ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก ธันวาคม, 2017

มอเตอร์ไซค์ที่ตามมา

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ที่ส่งมาจากคุณดุ๊กดิ๊ก เกิดขึ้นที่เกาะสมุย โดยคุณดุ๊กดิ๊กเล่าให้ฟังว่า.. ทุกๆ ปี ผมจะไปเยี่ยมแม่ ที่เกาะสมุย แม่ผมมีอาชีพค้าขาย อยู่บนเกาะสมุยครับ ผมไปครั้งนึงก็อยู่ประมาณ 3-4 วัน นั่งรถทัวร์จากกรุงเทพฯ ตอนมืด เพื่อที่จะไปถึงท่าเรือเช้าครับ พอผมไปถึงเกาะแล้ว ก็กะว่าจะนอนพักที่บ้านแม่สักพักนึง แต่กลับนอนยาวมาถึงเย็นเลย ผมก็ออกมาช่วยแม่ขายของช่วงเย็นพอดี พอช่วยแม่ขายของเสร็จ เก็บร้านกันเกือบๆ 5 ทุ่มแล้วครับ.. ผมบอกแม่ว่า จะเข้าไปในเมือง ไปเล่นเกมหน่อย แต่ที่ที่ผมอยู่ มันไกลจากตัวเมืองพอสมควร แม่ผมได้ยินทีแรกก็ห้ามครับ บอกว่าช่วงกลางคืน บนเกาะอันตรายมากอย่าไปเลย แต่ด้วยความที่ผมติดเกม ยังไงก็จะไปให้ได้ สุดท้ายก็ดื้อออกไปจนได้.. ระยะทางจากบ้านผม เข้าเมือง ประมาณ 25 กิโลครับ เพราะผ่านหลายตำบลบนเกาะ ผมยืมรถมอเตอไซค์น้าไป ออกจากบ้านประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง ก็ขี่ไปปกติ มองรอบๆ นี่เป็นป่าหมดเลยครับ ขึ้นเขาลงเขาเป็นช่วงๆ ไฟถนนมีบ้าง ไม่มีบ้าง บ้านคนตามถนนข้างทาง ห่างกันเยอะมาก กว่าจะเจอแต่ละหลังก็หลายกิโลอยู่.. จนมาถึงร้านเกม ได้เล่นสมใจอยาก ยาวไปจนถึงตี 3 เจ้าของร้าน

“เมื่อGPSนำทางไปเจอผี”

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อสองปีที่ผ่านมา คุณเพชรมีเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กอยู่สองคน ชื่อคุณเอกับคุณเดี่ยว เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว คุณพ่อของคุณเอได้เสียชีวิต และจัดงานศพที่บ้าน ซึ่งอยู่คนละอำเภอกับคุณเพชรและคุณเดี่ยว คุณเพชรและคุณเดี่ยวจึงเดินทางไปบ้านคุณเอโดยที่ไม่รู้จักเส้นทางมาก่อน แต่คุณเอก็ได้บอกทางไว้คร่าวๆ คุณเพชรจึงขับรถไปตามทางที่คุณเอบอก โดยมีคุณเดี่ยวนั่งมาด้วย จนไปถึงจุดหนึ่งที่คุณเพชรชักเริ่มไม่มั่นใจ จึงได้ให้คุณเดี่ยวเปิดจีพีเอสในโทรศัพท์ดู และตามจีพีเอสไป เป็นถนนใหญ่หลายเลน สักพักจีพีเอสพาเข้าไปในซอยเล็กๆ เป็นถนนลูกรัง ไม่มีไฟ สองข้างทางจะเป็นสวนอ้อยที่เก็บเกี่ยวแล้ว จึงเห็นเป็นลานโล่งกว้าง คุณเพชขับรถเข้าไปได้ระยะนึง ประมาณสิบนาที เจอทางสามแยกตัววาย จีพีเอสบอกให้เลี้ยวไปทางซ้าย คุณเพชรจึงได้เลี้ยวซ้าย แล้วตรงเข้าไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอสามแยกอีกที มีต้นจามจุรีใหญ่ๆอยู่ตรงทางแยก กิ่งก้านแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ จีพีเอสก็ยังบอกให้เลี้ยวซ้ายเหมือนเดิม ขับไปได้สักระยะ ก็ไปเจอเข้ากับโรงงานอะไรสักอย่าง ดูเก่าๆโทรมๆ ใหญ่มาก อยู่ทางด้านซ้ายมือ เลยโรงงานไปหน่อยนึง จะเป็นดงอ้อยสูงท่

ตำนาน“เกาะโต๊ะกีเสม” เกาะผีที่ระนอง!!

ข้าพเจ้าจะขอเล่าเหตุการณ์อีกเรื่องหนึ่งที่เคยโดนผีหลอกตอนกลางวันเรื่องมีอยู่ว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2546 ข้าพเจ้าและญาติพี่น้องประมาณ 20 คนได้ไปเที่ยวที่หมู่บ้านแหลมนาว จังหวัดระนอง ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมง ห่างไกลความเจริญไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ ลักษณะพื้นที่ของหมู่บ้านจะอาศัยปลูกบ้านกันอยู่ริมน้ำ มองไปคล้ายกับหมู่บ้านที่เกาะปันหยี ของจังหวัดพังงาโดยบนฝั่งไม่มีพื้นราบ จะมีภูเขาสูงเป็นกำแพงกันคลื่นกันลมที่จะพัดมาจากทะเลอันดามัน การเดินทางไปได้ทางเดียวคือเช่าเรือนั่งไปประมาณ 45 นาที เมื่อไปถึงเราก็นอนพักค้างคืนที่นั่น ชาวบ้านเล่าว่า คนในหมู่บ้านแหลมนาวและหมู่บ้านใกล้เคียงในจังหวัดระนอง ทั้งที่นับถือศาสนาอิสลามและศาสานาพุทธให้ความเคารพกับบุคคลหนึ่งที่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อประมาณ เกือบ 100 ปีก่อน บุคคลนั้นก็คือ “โต๊ะกีเสม” ศพของท่านได้ถูกฝังไว้ที่เกาะร้างกลางทะเล ชาวบ้านเรียกว่า “เกาะโต๊ะกีเสม” ที่เกาะนั้นชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างมัสยิดไว้หนึ่งหลังข้างสุสานของท่านนั่นเอง ที่เกาะแห่งนี้ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ ชาวบ้านมักจะไปเยี่ยมเยือนหลุมศพของท่าน และไปละหมาดที่มัสยิดบนเกาะนี้ ข้าพเจ้าและคณะจึ

วิญญาณที่ยังไม่ไปไหน

ตุ๊กตาเป็นนักร้องที่ร้านอาหารที่บางแสน แบงค์กับอุ้มเป็นพนักงานที่ร้านนั้น ทั้งสองเป็นแฟนกัน อุ้มเป็น PR แบงค์อยู่บาร์เครื่องดื่ม มีอยู่ช่วงนึงแบงค์ไม่ได้เข้าร้านเลย มีคนบอกว่าทะเลาะกับอุ้มแล้วผูกคอตาย อุ้มก็หนีไปต่างจังหวัด มาย้อนดูในเฟสบุ๊ค แบงค์กินเหล้ายันเช้าแล้วโพสต์ว่า "กินเหล้าอยู่" พี่สาวมาคอมเม้นว่า "กินแต่เหล้านะ ดูแลตัวเองบ้าง" แบงค์ก็ตอบกลับ "วันนี้ผมกินวันสุดท้ายแล้วครับ เดี๋ยวตายผมก็ไม่ได้กินแล้ว" วันที่โพสต์คือคืนวันอังคาร แล้วแบงค์ก็ผูกคอตายเช้าวันต่อมา ก่อนตายแบงค์โทรหาเพื่อนคนนึง แต่เพื่อนคนนั้นไม่ได้รับสาย แล้วแบงค์ก็ผูกคอตายที่ห้องน้ำในหอพักนั้นไม่มีใครรู้เลย แบงค์ไม่มาทำงานหลายวัน เจ้าของร้านก็โทรตามแต่แบงค์ไม่รับ ให้คนไปดูก็เห็นมอไซด์จอดอยู่ แต่ห้องปิด อุ้มเองก็โทรหาไม่รับ อุ้มไปหาที่หอ แต่ก็เหมือนไม่มีใครอยู่ จนเพื่อนๆ ที่ร้านสามสี่คนไปหาแบงค์ที่หอ แต่ไม่รู้อยู่ห้องไหน รู้แต่ว่าอยู่ชั้นสี่ แล้วอยู่ดีๆก็มีเสียงปลดล๊อกลูกบิดจากห้องหนึ่ง ดังแกร๊ก แต่เปิดเข้าไมได้ เพราะติดโซ่ ตอนนั้นทุกคนก็ได้กลิ่นเน่าโชยออกมา แต่ก็พากันกลับ เพราะเข้า

มึงมาทางไหน มึงไปทางนั้นเลยนะ

สวัสดีครับผมแมนนะครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงครับ ประมาณตี 4 กว่าเกือบตี 5 ได้ครับ ระหว่างที่ผมกำลังจะคล้อยหลับไปนะครับ สายตาผมก็แว็บไปเห็นเงาๆ หนึ่ง เป็นเงาของผู้ชาย พิมพ์เล่าไปขนลุกไปครับ  เงาของผู้ชายคนหนึ่ง มายืนอยู่ข้างเตียงผม ก้มหน้า ผมเห็นเขาไม่ชัดนะครับ เรื่องเสื้อผ้า รายละเอียดอื่นๆ เพราะผมปิดไฟแล้วครับ พอผมเห็นผมก็งงแปปหนึ่งครับ ใคร? เข้ามาได้ไง? คือคำถามในหัวผมครับ มันคือคำถามที่แวบเข้ามาไวมากครับ พอผมคิดเสร็จปุ๊ป เงาของผู้ชายคนนั้นก็ค่อยๆ เอี้ยวตัวเหมือนคนจะเอี้ยวตัวขึ้นเตียงอ่ะครับ แบบยื่นแขนไปข้างหน้า แล้วยกขาขวาเหมือนจะค่อมขึ้นบนเตียงของผมอ่ะ ความรู้สึกของผมตอนนี้มันบอกให้ลุกไปเปิดครับ แบบว่าเปิดก่อนได้เปรียบอะไรประมาณนั้น แต่อยู่ๆ ผมก็ขยับตัวไม่ได้ครับ ความรู้สึกผมเหมือนมือกับขาผมไปนะครับ แต่จริงๆ มันไม่ขยับเลยครับ พอผมรู้ว่าขยับตัวไม่ได้ ผมก็พยายามดิ้นครับ แล้วเงานั้นก็ค่อยๆ ล้มตัวลงมา จนมันนั่งค่อมผมได้ครับ ความรู้สึกเหมือนอะไรนุ่มๆ มีน้ำหนักหน่อยมาสัมผัสที่ไหล่ซ้าย เพราะผมนอนตะแคงหันหน้าไปด้านขวานะครับ  พอผมลองเพ่งดีๆ ก็เห็นชัดเจนครับว่าเป็

คอนโดหลอนย่านแยกเกษตร

สวัสดีครับหลังจากผมได้นอนห้องที่มีคนผูกคอตายมาได้9เดือน..ผมเคยคิดว่าบนโลกนี้ผีไม่มีจริงๆหรอก แค่เรื่องที่แต่งกันขึ้นมา แต่ที่ผมเจอมามันทำให้ผมเปลี่ยนความคิดไปเลยครับ  คอนโดที่ผมไปซื้ออยู่ย่านแยกม.เกษตร ผมได้มาถูกกว่าราคาปกติครับ ได้มา1.2ล้านจากราคาปกติ3.9ล้านในราคาห้องใหม่ ตอนย้ายเข้าไปฝ่ายบุคคลก็จริงใจหมดครับตอนทำสัญญา เขาบอกผมว่าห้องนี้ มีคนเคยผูกคอตายนะค่ะ ผมรู้สึกสะอึกเลยครับแต่ผมก็ได้ขอเขาเข้าไปในห้องเพื่อดูสภาพก่อน ใจก็อยากได้คอนโดห้องแรกในชีวิตครับ ผมเป็นแฟนรายการเดอะช็อคกัยเดอะโกสต์ มานานก็จำๆได้ครับว่าต้องดูยัง ตอนเปิดประตูผมก็บอกเขาว่าผมขอเปิดเอง พอเปิดไปผมก็เออปกติดีนะ พอผมถามว่าเขาผูกตรงไหนครับ พี่ฝ่ายบุคคลก็ไม่ยอมตอบ ตอบเพียงว่าไม่รู้ข้อมูลเลยค่ะพอทำความสะอาดกันเสร็จเขาก็ฝากห้องขาย พอผมเดินเช็ครอบๆห้องมันก็ปกติดีทุกอย่างครับ ก็ทุกอย่างของใหม่หมดครับ ม่าน แอร์2ห้อง ทุกๆอย่างลื้อทำใหม่หมดเลยก็ว่าได้ครับ  พี่ฝ่ายบุคคลเห็นผมลังเล เขาเลยยื่นข้อเสนอมาว่า น้องค่ะราคาคอนโดก็ใช่จะถูกงั้นพี่เปิดให้เช่าอยู่สัก3เดือนไหมค่ะ ซึ่งมันน่าสนใจมากครับ ผมก็ถามว่าเดือนละเท่าไหร่ครับ พอได้ย

410 ห้องนี้ปลิดวิญญาณ

คนเล่าเรื่องชื่อ คุณตูน มีอาชีพเป็นคนขับรถทัวร์มีน้องคนนึงที่สนิทกันเป็นเด็กรถชื่อ คุณแม๊ก .. คือแม๊กเนื่ยอยู่ๆก็ผอมลงจากคนร่างกายกำยำ น้ำหนักประมาน65 ซูบลงไปจนเหลือน้ำหนักแค่ 48 เท่านั้น คุณตูนเลยทักว่าคุณแม๊กว่า "ผอมลงไปมากเลยนะเพลาๆหน่อยน้ำที่กินอ่ะผอมเหลือแต่แกนแล้ว" (ขออนุญาติหยาบนิดนึงนะคะ) คุณแม๊กจึงตอบกลับมาว่า " ไม่ใช่พี่ ช่วงนี้ผมกำลังอินเลย ช่วงนี้กลับไปที่ห้องมีน้องในหอมาเรียกทุกวันเลย "คุณตูนก็ไม่ได้สนใจอะไรหลังจากนั้นเวลาคุณแม๊กได้ไปกับคุณตูนก็จะเล่าเรื่องของผู้หญิงคนนี้ให้ฟังมาตลอด ..คุณตูนมาเอะใจก็ตรงที่ว่า ผู้หญิงคนนี้เรียกแคุณแม๊กไปมีอะไรด้วยทุกคืนเลย แต่คุณแม๊กไม่สามารถบอกประวัติผู้หญิงคนนี้ได้ชัดเจนตื่นเช้ามาก็เป็นห้องสี่เหลี่ยมๆว่างๆ ธรรมดาคุณแม๊กคิดว่าผู้หญิงคงจะแอบพี่หรือญาติๆเค้ามาก็ได้ นอกจากนี้คุณตูนยังสังเกตุว่ามือและเท้าของคุณแม๊กเป็นสีม่วงคล้ำๆเหมือนลักษณะโบราณที่เชื่อกันว่า ถ้าคนมีเคราะห์เล็บมือจะเป้นสีม่วงคล้ำๆ จนวันนึงคุณตูนต้องเข้าไปอัดจาระบีที่ใต้ท้องรถทัวร์จึงฝากสร้อยหยกรัตนามณีที่ปลุกเสกมาแล้วกับเหรียญพ่อท่านเมืองให้คุณแม๊กใส่

"ผนังห้องน้ำหลอน" เมื่อแฟนโดนผีปล้ำ!!

สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน นี่ก็เป็นกระทู้ที่ 5 ของเราแล้วนะคะ นี่ก็อีกเช่นเคยค่ะ จะมาแชร์ประสบการณ์หลอนๆสำหรับเรา แต่ไม่รู้ว่าคนอื่นจะหลอนกันบ้างมั้ย ให้อ่านกันนะคะ ถึงเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นกับเราโดยตรงอีก แต่มันเกิดขึ้นกับแฟนเราค่ะ ขอเริ่มเลยนะคะ เมื่อไม่นานมากเท่าไหร่ แฟนเราต้องลงไปทำงานที่เกาะแห่งหนึ่ง ในทางภาคตะวันออก ซึ่งต้องลงไปทำงานที่นั่นประมาณ 2 อาทิตย์ และเกาะที่แฟนเราไปทำงานอะคะ มันเป็นเกาะที่เราอยากไปเที่ยวอยู่พอดี เราเลยขอแฟนไปเที่ยวด้วย ตอนที่ไปถึงที่เกาะ คือโดยรวมของเกาะก็สวยดีค่ะ แต่ที่ที่เราพักนั้น เราไม่ต้องเช่าเองนะคะ เพราะทางบริษัทแฟนเราจัดหาให้  แต่ด้วยที่ว่า แฟนเราไม่ค่อยได้ลงไปทำงานที่นั่นสักเท่าไหร่ นานๆไปที ก็เลยไม่ได้ล็อคห้องไว้ให้ประจำ เรากับแฟนก็เลยได้พักอีกห้องนึงที่เตรียมไว้ให้ แม่บ้านบอกว่า ปกติถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่เปิดห้องนี้ให้ใช้ คือป้าแม่บ้านแกพูดแบบนี้ ใครได้ยินก็ต้องคิดถึงเรื่องผีป่ะ เราหนะคิด แต่แฟนเราเค้าไม่คิดไงคะ เพราะบรรยากาศในห้องมันไม่เก่า ไม่โทรมเลย ในเมื่อแฟนเราไม่คิด แล้วอีกอย่างเราก็อยากมาพักผ่อนด้วย เลยไม่อยากคิดเรื่องผีอีก

ประสบการณ์เร้นลับ เจอผีตอนบวชพระ!!

เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเป็นประสบการณ์ตรงของคุณสองเอง ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว สองมีโอกาสได้ไปบวชที่วัดหนึ่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ วัดนี้เป็นวัดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ช่วงที่ไปบวชนั้นจะตรงกับช่วงสงกรานต์ สองบวช 15 วัน แต่ว่าต้องอาศัยอยู่ที่วัดก่อน เป็นเวลา 3 วันเพื่อที่จะได้เรียนรู้กิจวัตรและก็ระเบียบต่างๆ  ช่วงเวลาที่สองจะบวชนั้นเป็นช่วงที่มีพระใหม่ ผู้ปฏิบัติธรรมใหม่อยู่ในวัดเยอะมากๆ ถ้ากะคร่าวๆแล้วก็ต้องมีประมาณ 100-200 ชีวิต เรียกได้ว่าไม่น่ากลัวเลย ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน เพราะว่าจะมีคนเดินกันให้ขวักไขว่ แถมที่วัดนี้ยังไม่มีเณรอีกด้วย ความกลัวในใจของสองก็เลยหายไปเยอะมาก เนื่องจากปกติสองเป็นคนปอดแหกมากๆกับเรื่องแบบนี้ ในช่วงเวลาที่ต้อง ไปอยู่วัดวันก่อนพิธีอุปสมบทนั้น ทุกๆคนต้องปฏิบัติเหมือนกับพระแทบทุกอย่าง การฉัน การนอน การทำวัตร กุฎิที่สองพักนั้นจะเป็นบ้านแฝด ก็คือในหลังเดียวมี 2 ห้อง วันแรกที่เข้าพักก็สังเกตว่าห้องที่อยู่ติดกันมีผู้ปฏิบัติธรรมอยู่ด้วย เป็นผู้ชายวัย 40 ต้นๆ พอสองได้เจอก็ทักทายกันตามปกติ  ได้ความว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพี่คนนี้เขาก็จะกลับบ้านแ

สุดหลอน!! โรงงานร้าง ย่านปู่เจ้าสมิงพราย

ตำนานสุดหลอนโรงงานร้าง ย่านปู่เจ้าสมิงพราย...ว่ากันว่าย่านปู่เจ้าสมิงพรายนั้น เต็มไปด้วยเรื่องหลอนชวนคนหัวลุก แต่เรื่องไหนก็คงไม่อาจจะเท่าเรื่องราวของโรงงานหลอมเหล็กร้างที่เพิ่งปิดตัวลงไป ย้อนกลับไป 40 ปีที่แล้ว ในยุคที่อุตสาหกรรมหลอมเหล็กกำลังเฟื่องฟู โรงงานนี้เต็มไปด้วยคนงานนับร้อย ทำงานหนักหน้าเตาหลอมอันร้อนระอุ รอบตัวมีสายพานและท่อสำหรับส่งเหล็กเส้นร้อนๆที่เพิ่งออกจาเตา การทำงานในสถานที่แบบนี้ อุบัติเหตุย่อมมีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ เนื่องด้วยมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่ยังไม่สูงในสมัยนั้น จึงเกิดเหตุการณ์สุดสยองขึ้น เมื่อคนงานคนหนึ่ง ยืนตรงจุดท่อส่งเหล็ก ในจังหวะเดียวกับที่มีการส่งเหล็กเส้นออกจากเตา เหล็กเส้นอันร้อนๆ ก็แทงทะลุผ่านขาของชายเคราะห์ร้าย ยิ่งไปกว่านั้น เขาต้องทนทรมานให้เหล็กเส้นนั้น ที่ยาวถึง 30 เมตรผ่านร่างกายไปจนสุดปลายเส้น แม้ว่าจะเสียชีวิตในภายหลัง แต่เรื่องนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวหลอนๆอีกหลายเรื่องที่ยังอธิบายไม่ได้ เคยมีเรื่องเล่าของกองถ่ายทำภาพยนตร์ที่มาใช้โรงงานนี้เป็นโลเคชั่น ที่ถึงขนาดทำให้ผวาจนต้องเกือบเลิกกอง เมื่อการถ่ายทำล่าช้าจนไปถึงเวลากลางคืน ช่

"ถ้ากูหลุดมาได้เมื่อไหร่ กูจะมาเอาคืนลูกหลานมึง" มโนราห์หน้าขาว

หมายเหตุ...เรื่องเล่านี้  เป็นเรื่องเล่าของเพื่อนเรา   ที่เล่าลงในกลุ่มเล่าเรื่องผีในเฟซนะคะ  คนเล่าเป็นคนใต้  ภาษาใต้จึงเยอะมาก   ใครที่ไม่เข้าใจในสำเนียงและภาษาคนใต้  เราขอแนะนำว่าอย่าอ่านค่ะ  เพราะเราไม่อยากให้อารมณ์เสีย  เนื่องจากเพื่อนเรา  เขาไม่มีไอดีพันทิป  เราจึง (ก๊อปปี้ทั้งดุ้น)  มาลงไว้ในพันทิป  มีการขออนุญาตเรียบร้อยแล้วค่ะ  เหตุผล เพราะเราถ้าเก็บไว้ในพันทิป  มันจะสามารถเก็บไว้ได้นานกว่ากลุ่มในเฟซค่ะ** ว่า อ้อ ออ ออ ว่า อ้ออออออ...  ตึงๆตึ่งโป๊ะ ตึงๆตึ่งโป๊ะ โป่ะ โป่ะ..... แม่โนราห์ตัวน้อยยยยยย... เฝ้าคอยความหวังงงงงงงงง... เคยเล่าไว้แล้วในโพสต์แรก ตอนที่เรายังเด็ก ว่าเราเคยปีนขึ้นไปเล่นบนบ้านโนราห์ ที่คนในบ้านตายยกครัว แต่ปัจจุบันบ้านหลังนั้น ผุพังกลายเป็นกองไม้ ที่ดินก็มีต้นไม้ต้นหญ้า พวกไม้หนาม และสะตอเบา ขึ้นแทนเต็มไปหมด กลายเป็นป่ารกๆใกล้บ้านเราไป "แม่ แล้วเค้าเป็นไอ้ไหรตายกันเหม็ดบ้านอ่า" "ไปถ๊าม พ่อแลต่ะ แม่ใช่รู้เรื่องนิ พ่อนั้นรู้" เรากะเลยไปถามพ่อ พ่อกะว่า "แล้วอิโร้ไปทำไหรล่ะ อย่าไปทำท่าวกะเค้าต่ะ ใช่เรื่อง" บางคืนตอนดึกๆ

มันเดินอยู่รอบเต็นท์ ทริปท่องเที่ยว"ภูเรือ"

เรื่องนี้ส่งมาจากคุณโต้งครับ คุณโต้งเล่าว่า.. เมื่อหน้าหนาวปี 2544 ผมกับเพื่อนๆ เดินทางไปเที่ยวภูเรือด้วยรถตู้ ไปกัน 11 คน เนื่องจากเป็นเทศกาลท่องเที่ยว ทำให้บ้านพักที่จองไว้ไม่เพียงพอ จึงได้แค่บ้านพักหลังเล็กๆ 1 หลัง กับจำนวนคนที่มากกว่า จึงต้องเตรียมเต๊นท์ไปกางนอนอีก 2 หลัง แต่พวกเราไม่ได้คิดอะไรมาก เนื่องจากอีกคืนเราก็จะได้บ้านเพิ่มหลังที่ใหญ่ขึ้น ตกดึกประมาณ 4 ทุ่ม เพื่อนที่ตั้งวงกินเหล้าก็นั่งกินไป คุยไป ร้องเพลงเบาๆ คลอไปตามเรื่อง เพราะทางอุทยานไม่อนุญาตให้ส่งเสียงดัง หรือใช้เครื่องเสียง ด้วยอากาศที่หนาวเย็นมาก อุณหภูมิตอนนั้น 7-8 อาศา ทุกคนต้องใส่เสื้อหลายชั้น บรรยากาศรอบที่พักเป็นลานโล่ง ที่พื้นมีแต่ใบไม้แห้งตกหล่น รอบๆ บ้านพักปกคลุมไปด้วยต้นสักขนาดใหญ่ คืนเดือนหงายเห็นบรรยากาศโดยรอบชัดเจนในระยะไกล ส่วนบ้านพักอยู่ใกล้หน้าผา แต่ไม่ได้น่ากลัวเพราะมีต้นไม้ขึ้นสูงปกคลุมทั่ว ส่วนเต๊นท์ 2 หลังที่กางไว้ อยู่ห่างจากบ้านพักออกไปเล็กน้อยประมาณ 20 เมตร กางติดกันโดยหน้าเต้นหันไปทางลานโล่ง หลังเต๊นท์เป็นปลายเขา.. ประมาณ 5 ทุ่ม ทุกอย่างดูราบรื่นดีครับ ผมเองเป็นนักศึกษาวิชาทหารเก่า เคยนอนเ