ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

"ถ้ากูหลุดมาได้เมื่อไหร่ กูจะมาเอาคืนลูกหลานมึง" มโนราห์หน้าขาว


หมายเหตุ...เรื่องเล่านี้  เป็นเรื่องเล่าของเพื่อนเรา   ที่เล่าลงในกลุ่มเล่าเรื่องผีในเฟซนะคะ  คนเล่าเป็นคนใต้ ภาษาใต้จึงเยอะมาก   ใครที่ไม่เข้าใจในสำเนียงและภาษาคนใต้  เราขอแนะนำว่าอย่าอ่านค่ะ  เพราะเราไม่อยากให้อารมณ์เสีย เนื่องจากเพื่อนเรา  เขาไม่มีไอดีพันทิป  เราจึง (ก๊อปปี้ทั้งดุ้น)  มาลงไว้ในพันทิป  มีการขออนุญาตเรียบร้อยแล้วค่ะ เหตุผล เพราะเราถ้าเก็บไว้ในพันทิป  มันจะสามารถเก็บไว้ได้นานกว่ากลุ่มในเฟซค่ะ**


ว่า อ้อ ออ ออ ว่า อ้ออออออ... 

ตึงๆตึ่งโป๊ะ ตึงๆตึ่งโป๊ะ โป่ะ โป่ะ.....
แม่โนราห์ตัวน้อยยยยยย...
เฝ้าคอยความหวังงงงงงงงง...

เคยเล่าไว้แล้วในโพสต์แรก ตอนที่เรายังเด็ก ว่าเราเคยปีนขึ้นไปเล่นบนบ้านโนราห์ ที่คนในบ้านตายยกครัว แต่ปัจจุบันบ้านหลังนั้น ผุพังกลายเป็นกองไม้ ที่ดินก็มีต้นไม้ต้นหญ้า พวกไม้หนาม และสะตอเบา ขึ้นแทนเต็มไปหมด กลายเป็นป่ารกๆใกล้บ้านเราไป


"แม่ แล้วเค้าเป็นไอ้ไหรตายกันเหม็ดบ้านอ่า"


"ไปถ๊าม พ่อแลต่ะ แม่ใช่รู้เรื่องนิ พ่อนั้นรู้"


เรากะเลยไปถามพ่อ พ่อกะว่า


"แล้วอิโร้ไปทำไหรล่ะ อย่าไปทำท่าวกะเค้าต่ะ ใช่เรื่อง"


บางคืนตอนดึกๆ เสียงดนตรีโนราห์ ลอยแว่วมา เรามักตื่นมานั่งฟัง พอเช้าก็ถามแม่ ถามพ่อ พ่อกับแม่ก็จะแสดงอาการกังวลใส่ แม่นั้นมักเข็นเราเข้าวัดทำบุญตลอด


ที่ข้อมือเรา พ่อเอาสายสิญจน์ คล้องตระกรุดมาสวมให้ ไม่เคยให้ถอดออกมาหลายปีแล้ว เคยเผลอถอดออกวางไว้ พ่อมาเห็น พ่อหวดเราด้วยไม้เรียวตรงนั้นเลย


"พ่อบอกแล้วช่ายม้าย ว่าห้ามถอด" เพี้ยะๆเข้าให้


เราก็น้อยใจไปร้องไห้กับแม่ ว่าทำไมแค่ถอดสายตะกรุดออก ต้องตีด้วย แม่ก็บอกว่า แม่กลัว "โนราห์หน้าขาว"

มาเอาไปอยู่ด้วย เราก็สงสัยอะไรคือโนราห์หน้าขาวที่ว่า
พอโตมากพอแล้ว เราก็เลยถามพ่อในวันนึง

"พ่อ ไอ้ไหรคือโนราห์หน้าขาว"


พ่อก็นิ่งๆแล้วเล่าให้ฟัง


"จำบ้านโนราห์เก่า ที่นุ้ยเคยไปปีนเล่นแรกเอียดๆได้หม้ายล่ะ"


"จำด้าย "


"นั้นแนะ ที่คนโนราห์บ้านนั้น ตายเรียบ กะโนราห์หน้าขาวนั้น


แนะ เอาพวกเค้าไปอยู่ด้วย"


"กะแล้วไซร เค้าเป็นใครอ่า ถึงมาเที่ยวฆ่าคน"


"กะใช้มีใครโร้นิ ว่ามาแต่ไหน ที่จริงเค้ากะใช่ฆ่าตรงๆ แต่น่าอีบันดาลให้ตายไปทีละคน จนหมดครัว เหลือคนนึงรอดไปได้ ทุกวันนี้พ่อไม่เห็นหลบมาแลที่ดินตัวเองเลย"


พ่อเล่าว่า สมัยนั้นบ้านข้างๆเป็นโนราห์ย้ายมาจากพัทลุง ข้ามมาอยู่ที่ตรัง พากันมาเป็นครอบครัว มีกันอยู่6คน ทุกคนรำโนราห์เป็น แล้วก็มารับรำโนราห์ตามงานจ้างฝั่งตรัง ตัวเอกนั้นรำเก่งรำสวยมากเป็นหญิง ร้องบทก็ไพเราะ กำลังทำท่าจะไปได้ดี ก็มาผูกคอตายทั้งที่สวมชุดทรงเครื่องคาบ้าน ตาถลน ลิ้นจุกปาก ในมือยังกำพระอยู่เลย


ทีนี้ตอนเค้าเอาศพไปวัด ตอนนั้นวัดยังเป็นแค่สำนักสงฆ์กลางป่า ตอนที่หามศพไป มีคนที่เดินตามศพ เห็นว่า มีคนสวมชุดโนราห์ นั่งไปบนศพที่คนช่วยกันหาม หันหน้ามามอง แต่หน้านั้นขาววอก ไม่มีหน่วยตา ไม่มีอะไรเลยบนหน้า เหมือนเอาแป้งโป่ะไว้เฉยๆบนหน้า คนที่เดินตามที่เห็นเค้าก็พากันเดินกลับเลย แต่คนที่หามไปด้านหน้า ไม่มีใครเห็นหรอก พอเผาศพคนนั้นไปไม่นาน ศพ2 ศพ3 ก็ตามมาติดๆกัน คนนึงตกบ้านคอหักตาย อีกคนจมน้ำทั้งที่ว่ายน้ำเป็น แล้วจุดที่จมตายน้ำลึกแค่ราวนมคนตาย เป็นลูกชายของบ้านทั้งคู่


"ตอนที่เค้าหาม2ศพนั้นไป พ่อนั่งแล บนบ้าน หวันมุ้งมิ้งนิ พ่อก็ว่า ใครวะ มันแต่งชุดโนราห์นั่งไปบนศพ พอลงเรือนอีวิ่งไปแล ก็ไม่เห็นไหร"


นั่นคือคำยืนยันจากพ่อ ที่ว่าเคยมีคนเห็นคนแต่งชุดโนราห์นั่งไปบนศพแรก เป็นเรื่องจริง และเราก็เชื่อที่พ่อเล่า ว่าพ่อไม่โกหกเรา


"นี้นะ พอ3ศพแล้ว พอกลางคืน มีคนเดินผ่านทางนี้ ก็เห็นว่ามีโนราห์4คน คนนึงหน้าขาววอกเดินนำหน้า อีก3คน ไอ้คนเห็นมันจำได้ว่า เป็น3คนที่ตายนั้นแนะเดินตามรอบบ้านเลย" ทีนี้ตอนนั้นบ้านนั้นเหลือคนแค่3คนแล้ว เป็นพ่อ กับลูกสาวอีก2 ยังวัยรุ่นๆอยู่เลย เขาก็กลัว ตอนนั้นพ่อว่า คนเป็นพ่อ เอาลูกสาว2คนมาฝากไว้กับปู่ เพราะบ้านใกล้กันที่สุด คนพ่อนั้นเห็นว่าอีหลบพัทลุงไปตามคนมีวิชามาช่วย พ่อว่าพอเอาสองสาวนั้นมาฝากไว้กับปู่ พอตกกลางคืน มีเสียงคนมาขานบทโนห์ราอยู่ที่ข้างบ้าน ตอนนั้นพ่อจะออกไปดู แต่ปู่ห้ามไว้ พ่อว่าตอนนั้นบนบ้าน มีปู่ มีพ่อ กับลูกสาวลุงคนนั้นรวม4คน ไอ้เสียงร้องบทโนราห์มันก็ร้องไม่ยอมหยุด จนสองสาวนั้นกอดกันแน่นร้องไห้ จนปู่ตะโกนสวนออกไปเลยนะ


"ที่นี้เรินกู โบ๋อย่ามาเอิด อีทำไหรใครกะได้ข้างนอก แต่ม่ายช่าย ที่เรินกู ไป หลบเรินโบ๋ไป๊"


พอปู่ตะโกนจบประโยค เสียงร้องบทโนราห์ที่ว่าก็ค่อยๆห่างบ้านไป พ่อว่าตอนนั้นพ่อกลัวมาก แต่อยากเห็น ปู่บอกพ่อว่า อีหน้าขาวนั้นไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่น่าจะเป็นหัวหน้า มันจะมาตามเอาคนที่เหลือไปอยู่กับมัน


พ่อว่าปู่เป็นคนมีครู มีวิชาพอตัว เพราะปู่เคยเป็นศิษย์สำนักเขาอ้อ ที่พัทลุง ปู่นั้น ปั้นหุ่นพยนต์จากดินเผาแล้วกำกับคาถา พันด้วยด้ายมัดตราสัง จากศพตายโหง แล้วเอาไปวางไว้รอบบ้านทั้ง4มุม "พอค่ำ อีโนราห์หน้าขาวกะพาพวกมาหล่าว ขานบทร้องมาแต่บ้านมันนุ พ่อก็นั่งฟัง ปู่ก็นั่งบนบ้านนั่นแล่ะ พนมมือ พักเดียว พ่อได้ยินเสียงเหมือนคนตีกันอยู่ข้างล่าง แบบดัง ตุ๊บตั่บๆ ตุบตั้บ ลั่นข้างบ้านเลย"


พอเช้ามา ต้นไม้ต้นหญ้าข้างบ้านด้านที่หันไปทางบ้านโนราห์ผี ก็แลดูเละเทะเหมือนมีวัวมาขวิดกันตรงนั้นสัก10ตัว เละไปเป็นแปลง ปู่บอกพ่อว่า "เออ เอาต่ะ อีเข้าบ้านกูพรือ ลูกน้องกูกะยังกันเอาต่ะ" พ่อว่า อีผีโนราห์หน้าขาวนั้นมันก็มาอีกไม่เข็ด จะมาเอาสองลูกสาวบนบ้านให้ได้ ปู่ต้องซ่อมหุ่นพยนต์ตลอด บางเช้าหุ่นก็แขนหัก ขาหัก พ่อว่า ปู่ก็กังวลนะ กลัวหุ่นพยนต์จะแพ้


"แล้วไซร ปู่ไม่บุกไปปราบมันเข้าอ่ะพ่อ"


"อื้อ อย่าว่าแต่ปราบต่ะ ปู่กันมันได้กะบุญหัวแล้ว"


ถามอีสองสาวรุ่นนั้นว่ารู้ม้าย ผีโนราห์หน้าขาวนั้นเป็นใคร มาแต่ไหน ถึงได้ตามจองเวรจัง อีสองสาวก็ไม่รู้เรื่องว่าเป็นใครยังไง...บทสวดที่กล่าวถึงในการเล่าต่อไปนี้ น่าจะสวดทำนองประมาณนี้เปิดฟังได้ระหว่างอ่านก็ดีนะ เผื่อจะได้นึกภาพออก


https://www.youtube.com/watch?v=6luaeXzDusQ


ปู่เอาตะกรุดปลุกเสก พ่อบอกว่าเป็นตะกรุด ที่ปู่ได้มาจากวัดเขาอ้อ สมัยไปอยู่เป็นศิษย์ที่นั่น มาผูกให้ทั้งพ่อ และสาวรุ่นครอบครัวโนราห์นั้น พ่อว่าพ่อมั่นใจมาก เพราะวัดเขาอ้อมีชื่อเสียงอยู่แล้วเรื่องเครื่องรางอาคม ปู่ก็สั่งให้พ่อคอยดู2สาวรุ่นไว้ด้วย ว่าอย่าให้ออกไปนอกเขตบ้าน แม้แต่ตอนกลางวันก็ห้าม 7วันให้หลัง พ่อของ2สาวก็กลับมาจากพัทลุง พาพระธุดงค์มาด้วยรูปนึง แกบอกว่าไปตามหาหมอผี หาคนมาช่วยแต่หาไม่ได้ เลยเดินทางกลับ เพราะห่วงลูกสาวที่ฝากไว้ เจอท่านธุดงค์ผ่านมาทางป่าพยอม ฝั่งพัทลุง เลยเล่าความเดือดร้อนให้ฟัง ท่านก็มาช่วย


ปู่ก็ไปด้วย ไปกันตอนกลางวัน ที่เหลืออยู่บ้านปู่ หายกันไปนานปู่ก็กลับมาที่บ้านกันทั้งหมด ปู่ก็บอกพ่อว่า "ตาหลวงท่านนั่งทางใน เข้าไปแหลงแล้ว ท่านว่าเค้าไม่ยอม เค้าว่าเค้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรของตระกูลนี้ เค้าเคยถูกบรรพบุรุษสกุลนี้ ที่เป็นโนราห์ด้วยกัน ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจจนตรอมใจตาย ก่อนตายเค้าอาฆาตเอาไว้ ว่าอีเอาคืนแบบล้างโคตร ลูกหลานสกุลนี้ที่รำโนราห์เป็น ..ทุกคน.."


"เขาบอกตาหลวงมาว่า ...กูอีเอาพวกไปอยู่กับกูทุกคน..."


"แล้วตาหลวง ทำไอ้ไหร ม้ายด้ายมั่งเห้อ"


"เรื่องนี้ฉ้าน ช่วยไอ้ไหรม้ายด้าย ฉ้านติดต่อเค้าได้ แหลงกับเค้าได้ แต่ปราบเค้าม่ายด้าย"


ในวันนั้นก็เลยได้รู้แค่ว่า มโนราห์หน้าขาว เป็นเจ้ากรรมนายเวรเก่าแก่ของสกุลนั้น ที่ตามกันมาแต่พัทลุง พอถึงที่ดวงของคนนั้นกำลังอ่อน เลยโดนอำให้ฆ่าตัวตาย ทั้งผูกคอ โดดลงจากบ้านเอาหัวลง และมุดน้ำตาย


พระท่านไป ลุงนั้นแกก็หนักใจ บ้านเองก็กลับไปนอนไม่ได้ ปู่เลยชวนให้นอนอยู่ที่บ้านปู่นี่แล่ะ จนผ่านไปครึ่งเดือนน่าจะได้ เช้ามาคนตื่น แต่พบว่า 1ใน2สาวหายไป มีรอยเท้า2รอย เหมือนโดดลงไปจากชั้น2ของบ้าน  (อันนี้ตัวเราก็เคยโดนมาตอนเด็กๆที่โดนอำให้โดดลงไปจากบ้านตอนดึกๆ ตามที่เคยเล่าไปในโพสต์แรก)


รอยเดินตรงกลับไปที่บ้านนั้นเลย ตาลุงแกก็วิ่งร้องไห้นำหน้า ปู่ก็เดินตามหลังไปกับพ่อส่วนอีกสาวไม่กล้าตามไป รออยู่บนบ้าน พ่อว่าพอไปถึงพากันขึ้นไปบนบ้าน อีสาวนั้นผูกคอตายจุดเดียวกับแม่เขาเลย ปู่ไปดูที่ข้อมือไม่มีตะกรุดปู่ พอกลับมาเลยพบว่าสาวที่โดดลงเรือนไปผูกคอตายตอนดึกน่ะ อาบน้ำแล้วถอดตะกรุดทิ้งไว้ในห้องน้ำ เลยไปตามชาวบ้านมาช่วย ชาวบ้านเขาก็กลัวๆบ้านหลังนั้นอยู่ แต่ก็มาตามน้ำใจคนชนบท เอาศพไปเผา พ่อว่ามันน่าหดหู่มาก ที่ต้องมายืนมองดูรูปคนตายติดไว้ที่ฝาบ้านเรียงรายถึง4คนแม่1 ลูก3 เหลือพ่อกับลูกสาวอีกคนที่ยังรอด


ปู่ก็หัวเสียมาก กับเรื่องนั้น ปู่เลยพาพ่อ ลุงเจ้าของบ้าน กับลูกสาวอีกคนพาไปฝากสำนักสงฆ์ไว้ ให้อาศัยร่มใบบุญเขตสงฆ์คุ้มหัว เพราะปู่จะไปตามเพื่อนคนนึง ที่เป็นศิษย์สำนักเขาอ้อเหมือนกันมาช่วย ปู่บอกพ่อว่า ลำพังปู่ ปราบมันไม่ได้ แต่ถ้าได้เพื่อนอีกคนมาช่วย น่าจะพอจับขังได้ พ่อว่าตอนที่ปู่ข้ามไปฝั่งพัทลุง พอตกดึกย่ำหลังเที่ยงคืนไปแล้ว เสียงดนตรี เสียงร้องบทโนราห์อย่างโหยหวลเลย ลอยมาแต่ไกล หมอหอนรับกันเป็นทอดๆ แล้วก็มาร้องว่าร้องบทไปรอบสำนักสงฆ์เลย เพราะเข้าไม่ได้


"แม้แต่เจ้าอาวาสท่านยังกลัว ท่านเปิดหน้าต่างกุฏิไปแล ตกใจแทบตาย มาแค่ตัวเดียวนะ อีหน้าขาวนั้นแนะ" "บางคืนมาไม่ร้อง แต่มายืนมองเฉยๆ มองเข้ามาในกุฏิ หมาเห่าหมาหอนกันลั่นหมด บางคืนก็มาดัดตัว หักหัว หักขาโชว์ ท่านเจ้าอาวาสท่านก็ได้แค่นั่งแผ่เมตตาให้ แต่ไม่ยอมไป   มันจะเอาให้ได้ 2คนที่เหลือ" แต่เหมือนว่าถึงคราว ก่อนหน้าที่ปู่จะพาเพื่อนกลับมาแค่วันเดียวเอง ลุงคนพ่อ แกเหมือนจะทนรอไม่ไหว ในฐานะคนเป็นพ่อ ก็ต้องการทำอะไรบ้างไง แกก็สั่งให้พ่อช่วยดูลูกสาวคนสุดท้ายแกไว้ด้วย แกจะไปเผาบ้านทิ้ง แกว่า "ถ้าอยู่ไม่ได้ กูกะอีเผาทิ้ง"


พ่อว่า พ่อก็ห้ามนะ ให้แกทนรอปู่ แต่แกใจร้อน ปู่หายไปร่วม7วันแล้ว แกก็ดื้อไป แล้วก็หายไปเลย หายไปแบบทุกวันนี้เค้าก็ยังไม่รู้เลยว่าแกหายไปไหน พอปู่กลับมาพร้อมกับเพื่อนแก พ่อก็เล่าให้ฟัง ปู่ก็พาเพื่อนไปที่บ้านนั้น ชาวบ้านพอรู้ว่าปู่ไปพาเพือ่นหมอผีมาจากพัทลุง ก็พากันตามไปดูหลายคน พอไปถึง ปู่กับเพื่อนแก ก็เอาไห เหมือนไหใส่ปลาร้าลูกเล็กๆเท่าแตงโมอ่อน สีเขียวเคลือบ ไปวางไว้บนชานเรือนบ้าน


พ่อว่าปู่กับเพื่อนปู่ ทำพิธีอะไรก็ไม่เข้าใจหรอก แต่ไปนั่งคนละด้านของบ้านแบบ เพื่อนปู่นั่งหน้าบ้าน ตัวปู่ไปนั่งหลังบ้าน นั่งพนมมือสวดคาถาอะไรก็ไม่รู้ ดังลั่นบริเวณเลย พ่อว่าคล้ายๆสวดภาณยักษ์ เพราะมีการท่องด้วยทำนองแปลกๆโหยหวน


"แบบไหนอ่ะพ่อ"


"ก็แบบที่เวลาพระสวดยานๆน่ากลัวๆ แล้วดังเอิ๊ก เอิก เอ้ก นั้นไง"


แต่พ่อว่า ก็ไม่น่าจะใช่บทสวดภาณยักษ์ แค่ใช้ทำนองการสวดเหมือนภาณยักษ์ ท่องกันอยู่ประมาณชั่วโมงได้ แล้วเพื่อนปู่ก็เอากริช ปักที่หน้าบ้าน แล้วเอาสายสิญจน์พันรอบกริช เดินพันไปรอบบ้าน ตอนพันแกก็ท่องบทสวดโบราณคล้ายภาณยักษ์โหยหวนนั้นไปตลอดนะ แล้วไม่ท่องเบาด้วย เปล่งเสียงแข่งกันเต็มเสียงทั้งปู่ทั้งเพื่อนเลย พอพันรอบบ้านแล้วก็เอามาพันรอบกริชที่ปักไว้หน้าบ้านอีกครั้ง แล้วเพื่อนปู่ก็เอาสายสิญจน์ พันเอวเดินขึ้นไปบนบ้าน ส่วนปู่ก็ย้ายมาจับด้ามกริชที่ปักหน้าบ้าน


ระหว่างที่ทำน่ะ ไม่มีใครหยุดท่องบทสวดเลย พอเพื่อนปู่ขึ้นไปถึงไหเล็กๆที่วางไว้ เพื่อนปู่ก็หยุดสวด แต่ปู่ยังสวดต่อ พ่อว่าแล้วเพื่อนปู่แกก็กระทืบเท้าบนชานบ้านดังลั่นเลย ตึง ตึ้ง ตึ้ง แล้วก็รัวเท้าอีกถี่ๆไม่ยั้งเลย พ่อว่า กริชที่ปักพื้นที่ปู่จับอยู่น่ะสั่นจนแขนปู่ไหวเหมือนเขย่าเลย (เราแย้งว่าปู่เขย่าหรือเปล่า) (พ่อก็ว่าไม่ใช่เพราะมีตอนท้ายปู่ปล่อยกริช แล้ววิ่งถือแผ่นหนังขึ้นไปตรงไหที่เพื่อนยืนอยู่ กริชก็ยันสั่นอยู่ แบบคนที่ยืนอยู่พากันตกใจฮือ) แล้วก็มีเสียงผู้หญิง ร้องแบบเจ็บปวดดังมาจากบนบ้าน


ปู่น่ะวิ่งขึ้นไปเอาแผ่นหนังที่ถือปิดฝาไหนั้นแล้วเขาก็ช่วยกันพันด้วยสายสิญจน์ แล้วเค้าก็พากันเดินลงมาพร้อมไหใบเล็กๆ เพื่อนปู่ก็บอกว่า "เออ ไม่พรือแล้ว กูจับอีหน้าขาวไว้ในนี้แล้ว แต่ที่เหลืออีก5 ที่มันฆ่าแล้วเอาเป็นลูกน้องที่อยู่บนบ้าน มันเป็นเจ้าของบ้าน มันไม่ทำไอ้ไหรใคร กูเลยปล่อยไว้ โบ๋อย่าไปกวนเค้ากะพอ ให้มันอยู่กันบนนั้นและ ถึงเวลามันกะไปตามทางมันเอง" พ่อว่าแล้วเพื่อนของปู่น่ะก็พาไหขังผีโนราห์หน้าขาวน่ะกลับไปพัทลุง แต่ก็เตือนไว้ว่า แกจะเอาไหอีผีหน้าขาวเนี่ยไปฝังไว้ในถ้ำที่วัดเขาอ้อ แต่ก่อนที่มันจะลงไห มันขู่เอาไว้ว่า ถ้ามันหลุดมาได้เมื่อไหร่ มันจะมาเอาคืนลูกหลานของปู่ เพราะช่วยกันจับมันลงไห


ไม่มีใครรู้หรอกว่าเพื่อนของปู่ เอาอีไหผีบ้านั้นไปฝังไว้ตรงไหนของถ้ำวัดเขาอ้อที่พัทลุง ส่วนลูกสาวคนเดียวของบ้านที่รอดอยู่ อยู่กับปู่และพ่อมาได้อีก2ปี ก็ได้ผัวแล้วผัวพาลงไปอยู่ทาง อ.ปะเหลียน บ้านหลังนั้นก็เลยเป็นสมบัติของแกชิ้นเดียว แต่แกไปแล้วไม่เคยกลับมาแลเหลียวเลยนะ คงกลัว พ่อว่า พ่อกลัวเหมือนกัน เพราะไหขังผีนั่น ผูกมัดด้วยสายสิญจน์ มันย่อมมีวันเปื่อยขาด กลัวสายจะขาดแล้วมันออกมาเอาคืน พอเลยเอาตะกรุดปู่ให้เราใส่ไว้ที่ข้อมือพอเราถอดพ่อเลยเคือง จริงๆพ่อไม่ได้ให้เราใส่แต่แรกหรอก แต่พอหลังจากเหตุการณ์ที่เราไปแอบปีนบ้านหลังนั้น แล้วตอนดึก เราโดดลงจากบ้านไปรำโนราห์รอบบ้านนั่นแล่ะ


พ่อเลยเกิดกลัวขึ้นมา เพราะมันเป้นเหตุการณ์คล้ายๆตอนที่สาวคนนั้นทำแล้วเดินไปผูกคอตาย แต่พอพ่อกับแม่ตามเราไปทัน ถึงรู้ว่า ผีที่อำเราไปรำรอบบ้านกลางดึกโดยที่เราไม่รู้ตัวน่ะ ไม่ใช่ผีหน้าขาว แต่เป็นแค่ผีโนราห์ที่อยู่บนบ้านที่เคืองเพราะเราไปเอาเทริดมาสวมเล่นแล้วเต้นแร้งเต้นกา เค้าเลยเคืองจึงสั่งสอน พอพ่อตามไปขอ เค้าก็ปล่อยกลับมา คงเพราะสำนึกในบุญคุณของปู่ที่เคยทำให้แต่หนหลัง



พ่อว่าปู่เสียตอนเราอายุได้2ขวบ แม่เป็นคนในหมู่บ้านก็เลยรู้เรื่องราวของผีโนราห์หน้าขาวที่อาฆาตจะเอาชีวิตลูกหลานปู่เหมือนกัน แม่ก็กลัวๆ พอเกิดเหตุการณ์เราไปรำรอบบ้าน พ่อเลยเอาตระกรุดปู่มาสวมให้เพื่อความอุ่นใจ และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดของเรา จริงๆมันมีรายละเอียดอีกมาก แต่เราเอามาพิมพ์ไม่หมด จึงนำมาเล่าสู่กันฟังแต่รวบรัดเท่านี้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...