ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เรื่องเล่า ฝรั่งเจอนางตะเคียนที่เสาตกน้ำมัน


ใครจะไปคิดล่ะว่า เกิดมาทั้งที จะมีโอกาสได้เจอผีกับเขา โอ๊ย! ไม่ต้องแหกอก ปลิ้นตาหลอก ขนาดในหนังหรอกนะ แค่ที่เจอจะจะเนี่ยหัวใจก็จะวายแล้ว ผมบนหัวจะชี้ตั้งอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้เจลทาผมชนิดแข็งพิเศษหรอก เปลืองตังค์เปล่าๆ 

เรื่องมันก็มีอยู่ว่า สมัยโน้น ตั้งแต่ 40 ปีมาแล้ว ช่วงนั้นจะมีทหารอเมริกันมาตั้ง ฐานทัพในไทย และละแวกบ้านที่อยู่ ก็มีบ้านให้ฝรั่งเช่าอยู่กับเมียคนไทย บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ใต้ถุนโล่ง เป็นลานดิน ชั้นบนก็มีอยู่ 3 ห้องนอน แต่ห้องกลางนี่สิ มีอะไรพิเศษไม่เหมือน ชาวบ้านเขาล่ะ ก็พิเศษสุดตรงเสาตกน้ำมันนี่แหละ เฮี้ยนดีนัก ฝรั่งก็ฝรั่งเถอะ เจอผีสาวไทย เข้าไปแล้วเป็นไงล่ะ เชื่อมั้ยล่ะว่ามีผีจริง อ๊ะ อ๊ะ! อย่าลบหลู่เชียวนะ ท่านผู้อ่าน ของอย่างนี้ไม่เจอกับตัวเอง ว่ากันไม่ได้หรอกนะท่าน วันหนึ่ง นายฝรั่งคนนี้ก็นอนหลับ พักผ่อนอยู่ในห้องนอน ก็ห้องที่มีเสาตะเคียนตกน้ำมันนั่นแหละค่ะ 

ขณะกำลังเคลิ้มๆ ก็เห็นสาวสวยนางหนึ่ง ผมยาวประหลัง แต่งองค์ทรงเครื่องก็ไม่เหมือนคนในสมัยนี้ เอาเสียเลย นางเดินออกมาจากเสาต้นนั้น แล้วมาหยุดที่เตียงนายฝรั่ง แล้วก็พูด กับนายฝรั่งคนนี้ว่า ชอบนายฝรั่งคนนี้มาก แล้วก็ก้มลงจูบนายฝรั่งคนนี้อย่างแสนรักและดูดดื่ม ซึ่งอิฉันเอง ก็ไม่ทราบว่าจะมีตอนต่อไปอย่างไร เพราะคนเล่าเอง ก็คงจะเมื่อยปากที่จะเล่าต่อ ก็จะไม่เมื่อยได้ยังไงกันล่ะคะ ก็พ่อฝรั่งคนนี้โดนนางตะเคียนจูบ จนปากเบี้ยวผิดรูปซะขนาดนั้นน่ะ 

เฮ้อ เห็นแล้วก็สงสารพ่อฝรั่งนายนี้จัง เสน่ห์แรงนัก จนนางตะเคียนอดที่จะหลงรักไม่ได้ ก็ลำบากแม่อิฉันล่ะค่ะ ที่ต้อง ไปดั้นด้นค้นหาพ่อหมอมาทำพิธีไสยศาสตร์ แก้ให้นายฝรั่งคนนี้หายปากเบี้ยวผิดรูปเสียทีและก็ทำพิธีลงยันต์คาถาอาคมแปะ ไว้ ที่เสาตกน้ำมันต้นนั้นซะ เพื่อความสบายใจของผู้อยู่ แต่ก็ยังไม่ยอมไปไหนนะคะ ยังคงมาโผล่ วับๆ แวมๆ ให้นายฝรั่งคนนี้ ต๊กกะใจเล่นๆ งั้นแหละ 

จนในที่สุด นายฝรั่งคนนี้ ทนพิษรักที่นางตะเคียน ตกน้ำมันตนนี้มีต่อตัวเองไม่ไหว ก็เลยอัปเปหิตัวเองออกไปจากบ้านหลังนั้น ซะเลย หนุ่มๆ แก่ๆ แถวบ้านอิฉันน่ะ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ชักอยากจะเจอ นางตะเคียนตนนี้เสียแล้วสิ พูดง่ายๆ ก็คือ อยากลองของนั่นแหละค่ะ แต่แหม อิฉันเอง ก็ไม่ได้ปากพล่อยหรืออยากจะลองของ ลองดีอะไรกับแม่ตะเคียนเล้ย..ย! ทำไม ถึงคิดเอ็นดูเด็กๆ อย่างอิฉันได้ก็ไม่รู้สิ ปกติทุกคืน อิฉันจะลุกมาเข้า ห้องน้ำเพื่อทำธุระหนักเบา 

คืนนั้นน่ะ ดึกโขอยู่ อิฉันเองปวดฉี่มาก ก็เปิดประตู ห้องนอน เพื่อจะไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ถัดไป แถวชานบ้าน ซึ่งอยู่ติดๆ กับบ้านนายฝรั่ง ที่โดนจูบจนปากบิดเบี้ยวนั่นแหละ เดินไปห้องน้ำอย่างงัวเงีย แต่ก็ยังมีสติสตังอยู่บ้าง ว่าเป็นคืนที่ดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงกระจ่างทั่วฟ้า ช่างงดงาม เพราะดึกมากแล้ว แต่จะเป็นวันพระด้วย หรือเปล่าเนี่ย! อิฉันเองก็ไม่แน่ใจนะคะ กลิ่นดอกไม้ที่ปลูกไว้หลังบ้านก็แข่งกัน ส่งกลิ่นหอมเสียจนเวียนหัว แต่ก็ชื่นใจนะคะ ลมก็พัดพอเย็นๆ ให้สบาย และก็ เข้าบรรยากาศดึกๆ ดีนัก แต่ตอนที่ จะเอื้อมมือปิดประตูห้องนอนสิคะ 

ไอ้ลูกกะตาเจ้ากรรมก็หันไปมองชานบ้าน ที่อยู่ติดกับบ้านที่มีนางตะเคียนอยู่หลังนั้นสิคะ อุ๊ยตาย! สาบานได้นะเจ้าคะ ว่าอิฉันไม่ได้ตาฝ้าฟางหรือง่วงนอนจนตาลาย ก็ผู้หญิงสาวสิคะ นั่งอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ ที่สว่างกระจ่างแจ้งออกจะปานนั้น นุ่งผ้าแบบหญิงไทยโบราณ ห่มสไบเฉียง เปิดไหล่ที่ขาวผ่อง ผมดำขลับที่ยาว ถึงกลางหลัง น่าเอาไปโฆษณายาสระผมดีนัก เพราะผมสวยเหลือเกิน กับท่วงท่าที่ขยับมือ ใช้หวีทองหวีผมตัวเองอย่างช้าๆ นั่นแหละ ทำให้ดิฉันมั่นใจกว่า 100% เสียอีกว่า ใช่แล้ว ใช่แน่ๆ เลย อีกทั้งร่างกายของอิฉันก็มีปฏิกิริยาตอบรับ กับการเห็นครั้งนี้อย่างชัดเจน เพราะเย็นวาบตั้งแต่ปลายนิ้วเท้าไล่ลามมาจนขนแขน สแตนด์ อัพ และไปหยุดอยู่ที่ศีรษะ ก็แค่ ขนหัวลุกเฉยๆ ล่ะค่ะ โชคดีที่ผมไม่ชี้ตั้ง

เพราะความตกใจที่เจอนางตะเคียนแสนสวยเข้าให้ อิฉันยืนตะลึงค้างอยู่อย่างนั้นครู่นึง ก็เรียกสติกลับมา รีบปิดประตูห้องนอนปึงปัง โครมครามจนพี่มันดุเอา ก็เลยบอกพี่ว่า ฉันเจอผีหลอก ไว้พรุ่งนี้ค่อยเล่าก็แล้วกัน ตอนนี้ขอนอนคลุมโปงก่อนนะ ฮือ ฮือ นางตะเคียนใจร้าย มาหยอกฉันเล่นทำไมก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะชอบเลย ตื่นเช้ามานะ รีบเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง ท่านก็เลยซักรายละเอียด จึงถึงบางอ้อ! ว่า ตัวเองทำไม่ดีไว้ เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เอง (ไม่บอกหรอกว่าทำอะไร เค้าอายนะตัว) แม่นางตะเคียนเลยมาอบรม มาเตือน ด้วยความเอ็นดูเล็กๆ น้อยๆ และเตือนสติ เราด้วย 

อิฉันก็เลยเอาดอกไม้ ธูป เทียน ไปขอขมาต่อท่านซะเลย สัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว หลังจากนั้น ก็ไม่เจอ นางตะเคียนอีกเลย แล้วก็ไม่อยากจะเจอด้วย ดีนะที่เป็นผู้หญิง ไม่งั้น ปากเบี้ยว แน่เลย...บรื๋อออออออออ นที กนกวรรณ

ขอขอบคุณ : http://thailandlegend.blogspot.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...