคไปชำระร่างกายเสียก่อน โดยไม่ทันเอะใจอะไร พระอินทร์ที่รอโอกาสอยู่แล้วได้มาขโมยน้ำอมฤตกลับไป เมื่อนาคกลับมาไม่เห็นน้ำอมฤตก็พากันเลียหญ้าคาที่ใช้รองน้ำอมฤตจนโดนใบหญ้าบาดกลายเป็นลิ้นสองแฉก บรรดางูซึ่งเป็นลูกหลานของนาคจึงพลอยมีลิ้นสองแฉกมาจนถึงทุกวันนี้

ถึงแม้จะมีหลายตำราอธิบายแตกต่างกันไป แต่โครงหลักที่มีก็ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกันดังกล่าวไปข้างต้นนั่นเองค่ะ นอกจากนี้หลังจากเหตุการณ์ทั้งหลายผ่านไปและนางวินตาก็หลุดพ้นจากการเป็นทาสแล้วแต่สองเผ่าพันธ์ยังคงมีความแค้นต่อกันเรื่อยมา อาจจะเคยได้ยินตำนานเรื่องเล่าที่ว่าครุฑมาจับนาคกินเป็นอาหาร จนพวกนาคแทบจะสูญพันธุ์กันจึงต้องคิดอุบายอมก้อนหินไว้ กว่าพวกครุฑจะคาบนาคขึ้นไปกินบนฟ้าได้ก็มักจะถูกคลื่นซัดสาดจมน้ำตายกันไปซะก่อน เมื่อเป็นเช่นนั้นบ่อยเข้าพวกครุฑก็ได้แอบหาทางสืบความลับจากนาคจนรู้ว่าพวกนั้นอมก้อนหินไว้ เพราะเหตุนี้เองเวลาที่จะจับนาคกินจึงต้องจับที่หางและเขย่าให้ก้อนหินหล่นออกจากปากของนาคเสียก่อนค่อยกินนั่นเอง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสืออมนุษย์นิยาย : ส.พลายน้อย, 2520 https://www.gotoknow.org/posts/422092
https://www.dek-d.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...