ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

"จะกลับแล้วหรอ จะมาอีกไหม คิดถึง" หลอนที่จำปาสัก ลาว


เรื่องราวทั้งหมดนั้นต้องย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา ตอนนั้นผมได้ไปหาคุณพ่อซึ่งทำงานอยู่ในจังหวัดจำปาสักเป็นเวลา 1 เดือน เพราะเป็นช่วงปิดเทอมพอดี ลักษณะของบ้านที่พักเป็นเรือนไม้สองชั้น แต่ว่ามีห้องเรียงกันแบบห้องแถว มีทหารอยู่ด้านหน้า 


แล้วผมได้ไปเช่า บ้านอยู่ด้านหลัง ทางด้านซ้ายมือจะเป็นที่พักของทหาร ทางด้านขวามือจะเป็นโรงหมอร้างซึ่งก็คือโรงพยาบาลร้างนั่นเอง ส่วนด้านหลังจะเป็นป่า ห่างออกไปอีกประมาณ 100 เมตรจะเป็นวัด ส่วนบ้านที่ผมได้เข้าไปอยู่นั้นเป็นบ้านสองชั้นหลังใหญ่มาก แต่ว่าค่าเช่านั้นแค่เพียง 5 แสนกีบ หรือประมาณ 2,000 บาทเท่านั้น หน้าบ้านมีต้นไม้ใหญ่เป็นต้นไม้ที่กินหมากได้ที่เราเรียกกันว่าต้นหมากฝาง แต่ว่าไม่แน่ใจภาษาไทยเรียกว่าต้นอะไร ในการเดินทางไปอยู่ 1 เดือนนั้นผมไปด้วยกันทั้งหมด 3 คน มีแม่ น้องชาย และก็ผม ส่วนพ่อทำงานอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว รวมกันเป็น 4 คน


เรื่องราวทั้งหมดก็เริ่มต้นขึ้นแบบนี้ครับ วันแรกที่ได้เข้าไปอยู่ บ้านนั้นไม่ได้ทำความสะอาด ฝุ่นเต็มไปหมด ภายในห้องนอนก็ไม่มีเสื่อ หรือที่นอนให้นอน แต่ว่าตู้นั้นมีอยู่ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาให้เอามานอนได้หรือไม่ แม่ของผมก็เอาผ้าที่ตากไว้ด้านบนมาเช็ดถูบ้านจนสะอาด แล้วก็เอา เสื่อในตู้นั้นมาปูนอน พอตกช่วงค่ำก็มีทหารที่พักอยู่ใกล้กันนั้นเดินเข้ามานั่งร่วมกินข้าวด้วย คล้ายๆกับการเลี้ยงต้อนรับผู้มาอยู่ใหม่ แต่ว่าพอนั่ง ทานข้าวกันได้แค่ 10 นาทีไฟฟ้าก็ดับลง แล้วก็มีทหารคนหนึ่งลุกขึ้นเดินไปหน้าบ้าน แล้วก็ไปยืนปัสสาวะอยู่ตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ พอทหารคนนั้น ทำธุระส่วนตัวเสร็จเดินกลับเข้ามา ก็บอกว่า "ถ้าเกิดทำอาหารเสร็จแล้ว ยกไปให้เจ้าที่ด้วย" ตอนนั้นแม่ของผมกำลังยุ่งอยู่ก็เลยเร่งทําอาหารจนเสร็จ ยกไปวางไหว้เจ้าที่พร้อมทั้งจุดธูป ไม่ถึง 20 วินาทีไฟฟ้าก็กลับมาติดเหมือนเดิม หลังจากนั้นทุกคนก็ทานข้าวกันต่อ สักพักก็เข้านอน


แต่ว่าพอถึงเวลานอนเท่านั้นแหละ ตรงบริเวณบันไดทางขึ้นชั้นสองของตัวบ้านได้มีเสาตกน้ำมันอยู่ 1 ต้น อยู่ดีๆเสาต้นนั้นก็สั่นแรงมาก แรงจนรู้สึกได้ว่าเหมือนกับมีคนอยู่เยอะๆในบ้านแล้วกำลังกระทืบเท้า บ้านนั้นสั่นแรงเหมือนกับจะพัง แต่ว่าตอนนั้นคุณพ่อก็บอกว่า ให้ทุกคนไหว้พระแล้วก็นอน ทุกคนก็ทำตาม สวดมนต์ไหว้พระแล้วก็พยายามหลับเข้านอน จนกระทั่งหลับไป แต่ว่าฝันครับ ในฝันนั้นเหมือนกับ

กำลังมีคนมากมายวิ่งไล่ฆ่ากันอยู่ ทั้งการวิ่งไล่ฟัน ทั้งการวิ่งยิงกัน ในฝันนองไปด้วยเลือดและก็ซากศพ จนกระทั่งคุณแม่มาปลุกเมื่อประมาณ  6 โมงเช้า แล้วทุกคนก็เดินลงไปรวมตัวกันอยู่ชั้นล่างของบ้าน คุณแม่ก็รีบบอกกับผมว่าให้รีบเอาผ้าที่เอามาใช้เมื่อวานนั้นไปซักแล้วก็ตากไว้ที่เดิม เนื่องจากเมื่อคืนนี้ตอนที่ทุกคนกำลังนอนหลับแม่ได้เห็นผู้หญิง 2 คน มีลักษณะรูปร่างอวบ ผมยาว นุ่งซิ่น เธอทั้งสองคนได้มานั่งอยู่ที่ ปลายเท้าของแม่ แล้วก็บอกว่า "ผ้าที่เอาไปใช้ถูบ้านนั้น ถ้าเกิดใช้เสร็จแล้วให้นำไปตากให้เรียบร้อยเหมือนเดิมด้วย" แม่เห็นผู้หญิงสองคนมา บอกแบบนั้น เห็นแล้วก็นอนต่อ เนื่องจากคุณแม่เป็นคนไม่ค่อยจะกลัวเรื่องพวกนี้

หลังจากนั้นผมทานข้าวเสร็จก็ออกมานอกบ้าน ช่วงนั้นเห็นมีคนอยู่ 2 คน วันนั้นเป็นวันเสาร์ ทั้งสองคนนั้นเป็นคนงานที่อาศัยอยู่ ในละแวกเดียวกัน ก็กำลังพักงานอยู่ ทั้งคู่เดินไปนอนอยู่ที่ใต้โรงหมอร้าง ส่วนตัวผมกำลังเดินเล่นอยู่หน้าบ้าน ก็เห็นต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นแล้วก็มีหมากที่ว่า ผมก็เลยเอาเศษไม้ขว้างใส่ ขว้างใส่ไปประมาณซัก 2-3 ครั้งตามประสาของเด็กซนๆ แล้วจู่ๆก็ได้ยินเสียงผู้หญิงพูดออกมาเบาๆ จากบริเวณนั้น เป็นเสียงที่ดุมาก จับใจความได้ว่า "อย่ามาเอาหมากนะ หลานกูยังไม่ได้กินเลย" ได้ยินเพียงแค่นั้นผมก็ยืนงง ไม่รู้ว่าเสียงผู้หญิง นั้นดังมาจากไหน เนื่องจากบ้านที่เช่าไม่มีบ้านคนอยู่ใกล้ๆเลย ห่างกันไปอย่างน้อยก็ 200-300 เมตร ผมก็เลยรีบวิ่งกลับไปหาแม่ แล้วถามกับแม่ว่า "แม่ เมื่อกี้แม่ได้พูดอะไรรึเปล่า" แม่ก็บอกว่าเปล่า ผมก็เลยเดินออกไปดูหน้าบ้านอีกครั้งหนึ่ง


คนที่มาพัก 2 คนนั้นตอนแรกนึกว่าเป็นคนงานแต่จริงๆเป็นทหาร 2 คนที่ออกเวร ทั้งคู่กำลังนอนพักอยู่ใต้โรงหมอ ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วก็ถามกับเขาทั้งสองว่าเมื่อสักครู่นี้ได้ยินเสียงผู้หญิงแบบที่ผมได้ยินหรือไม่ แต่ว่าทหารทั้งสองคนนั้นกลับหัวเราะ แล้วก็บอกว่า "เอ็งกลัวผีไหม" ผมก็ตอบกลับไปว่า "กลัว" แล้วพี่ทหารทั้งสองก็บอกว่า "ตามมาซิ จะพาขึ้นไปดูอะไรดีๆ ข้างบนนี้มันคือโรงหมอร้าง" แล้วพี่ทหารก็เดินนำขึ้นไป พอผมตามขึ้นไปดูที่พื้นนั้นมีรอยเลือด ทุกอย่างเหมือนกับว่าที่นี่ยังคงมีคนอาศัยอยู่ เพียงแค่ว่ามันเก่ามาก ทุกอย่างเหมือนกับยังสดๆ อยู่เลย ไม่ว่าจะเป็นรอย หรือว่าคราบเลือดที่ติดอยู่ หลังจากนั้นผมก็ไม่ไปยุ่งเกี่ยวแถวโรงหมอร้างอีกต่อไป


เวลาผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ได้ ผมมีเพื่อนอยู่ที่ประเทศลาวนี้ 1 คน ก็เลยชวนเขามาเล่นที่บ้าน เพื่อนคนนั้นก็มาเล่นแล้วก็นั่งกินข้าวกัน แต่ว่านั่งอยู่ดีๆเพื่อนก็บอกขึ้นมาว่า "ที่ที่เรากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่นี้ เป็นที่เค้าวางโลงศพ เมื่อก่อนคนตายไม่มีโลงศพ มันจะมีแค่ที่ใส่ศพเล็กๆ แล้วก็เอาวางตั้งกับพื้นไว้ และจะมีการจุดเทียนเอาไว้ที่ปลายเท้าของศพ" ส่วนบริเวณที่เรากำลังนั่งทานข้าวกันอยู่นั้นยังมีรอยเทียนติดอยู่ที่พื้น ผมก็สงสัย แล้วแม่ก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อสองสามวันที่ผ่านมาแม่ได้นอนกลางวัน แล้วพอดีตั้งหม้อทิ้งไว้แต่หลับไป เสียบไฟค้างเอาไว้อยู่ด้วย เหมือนกับว่าไฟฟ้ากำลังจะไหม้หม้อ ก็ต้องตกใจตื่นเนื่องจากเหมือนจะมีคนมาวิ่งอยู่บนบ้าน พอเหลือบตาขึ้นมองก็มีทั้งผู้หญิงแล้วก็ทหารกำลังวิ่งอยู่ในตัวบ้านเหมือนกับว่ากำลังจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แล้วก็มีคนหนึ่งมาหยุดยืนมองหน้าแม่แล้วพูดขึ้นมาว่า "ไฟกำลังจะไหม้แล้ว ลุก ลุก ลุก!"


เท่านั้นเอง แม่สะดุ้งออกจากภวังค์ รีบลุกขึ้นไปดู หม้อนั้นไฟเกือบจะไหม้อยู่แล้ว ก็จัดการทุกอย่างเข้าที่เรียบร้อยก็ไม่เห็นใครทั้งสิ้น บนบ้านมีเพียงแค่แม่อยู่คนเดียว แม่เลยตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำเพื่อที่จะอาบน้ำ ระหว่างนั้นแม่ก็ได้ยินเสียงเหมือนกับมีคนกำลังเดินอยู่ในบ้าน ต้องบอกก่อนว่าประตูบ้านนั้นเป็นแบบร้านขายของ เป็นประตู 2 บานดึงเข้ามาใส่กันแล้วล็อค ถ้าเกิดมีคนเดินเข้ามาในบ้านต้องดึงออก แต่ว่าเสียงจะดังมาก เนื่องจากมันเก่าแล้ว แต่ว่าแม่ไม่ได้ยิน มีเพียงเสียงเดิน ไม่มีเสียงเปิดประตู เสียงรองเท้าเดินดังอยู่บนบ้านมาถึงหน้าห้องน้ำ แล้วก็เดินกลับไปถึงหน้าประตูบ้าน แล้วก็เงียบ แม่ไม่อาบแล้วน้ำ


อีกเหตุการณ์หนึ่งที่แปลกมากสำหรับบ้านหลังนี้ ก็คือ ห้องนอนนั้นจะมีหน้าต่างเยอะมากประมาณ 4 บานใหญ่ๆ แต่ว่าเป็นบานเล็ก ย่อยอีก 8 บาน เวลานอนก็ปิดไว้หมด แต่พอตื่นมาตอนเช้า หน้าต่างทุกบานก็ถูกไขเปิดออกหมด ทุกคนก็มักจะถามกันแต่ก็ไม่มีใครรับว่าเปิด หน้าต่างเลย จนกระทั่งมาถึงวันสุดท้ายที่จะเดินทางกลับ วันนั้นเป็นวัน 15 ค่ำ เป็นวันพระ เขาเรียกว่าวันพระดับ เนื่องจากเดือนจะมืด ก็จะมี

เจ้าของบ้านมาตรวจดู แล้วเข้าไปในห้องหนึ่ง ผมเดินไปดูด้วยว่าเจ้าของบ้านมาทำไม ในห้องนั้นมีรูปผู้หญิง 2 คน แล้วก็พระอะไรไม่รู้เต็มไปหมด เห็นแล้วขนลุกเลย

คืนนั้นทุกคนก็เข้านอนเนื่องจากวันรุ่งขึ้นจะกลับแล้ว คราวนี้เจอทั้งหมด ผู้หญิง 2 คนแล้วก็ทหารอีกกว่า 40 คน เดินกันเต็มบ้าน ไปหมด ทุกคนฝันเหมือนกัน คนเหล่านั้นเดินอยู่เต็มบ้าน แล้วก็ถามว่า "จะกลับแล้วหรอ จะมาอีกไหม คิดถึง" แล้วผู้หญิงหนึ่งในสองคนนั้น ก็เอาของ เอาอาหารออกมาให้ทุกคนทาน แค่นั้นเองก็สะดุ้งตื่นกันหมด คืนนั้นนอนไม่ได้อีกเลย เนื่องจากว่าบนเรือนนั้นเหมือนกับกำลังมีคน

เต้นรำ เสียงคนเดินดังเต็มบ้าน พักเดียวเท่านั้นคุณพ่อก็เดินลงไปทำอะไรสักอย่างบริเวณเสาตกน้ำมันกลางบ้าน เสียงทุกอย่างก็เงียบกริบ แล้วทุกคนก็เข้านอนได้

ก่อนที่จะกลับบ้านนั้นเจ้าของบ้านก็แวะมาส่งขึ้นเครื่องบินที่เวียงจันทน์ แล้วเขาก็บอกอีกว่าบ้านหลังที่เรามาอยู่นั้นเป็นบ้านพี่สาวของเขาเอง 2 คน เธอทั้งคู่เสียชีวิตลงช่วงที่ทหารกำลังทำสงครามกัน แล้วก็มีทหารตายเป็นจำนวนมาก แต่ว่าไม่มีที่จะเก็บศพพอ ก็เลยเอาศพ เหล่านั้นไปวางไว้ในบ้านหลังที่เช่านั่นแหละ เนื่องจากโรงพยาบาลที่อยู่ข้างกันนั้นศพเต็ม ไม่มีที่ว่างพอ รอยเทียนที่อยู่บนพื้นตามบ้านก็เป็น

ไปอย่างที่เพื่อนผมพูดเอาไว้ว่าจุดเทียนเอาไว้ที่ปลายเท้าของศพ แล้วเจ้าของบ้านก็พูดต่ออีกว่าพี่สาวทั้งสองคนของเขามาเข้าฝัน ว่าถูกโฉลกกับครอบครัวของผม วันหลังให้มาอยู่อีกก็ดี แล้วก่อนที่จะแยกจากกันนั้นเจ้าของบ้านเช่าก็ยังส่งอาหารยื่นมาให้ ซึ่งอาหารเหล่านั้นเป็นเหมือนกับ ในฝันที่พี่สาวทั้งสองคนเป็นคนหยิบยื่นให้นั่นเอง 

แล้วอีกอย่างหนึ่ง รอบๆบริเวณของบ้านเช่านั้น ผืนดินแทบจะทั้งหมดเต็มไปด้วยศพของทหาร ที่ตายลงในสงครามครั้งนั้น เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้...


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...