ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เสือกินคนที่เขาใหญ่



เป็นเรื่องราวที่อ้างอิงมาจากเรื่องจริง เรื่องนี้เป็นข่าวที่ลงในหน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ปีพุทธศักราช 2541 เดือนมกราคม แบ่งปันข้อมูลโดยคุณอาร์ต

"ไอ้มวลกับไอ้ชัยถูกไอ้ลายบุกเข้ามาตะปบถึงชานบ้าน หามส่งโรงพยาบาลไปเมื่อบ่ายนี้น่ะลุง" ผู้พิทักษ์ป่าในระแวกเรือนแถวดงติ้วติดลำตะคองไม่ยอมหลับยอมนอน รอบอกข่าวตระหนกนี้ให้กับลุงเชิด ชายร่างสันทัด ผมสีดอกเลา ดวงตาเย็นชา เมื่อฟังเรื่องเล่าอันหน้าตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆ เมื่อตอนสี่โมงครึ่ง ตรงเรือนแถวที่ถัดห้องของแกออกไปแค่สองห้อง คำมวนทองแต้ม ลูกจ้างสายตรวจป่าไม้เพิ่งออกเวร เห็นแดดพอมีเลยมานั่งซักผ้าอยู่ตรงชานหลังเรือนแถว ที่ยกพื้นสูงประมาณเมตรเศษๆ ในช่วงที่กำลังเพลินๆอยู่นั่นเอง เสียงสวบสาบดังมาจากราวป่า เงยหน้าขึ้นมามองอีกที เสือลายพาดกลอน หัวใหญ่เท่ากระแป๋งใส่น้ำซักผ้า ยืนแยกเขี้ยวอยู่ที่พื้น ห่างออกไปไม่ถึงห้าเมตร

ยังไม่ทันจะขยับตัวมันก็กระโจนเข้าใส่ พรวดเดียวถึงตัว เขี้ยวเหลืองหมายงับที่ก้านคอ แค่ด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอด คำมวนใช้มือขวาปิดป้อง แขนขวาตั้งแต่ศอกขึ้นไปอยู่ในปากเสือ กระดูกแตก เลือดทะลัก ปากร้องขอความช่วยเหลือ ในขณะเดียวกันก็สู้ยิบตา
เสียงโครมครามจนเรือนแถวทั้งแถบไหวเยือก ไอ้ลายสะบัดหัวพลางถูลู่ถูกัง หมายจะลากเหยื่อออกไป พิทักษ์ป่าเคราะห์ร้ายก็ขัดขืน เค้าสู้กับเสือทั้งๆที่แขนข้างนึงอยู่ในปากมัน ล้มกลิ้งเข้าไปในบ้านข้าวของกระจาย มารู้ตัวอีกครั้ง ทั้งคนทั้งเสือทะลุตัวบ้านกระเด็นมาตกอยู่ที่ลานด้านหน้าเรือนแถวเสียแล้ว

อภิชัยเบียดกลาง สายตรวจป่าไม้อีกคนอยู่ในเรือนแถวติดๆกัน ได้ยินเสียงแหกปากร้องขอความช่วยเหลือ โผล่ออกมาดูเห็นไอ้ลายงับแขนเพื่อนกลิ้งอยู่หน้าบ้าน ยังไม่ทันจะตั้งสติ ไอ้ลายก็เปลี่ยนใจหันมาเล่นงานเค้า มันตะปบเข้าที่สะโพกจนล้มกลิ้งเลือดทะลัก ตัวเองกลิ้งตกลงไปในลำตะคอง ก่อนที่ทั้งคู่จะตกเป็นเหยื่อของไอ้ลาย ใครคนนึงก็คว้าปืนยิงเร็วมาได้ จะยิงใส่เสือก็ไม่กล้า เพราะเห็นชุลมุนกันอยู่เลยยิงขึ้นฟ้า "เปรี้ยง!!" ไอ้ลายตื่นทั้งคนตื่นทั้งเสียงปืน เลยเผ่นแผวลงลำตะคองเตลิดเข้าป่าไปแถววังจำปี

ใครเลยจะคาดคิดว่าเขาใหญ่เมื่อวันวาน ห่างจากร้านอาหารและศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแค่ข้ามถนนธนรัตน์เพียงสองร้อยเมตร เสือใหญ่ตัวนี้บุกถึงบ้านเล่นงานคน แต่ถ้าใครรู้ความจริง อาจไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องแปลก เพราะแต่ไหนแต่ไรมา ย่านนี้คือถิ่นอาศัยที่ดีที่สุดของเสือโคร่งบนเขาใหญ่ เหตุการณ์เสือกินคนแห่งเขาใหญ่ ที่ซากของมันถูกเก็บรักษาไว้ในห้องนิทรรศการ เจ้าเสือแก่ตัวนั้นก็ขย้ำเด็กและพิทักษ์ป่าไปสองราย บริเวณใกล้เคียงกับเจ้าตัวใหม่บุกบ้านเจ้าหน้าที่ป่าไม้นั่นเอง

เหตุการณ์เสือตัวแรกกินคนที่เขาใหญ่ ที่ถูกสต๊าฟไว้ในห้องนิทรรศการนั้น ก่อนเกิดหน้าเหตุการณ์นี้ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ปีพุทธศักราช 2520 เวลายี่สิบนาฬิกา เสือโคร่งลายพาดกลอนขนาดใหญ่ตัวนี้ หลบอยู่ใต้ถุนบ้านพักของเจ้าหน้าที่เขาใหญ่ เด็กหญิงศรีนวลซึ่งเป็นลูกของเจ้าหน้าที่ ขณะที่เด็กหญิงศรีนวลลงมาจากบันไดบ้าน เพื่อไปเก็บดิสอที่ตกไปใต้ถุนบ้าน เนื่องจากเวลานั้นเป็นเวลากลางคืน เสือแก่ตัวนี้ไม่สามารถจับสัตว์ป่ากินเป็นอาหารได้ จึงได้เปลี่ยนมาทำร้ายคนแทน

เจ้าเสือแก่พุ่งเข้ากัดเด็กหญิงศรีนวลจนบาดเจ็บ แต่ไม่ทันได้คาบไป สุดท้ายเด็กน้อยไม่สามารถทนพิษบาดแผลไหว จึงเสียชีวิตในวันรุ่งขึ้นที่โรงพยาบาลจังหวัดสระบุรี ตามธรรมชาติของเสือ เมื่อได้ฆ่าคนแล้ว มันจะต้องกลับมากินเหยื่อเดิมอีก จึงได้มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อจัดการกับเสือตัวนี้ และในคืนวันเดียวกันนั้น เวลาประมาณตีสอง นายสมพงษ์อุทัยสม สายตรวจอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กำลังปฏิบัติหน้าที่เพื่อจัดการกับเสือตัวดังกล่าว ในขณะที่นั่งกอดปืนอยู่ริมหน้าต่าง ซึ่งสูงจากพื้นประมาณสองเมตร ได้ยินเสียงสัญญาณผิวปาก จากนายอุทัยพูนเพ็ง ยื้นศีรษะออกดู จึงถูกเสือตะปบเป็นแผลเหวอะหวะ เจ้าหน้าที่ช่วยกันนำนายสมพงษ์ไปส่งที่โรงพยาบาลปากช่อง แต่เสียชีวิตระหว่างทาง

ลุงเชิดเหล็กสัก ได้ปลิดชีพเจ้าเสือกินคนตัวแรกที่ออกอาละวาดในอีกสองคืนถัดมา เพื่อไม่ให้ทำร้ายใครได้อีก หลังจากที่ได้ยินข่าวร้ายของเสือตัวที่สองที่อาละวาด ห่างจากเหตุการณ์เสือตัวแรกถึงยี่สิบปี จากอารมณ์แจ่มใสที่ใกล้จะมีลูกสะใภ้ กลายมาเป็นอาการตึงเครียด เช่นเดียวกับเพื่อนพิทักษ์ป่ารายอื่นๆในย่านนั้น ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า เสือใหญ่จะหวนกลับมาอีกเมื่อไหร่ และใครจะตกเป็นเหยื่อของมัน เช่นเดียวกับปัญหาที่หลายคนไม่รู้คำตอบว่า อะไรเป็นเหตุให้ไอ้ลายตัวนี้กล้าหาญชาญชัย ถึงขนาดบุกล่าคนบนชานบ้าน

ห้องแถวสองห้องติดๆกันนี้ก็ถูกปิดตาย เพราะเจ้าของถูกหามเข้าโรงพยาบาลด้วยฤทธิเขี้ยวเสือ ลุงเชิดมองไปที่ลูกซองห้านัดกระบอกเก่าคู่มือ ขณะที่สายตรวจหนุ่มอีกรายครอบครองปืนไรเฟิลอัตโนมัติ เอชเค. พร้อมแม็กกาซีนสิบห้านัด มาเรียบๆเคียงๆ เสนอจะมอบปืนให้ เพื่อให้ลุงเชิดไปสู้กับเสือ โดยบอกว่ามีปืนไว้ก็ไม่กล้ายิง "ไม่กล้ายิงก็เอามาไว้ที่กูนี่" เสียงแกพูดเรียบๆ จนไม่คิดว่าอีกสองชั่วโมงแกจะได้ใช้มัน ในประเทศที่กำลังก้มหน้าก้มตาแสวงหากำไร มอมเมาผู้คนไปท่องเที่ยว ผูกโยงไปเรื่องการอนุรักษ์ ไม่มีผู้เชี่ยวชาญสักคนที่เข้ามาดำเนินการ วิธีจัดการปัญหาที่ใช้ก็คือมาตรการ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เสือมายิงเสือ เสือมาทำร้ายคนฆ่าเสือ

เรือนแถวของเจ้าหน้าที่อุทยานเขาใหญ่ปลูกติดๆกันริมลำตะคอง เป็นไม้โย้เย้ประตูสังกะสี ยกพื้นสูงหนึ่งเมตร ด้านหน้ากั้นเป็นนอกชาน มีไม้ระแนงตีกั้นไว้โปร่งๆเป็นส่วนครัวและซักล้าง ด้านในเป็นที่ว่างๆ กางมุ้งกันเขรง ประตูบ้านเป็นสังกะสีผุๆ เอาตีนถีบทีเดียวก็มีสิทธิ์พังลงทั้งแถบ แต่เขาเหล่านี้ก็อยู่กันมาเป็นสิบๆปียังไม่มีปัญหา เพราะไม่ต้องกลัวพวกขโมยขโจรที่ไหน พวกกันทั้งนั้น แถบเรือนแถวห้องที่สี่เป็นลูกของลุงเชิด อยู่เกือบตรงกลาง เพราะเป็นที่ปลูกติดๆกัน มีแปดห้อง ด้านหลังแกต่อเติมออกมาเป็นอีกหลังไว้ให้เจ้าสมกิต ลูกชายที่เป็นลูกจ้างป่าไม้ให้นอนอยู่คนเดียว น้ำค้างแรงจัด ทุกคนดับไฟนอนกันหมดแล้ว ลุงเชิดพิงปืนไว้กับฝา ไม่ได้คิดว่าจะเกิดเรื่องร้าย เข้ามุ้งหลับไปพร้อมกับเมีย

"ครืด..ครืด..ครืด" เสียงเหมือนคนตัวใหญ่มาทำพิเรนทร์ เอาสีข้างถูกับสังกะสี สลับกับเสียงย่ำไปมารอบๆบ้านดังอยู่ในความมืด ตรงด้านหลังห้องแถวหลังที่สอง ที่เจ้าของห้องเพิ่งถูกงับหามเข้าโรงพยาบาลไป


สมกิตตกใจตื่นขึ้นมา เพราะเสียงย่ำพื้นดังขึ้นทุกที โดยเฉพาะตอนที่มันย่ำลงไปบนแผ่นสังกะสี และกองข้าวของที่วางทิ้งละเกะละกะที่พื้น สงสัยเป็นเม่น สมกิตบอกตัวเอง แต่ก็ยังสงสัยอยู่ว่า เม่นอะไรมันจะย่ำหนักขนาดนั้น ปกติเม่นแถวนี้จะมากินเศษอาหารใต้ถุนเรือนทุกคืน แต่ก็ไม่มาดึกอย่างนี้ เสียงก็ไม่ดังเหมือนคนตัวใหญ่ๆตั้งใจเดินย่ำดังๆ มืดก็มืด แต่ด้วยความสงสัยจึงฉายไฟฉายสี่ท่อน แง้มบานหน้าต่างเผยอแบบที่ใช้ไม้ค้ำ ชะโงกหน้าส่องไฟลงไปดูเจ้าตัวที่อยู่บนพื้น

ทำเอาเด็กหนุ่มว่าที่เจ้าบ่าวตัวเย็นเชียบ เจ้าของร่างสีเหลืองลายพร้อย ตาวาวโลด จ้องเขม็งสวนขึ้นมา เฉพาะหัวของมันใหญ่เท่าไหใบย่อมๆ มันอยู่ข้างล่าง ห่างออกไปไม่ถึงสี่เมตรนี่เอง ถ้ามันกระโจนขึ้นมาก็ถึงตัวพอดี พอตั้งสติได้ก็รีบปิดหน้าต่างแล้วแหกปากร้องเรียกพ่อ "ไม่ใช่เม่นโว้ย!! เสือมา ช่วยด้วย พ่อ ช่วยด้วย!!" เสียงโครมครามดังลั่นอยู่ในความมืดมิด ในทันทีที่ลุงเชิดกับเมียจะทะลึ่งพรวดตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องของเจ้าสมกิต

ไอ้ลายมันก็แสยะเขี้ยว เบนหัวจากบ้านหลังที่สอง กระโดดขึ้นชนฝาบ้านสมกิต ใช้อุ้งตีนตะกุยจนบ้านไหวเยือก เท่านั้นยังไม่พอ มันกระโดดตามขึ้นมาจนถึงชานบ้านที่ส่วนหนึ่งตีด้วยไม้ระแนง อุ้งตีนใหญ่กว่าชามตราไก่ หวดทีเดียวไม้ระแนงบางๆก็หักสะบั้น ถังน้ำอลูมิเนียมที่ตั้งอยู่บนชานบ้าน เสือร้ายก็ขม้ำซะจนยับเยิน ประตูสังกะสีใส่กลอนถูกเขย่าโครมคราม เพราะไอ้ลายใช้อุ้งตีนตะกุยเสียงดังก้องไปทั้งป่า ลุงเชิดตื่นแล้วก่อนที่เสือดุจะพังประตูบุกเข้าไปเล่นงานลูกชาย แกคว้าไฟฉายค่อยๆแง้มประตูเพื่อสังเกตการณ์ แสงไฟฉายและเสียงกุกกักที่รอดออกมาจากประตูบ้านอีกหลัง ทำให้เสือใหญ่หันหลังกลับ พุ่งเข้าใส่ประตูบ้านลุงเชิดแทน มันพุ่งชนใช้อุ้งตีนตะกุยอย่างโกรธเกรี้ยว ในความมืดมิด ลุงเชิดกับเมียสองคนช่วยกันดันประตูยื้อกับเสือใหญ่ ไม่ให้มันผลักเข้ามาสำเร็จ

ขณะเดียวกันก็ต้องระวังด้านล่าง ตรงช่องประตูที่สูงเหนือพื้นขึ้นมาสักคืบเศษ ไอ้ลายวาดกรงเล็บเข้ามา สองผัวเมียดันประตูใส่กลอนสำเร็จก่อนเจ้าเสือร้ายจะพังเข้ามา สังกะสีผุร่วงกราวตอนที่มันกระแทกประตู เอามันไม่อยู่หรอก กลัวจนไม่รู้จะกลัวยังไง คิดว่าไม่รอดเสียแล้ว ลุงเชิดสารภาพในตอนหลัง เพื่อนบ้านอีกร่วมสิบคนช่วยอะไรไม่ได้ มันมืดมิดไปหมด ไม่มีใครกล้าออกมา เพราะรู้ว่าเจ้าเสือใหญ่ยังอยู่ คลำๆไปเจอลูกซองห้านัด เอาละวะ กระชากลูกเลื่อน พอลั่นไกกลับลั่นไม่ออก ตายแน่กู พอดีเจอเอชเค.พิงฝาอยู่อีกกระบอก ฉวยเอชเค.ขึ้นมาขยับเตรียมยิง มือไม้สั่น บอกเมียให้มาซุกอยู่ข้างหลังกูนี่ ยิงมันไม่ตายข้าก็ต้องตายก่อน เจ้าเสือหิวหายใจฟืดฟาดอยู่นอกประตูบ้าน มันพังเข้ามาไม่ได้ แต่เพราะความตกใจ ไม่มีใครฉุดคิดว่า เสือร้ายตัวนี้ไม่ได้ขู่คำรามเลยขณะที่บุกเข้ามาถึงถิ่นมนุษ์ ลุงเชิดกระชากลูกเลื่อนไรเฟิลอัตโนมัติ อารมณ์ตกใจกระชากไม่ไป ทีแรกทีสองมันก็ไม่ไป

เอาไงดีล่ะกู เอาวะทีที่สามกระชากสุดชีวิต มันดัง "แคร็ก!!" แกเล่าพรางทำมือไม้ประกอบ สีหน้าไม่หายตื่นเต้น ปากลำกล้องกดต่ำ อาศัยแสงไฟฉายลอดใต้ประตู ตะแคงปืนเตรียมยิง ปากก็ยังห่วงลูกชายที่เงียบไป "กิตโว้ย! อยู่ไหน ปีนขึ้นที่สูงไปก่อน กูจะยิงแล้ว!!" แกตะโกนเตือน "อยู่บนหลังคาแล้วพ่อ เอาเลยๆ!!" สมกิตวัยทายาท ปีนไปตามขื่อขึ้นไปอยู่บนหลังคา ถ้าพ่อไม่มีปืนล่อเสือ มีหวังต้องแกร่วอยู่บนนั้นตลอดทั้งคืนแน่ๆ เสียงดังสนั่นของกระสุนที่ระเบิดจากลำกล้องปืน ที่ตั้งไว้ในระบบฟูลออโต้ดังกังวาลในความเงียบ "ปั้งๆๆๆๆ!!" กระสุนทะลุประตูสังกะสีออกไปยังความมืดมิดเบื้องนอก แกไม่รู้ว่าชุดใหญ่ที่ยิงออกไปกี่นัด

หลังยิงแล้วทุกอย่างก็กลับสู่ความเงียบ ความเงียบที่น่าสะพรึงกลัว ไม่มีเสียงโฮก ไม่มีเสียงร้องแสดงความเจ็บปวด ไม่มีเสียงร่างยักษ์กระโดดลงเรือน แกค่อยๆปีนขึ้นไปเหนือช่องประตูใช้ไฟฉายส่องดู ก็เห็นไอ้ลายนอนแน่นิ่งขวางประตูบ้านเลือดนองพื้น จึงตะโกนเรียกลูกชายให้ลงมา "เอาไฟส่องดูเห็นรอยกระสุนเข้าเต็มหัว นัดนึงเข้าที่เบ้าตาพอดี" น้ำเสียงราบเรียบ ไม่บ่งบอกถึงความสะใจหรือเวทนา กระสุนหัวแหล่มขนาดเล็กดับความคลั่งแค้นของไอ้ลายด้วยอำนาจทะลุทะลวง จากการยิงในระยะกระชั้นชิด ในจังหวะที่มันกำลังตะกุยประตูบ้านพอดี นับปลอกกระสุนได้แปดนัด เข้าหมดทุกนัด แทบไม่มีใครได้หลับได้นอนกันหลังจากนั้น

กระทั่งรุ่งสาง จึงได้ช่วยกันหามร่างไร้วิญญาณของเพชรฆาตแห่งเขาใหญ่ ไปชำแหละกันตรงใกล้กับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ลุงเชิดเล่าให้ฟังทีหลังว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมเสือตัวนี้ถึงไม่หนี มันกัดไม้ระแนง กัดขันน้ำบู้บี้ด้วยความคลั้งแค้น ผิดวิสัยเสือที่แกรู้จัก ชายผู้มีประสบการณ์เสือมากกว่าใครในเขาใหญ่ เคยขี่มอเตอร์ไซค์เข้าเวรที่หอดูสัตว์หนองผักชีตอนโพล้เพล้ ขับมาได้กลางทางถูกเสือโคร่งกระโจนใส่ งัดล้อรถจนล้มกลิ้ง จากนั้นทั้งเสือทั้งคนก็เผ่นไปคนละทาง แต่ไม่มีครั้งไหนอกสั่นขวัญแขวนเท่ากับครั้งนี้ "ผมนึกดูแล้ว ถ้าไม่ยิง มันตบประตูทีเดียวไม่เหลือแน่ บอกตรงๆเลยว่ากลัวมาก กลัวตาย ห่วงลูกชายด้วย ก็ต้องยิง ไม่ยิงมันก็กัด ถึงตอนนั้นนายจะลงโทษหรือยังไงก็ไม่รู้แล้ว ผิดถูกว่ากันทีหลัง"

ตอนสายหลังคืนเปื้อนเลือด ล้วนจันทร์นวล พิทักษ์ป่าอาวุโสแห่งเขาใหญ่ เป็นผู้ลงมือชำแหละซากเสือ พบว่ามันเป็นเสือตัวเมียยังไม่แก่ เขี้ยวยังคมไม่กร่อน ขนยังแดงไม่ซีดจาง แต่สิ่งที่พิทักษ์ป่าอายุงานนานที่สุดบนเขาใหญ่พบก็คือ กระสุนปืนแก๊ปฝังอยู่ที่ขาหน้าขวาสองเม็ด เป็นเหตุทำให้มันหงุดหงิดและคลั่งแค้นคน แต่ที่แย่ไปกว่านั้น เมื่อผ่าดูข้างใน พบว่าตับเป็นเหมือนตับคนที่เป็นตับแข็ง เหมือนฝีเน่า ข้อสงสัยที่ว่าทำไมเสือใหญ่จึงบุกเข้ามาทำร้ายคนจึงหมดไป เจ้าหน้าที่เขาใหญ่มีเป็นร้อย แต่นางเสือใหญ่ตัวนี้กลับเลือกที่จะมาตายด้วยน้ำมือของเชิดเหล็กสัก มือเพชรฆาตผู้เคยสังหารเสือกินคนแห่งเขาใหญ่เมื่อยี่สิบปีก่อน หลายคนพากันประหลาดใจ มันเป็นเรื่องของเวรกรรมตั้งแต่ชาติก่อน ดวงมันสมพงษ์กัน เลยต้องตามจองล้างจองผลาญกันมาถึงชาตินี้

คิดดูคนตั้งมากมาย แต่แค่คืนเดียวบุกมาเล่นงานบ้านนายเชิด และก็ตายด้วยน้ำมือของเค้า บางทีเป็นเพราะเพชรฆาตเท่านั้น ที่จะมีศักดิ์ศรีเพียงพอที่จะปลิดชีวิตเพชรฆาตด้วยกัน ปัจจุบันลุงเชิดเหล็กสักเกษียณแล้วจากงานพิทักษ์ป่า แต่ก็ยังอาศัยอยู่ที่เขาใหญ่ รับจ้างพานักท่องเที่ยวเดินป่า บางครั้งก็พาไปดูเสือ แกมาเกร่อยู่บริเวณย่านร้านอาหารปรับปรุงใหม่ใกล้ลำตะคอง จุดที่เคยมีเสือใหญ่ที่ถูกแกฆ่าตายไปสองตัวและหลังจากเหตการณ์คราวนั้น แกไม่ได้ถูกสอบสวน

ปัจจุบันเรือนแถวโรงงิ้วถูกปรับปรุงเป็นร้านอาหาร และที่พักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างหรูหรา ซึ่งเชื่อแน่นอนว่า จะไม่มีเสือดุร้ายที่ไหน กล้าเฉียดกรายลงมาระแวกนี้อย่างสิ้นเชิง และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ