ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เรื่องเกิดที่ป่าท้ายหมู่บ้าน


เป็นเหตุการณ์ที่เล่าต่อๆกันมาในหมู่บ้านของผม ซึ่งว่ากันว่ามีอยู่จุดนึงที่ใครได้ไปสร้างบ้านคร่อมทับ หรือว่าไปนั่งเล่นก็ตาม มักจะมีเรื่องไม่ดี มีเคราะห์ตามมา ก็ได้ฟังๆผู้ใหญ่ในหมู่บ้านเล่ากันมา ตอนเด็กๆผมก็กลัว ไม่กล้าไปแถวนั้น ยิ่งตอนตะวันตกดินด้วยแล้ว อย่าหวังเลย...

มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านของผม ซึ่งหลังหมู่บ้านผมจะมีต้นกล้วยเต็มไปหมด ผมเรียกกันว่า ป่ากล้วย จริงๆแล้วมันไม่ได้อยู่ในรั้วของหมู่บ้านผมหรอกครับ มันอยู่ข้างนอก คิดว่าเป็นพื้นที่ของชุมชนมุสลิมที่อยู่ติดกัน แต่สามารถมองถึงกันได้ เอาล่ะ..พอเห็นภาพกันแล้วนะครับ ผมขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน...ป่ากล้วยที่ว่า มันอยู่ท้ายหมู่บ้าน ซึ่งบริเวณนั้นจะมีสนามฟุตซอลของหมู่บ้าน พวกผู้ชายก็จะพากันไปเตะกันตอนเย็น แต่สิ่งที่ทุกคนรู้ดีคือ ถ้าเริ่มมองลูกบอลไม่เห็น ต้องกลับทันที ถึงมีสปอตไลท์ก็ไม่เปิดครับ เพราะทุกคนที่อยู่มานานจะรู้ดี บางคนก็ฟังมา บางคนก็เจอมา ผมก็เป็นคนนึงที่ฟังพี่ๆเขาเล่ามา และประสบกับตัวเองด้วยครั้งเดียวเท่านั้น จากที่ฟังพี่ๆที่เตะบอลด้วยกันเล่าตอนเด็กๆ ผมก็คิดว่าพี่เขาแกล้งหลอกให้เรากลัวสนุกๆ แต่สุดท้ายก็เจอครับ...

ตอนนั้นอยู่ประมาณ ป.4 หรือ ป.5 นี่ล่ะครับ จำไม่ได้ละ ช่วงนั้นกำลังซนครับ ติดเล่น กลับจากโรงเรียนก็จะปั่นจักรยานคู่ใจไปตามเพื่อนๆมาเล่นกันที่สนาม แล้วเผอิญวันนั้นไม่มีผู้ใหญ่มาเตะบอลกัน พวกเราเด็กๆก็เลยสนุกกันเต็มที่เลย เล่นกันตั้งแต่ 5 โมง จนใกล้จะ 6 โมง ปกติจะเริ่มทยอยเข้าบ้านแล้ว แต่ช่วงนั้นหน้าร้อน 6 โมง ฟ้ายังไม่มืด ก็เล่นกันต่อ ซึ่งวันนั้นปิดท้ายด้วยการเล่นซ่อนแอบ ถึงแม้ใครจะเตือนก็ตามว่าอย่าเล่นซ่อนแอบตอนกลางคืน แต่วันนั้ยังไม่มืดนิเนอะ จัดสักนิด...

เล่นกันอยู่ 5 คน ตาแรกผมเป็นคนหา ก็หาจนครบหมด เพราะที่ซ่อนมีไม่เยอะ พอมาตาที่สอง ผมเป็นคนแอบบ้าง ก็ไปแอบใกล้ๆกำแพงที่ติดกับป่ากล้วย ตรงนั้นมีพุ่มไม้เยอะหน่อย ส่วนคนอื่นๆก็กระจายกันไป แล้วในที่สุดก็ถึงจุดเสียวสันสันหลังครับ ขณะที่ผมแอบอย่างเงียบที่สุด ผมก็ได้ยินเสียงคนๆนึงพูดขึ้นมาเบาๆจากที่ใกล้ๆว่า "มาซ่อนตรงนี้สิ หาไม่เจอหรอก" ผมก็รีบหันมอง 360 องศาเลยครับ ไม่มีใครซ่อนแถวนั้นเลย ผมคิดว่าหูฝาด ผมก็หลบตรงนั้นต่อไป แล้วมีเสียงเหมือนคนเคาะกำแพงด้านหลังที่ผมซ่อนอยู่ ก๊อก ก๊อก ก๊อก!! 

คราวนี้ล่ะครับ วิ่งร้อง เห้ยยยยยยยย แบบยาวๆ วิ่งไปกลางสนาม เรียกหาเพื่อน แล้วไอ้เพื่อนที่เป็นคนหาก็วิ่งมาโป้งเรา (คิดในใจ กูไม่ตกใจถีบก็บุญละ) มันไม่รู้หรอกว่าผมเจออะไรมา ตอนนั้นเป็นเด็กก็อดไม่ได้ที่จะเล่าครับ ก็เล่าให้เพื่อนทุกคนฟัง ก็หาว่าผมอำ ไม่เชื่อกัน คืนนั้นผมก็ไม่เชิงว่ากลัวหรอกครับ แต่มีความสงสัยว่าเสียงนั้นมาจากไหน เย็นวันต่อมากลับจากโรงเรียน ชวนเพื่อนกลุ่มเดิมไปตรงที่ผมได้ยินเสียง เพื่อนคนนึงก็พูดว่า หลังกำแพงเนี่ย มีแต่ป่ากล้วย ใครจะเข้ามาแกล้ง ไม่เชื่อก็ปีนดูกันมั้ยล่ะ เอาล่ะสิครับ...

ทุกคนปีนขึ้นไปดูกันหมด ยกเว้นผม ขอไม่ขึ้น พวกมันก็ไปเอาเก้าอี้ข้างสนามมาต่อขาขึ้นไปดูกันเรียงหน้ากระดาน ไม่ทันไร เพื่อนคนนึงร้องดังลั่น ร้องแบบว่าฟังไม่ได้ศัพท์เลย แล้ววิ่งลงมาจากเก้าอี้ ร้องไห้กลับบ้าน ส่วนเพื่อนคนอื่นๆรวมทั้งผมก็วิ่งตามไปที่บ้านมันแบบ งงๆ ไปถามมันว่าเห็นอะไร มันบอกว่าเจอผู้หญิงใส่ชุดสไบเฉียง ยืนอยู่ที่ต้นกล้วยไกลๆ แล้วชี้มาที่พวกผม แล้วพูดว่า "มองหาพ่อ!!หรอ"...

ทุกคนพร้อมใจกันขนลุกโดยมิได้นัดหมาย ตั้งแต่นั้นมา ทุกคนพยายามหลีกหนีที่จะไม่ไปเล่นแถวนั้น เปลี่ยนมาเล่นเกมเพลย์ที่บ้านสบายใจกว่ากันเยอะ และทุกวันนี้ ป่ากล้วยนั้น ก็ยังอยู่ครับ



ขอขอบคุณ : https://pantip.com/topic/35873319

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...