ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

"พิซซ่ามั้ยครับ" หลอนคนส่งพิซซ่า!!


เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดเจ้าของเมลไม่ได้ประสบพบเจอมาด้วยตนเอง แต่ได้รับการถ่ายทอดต่อมาอีกทีหนึ่ง และเรื่องราวนั้น ก็ไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย เหตุการณ์ทั้งหมดก็มีดังต่อไปนี้ ผมได้พักอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นแห่งหนึ่ง อพาร์ทเม้นที่ผมอาศัยอยู่นั้น เป็นอาคารไม่ใหญ่มาก มีทั้งหมด 4 ชั้น ในแต่ละชั้นก็จะประกอบไปด้วยห้องประมาณ 9-10 ห้อง

ตัวผมเองพึ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ที่อพาร์ทเม้นแห่งนี้ได้ไม่นาน เนื่องจากราคาเช่าไม่แพงและอยู่ใกล้กับโรงเรียนด้วย ผมเลยคิดว่าการอาศัยอยู่ที่นี่ทั้งคุ้มค่าและก็สะดวกสบาย นอกจากนั้นอพาร์ทเม้นแห่งนี้ยังอยู่ใกล้กับร้านค้าต่างๆและก็อยู่ติดกับถนน ทำให้การสั่งของจากร้านอาหารมาทานที่ห้องทำได้ง่ายมากๆ
ในช่วงสัปดาห์แรกที่ผมอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นนั้นเรื่องราวทุกอย่างก็เป็นปกติดี มีเพื่อนแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมที่ห้องบ้าง และผมก็มักจะสั่งอาหารมาทานในช่วงดึกๆตอนเวลาที่ผมต้องนั่งทำรายงานหรือว่าอ่านหนังสือ พออยู่ไปเข้าสัปดาห์ที่ 2 เหตุการณ์แปลกๆก็เริ่มเกิดขึ้น คืนหนึ่งขณะที่ผมกำลังอ่านหนังสืออยู่ ตอนนั้นเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ก็มีเสียงกดกริ่งที่หน้าประตู ตอนแรกในใจก็คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนร่วมอพาร์ทเม้นที่บางครั้งบางคราวก็จะมีเพื่อนบ้านแวะมานั่งเล่นในห้อง แต่ว่าพอเปิดประตูออกไปดูผมก็เห็น พนง.จากร้านพิซซ่าแห่งหนึ่งยืนถือกล่องพิซซ่าอยู่ แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจก็คือ แม้ว่าชายคนนี้จะใส่ชุด พนง.ของร้านอย่างเต็มยศ แต่ว่าเสื้อผ้าหน้าตาของชายตฃคนนี้กลับดูมอมแมมไม่สะอาดสะอ้าน ซึ่งค่อนข้างผิดวิสัย

สำหรับผู้ที่ทำอาชีพให่บริการเกี่ยวกับอาหาร ซึ่งคืนนั้นผมเองไม่ได้สั่งพิซซ่ามาทาน และจริงๆแล้วก็ไม่เคยใช้บริการของร้านนี้มาก่อนด้วยซ้ำ ก็เลยบอกกับทาง พนง.คนนั้นว่า "ห้องผมไม่ได้สั่งพิซซ่าครับ น่าจะเป็นของห้องอื่นมากกว่า" พนง.ชายคนนั้นก็ได้แต่ยืนนิ่ง มองมาทางผม ทำปากขมุบขมิบ พึมพำๆอะไรสักอย่างซึ่งผมจับใจความไม่ได้ ตอนนั้นรู้สึกแปลกๆและก็ไม่ค่อยดีนัก ผมก็เลยบอกย้ำอีกครั้งนึงว่า
"พิซซ่าถาดนี้ไม่ใช่ของผม" พอพูดจบผมก็ปิดประตูแล้วก็เดินกลับไปอ่านหนังสือต่อ ในคืนวันถัดมา เวลาเดียวกันคือตอน 3 ทุ่ม ก็มีเสียงกริ่งที่หน้าประตูบ้านของผมเช่นเคย เมื่อผมเดินออกไปเปิดประตู
สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจอีกครั้งก็คือ ผมเห็น พนง.ส่งพิซซ่าคนเดิม แต่งตัวสกปรกเหมือนเดิม ยืนอยู่หน้าประตู ลักษณะท่าทาง และอากัปกิริยาก็เหมือนเดิม นั่นคือชายคนนั้นยืนอยู่หน้าประตู มองมาทางผมแบบนิ่งๆ บ่นพึมพำๆ แต่ครั้งนี้ผมมีโอกาสได้สังเกตุ รายละเอียดต่างๆมากขึ้น นั่นทำให้ผมได้เห็นว่าเสื้อผ้าและหน้าตาที่สกปรกของชายคนนี้ทั้งเปียกไปด้วยน้ำและเลอะไปด้วยโคลน

วินาทีนั้นผมเริ่มไม่แน่ใจว่าทำไมชายคนนี้ถึงได้เปียกปอนและเลอะเทอะได้ขนาดนี้ แต่ด้วยกิริยาท่าทางของเขาที่ดูแล้วยังไงก็ผิดปกติ และก็น่ากลัวอยู่ ทำให้ผมตัดสินใจไม่พูดอะไรกับเขา ได้แต่ปิดประตูแล้วก็เดินกับเข้าห้องเหมือนเดิม ในใจผมตอนนั้นได้แต่คิดถามตัวเองว่า พนง.คนนี้เป็นชายเสียสติใช่หรือไม่ ซึ่งถ้าเกิดเป็นแบบนั้นจริงๆ การที่เขามาที่ห้องของผมทุกคืนเป็นเรื่องที่ไม่ปลอดภัยกับผมแน่ๆ ถ้าเกิดในวันพรุ่งนี้ชายคนนี้ยังมาอีก ผมต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง แล้วในคืนถัดมา คืนที่ 3 ก็เป็นไปอย่างที่ผมคาดเอาไว้ พอได้เวลา 3 ทุ่ม เป็นเวลาที่ พนง.คนนี้จะมากดกริ่งที่หน้าห้องของผม คราวนี้ผมไม่ได้เปิดประตูแต่ใช้วิธีแอบดูผ่านช่องตาแมว และก็พบว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูในคืนนี้คือ พนง.คนเดิมจริงๆ ตอนนั้นตัดสินใจว่า ยังไงๆก็ต้องโทรกลับไปที่ร้านพิซซ่ายี่ห้อนี้ แล้วแจ้งว่ามี พนง.จากร้านเอาพิซซ่ามาส่งให้ผมติดๆกัน 3 คืนแล้ว แต่ผมเองไม่ได้สั่ง

ทางร้านก็เช็ตข้อมูลแล้วชี้แจ้งกลับมาว่าทางร้านก็ไม่ได้มีออเดอร์จากที่อยู่ของผมเหมือนกันในช่วง 3 คืนนี้ และก็ยังถามผมให้ตรวจสอบ อีกครั้งนึงว่า พนง.คนนี้มาจากร้านของเขาจริงๆหรือเปล่า ผมก็ได้อธิบายรูปร่างหน้าตาและเครื่องแต่งกายให้ พนง.ที่อยู่ปลายสายรับฟัง บอกเขาไปว่าคนที่มาส่งของนั้นใส่หมวกและใส่ชุด พนง.สีน้ำเงิน แต่เสื้อผ้าหน้าตานั้นเลอะเทอะมาก พนง.ที่รับสายอยู่นั้นนิ่งไปสักัพก
ก่อนจะตอบกลับมาว่า "ทางร้านของเราไม่มีชุด พนง.ส่งของสีน้ำเงินอีกแล้ว ชุดสีน้ำเงินนั้นเป็นชุดฟอร์มของทางร้านเมื่อปีก่อน ตอนนี้เราเปลี่ยนมาใช้สีอื่นแล้ว" ผมได้ยินดังนั้นก็สับสน เพราะไม่แน่ใจว่าคนที่อยู่หน้าห้องนั้นเป็นใคร ผนวกกับ พนง.ส่งของ ที่อยู่หนา้ห้องนั้นก็ยังคงกดกริ่งไปเรื่อยๆ และก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมเดินไปง่ายๆ พนง.ของทางร้านซค่งถือโทรศัพท์อยู่นั้นก็ถามให้ผมทวนที่อยู่ของอพาร์ทเม้นแห่งนี้อีกที

แล้วเขาก็ได้ให้ข้อมูลบางอย่าง ที่ทำให้ผมขนลุก นั่นคือ โดยปกติของทางร้านมีความภูมิใจมากที่สสามารถส่งพิซซ่าให้ถึงมือลูกค้าภายในเวลา 20 นาที ยกเว้นเพียงครั้งเดียว นั่นก็คือเมื่อปีก่อน มีพนง.ของทางร้านประสบอุบัติเหตุทำให้ไม่สามารถส่งพิซซ่าได้ทันเวลา จึงต้องส่ง พนง.อีกคนไปแทนหลังจากนั้นอีก 1 ชม. และในครั้งนั้นที่อยู่ในการส่งออเดอร์ก็คืออพาร์ทเม้นที่ผมอยู่ ณ เวลานี้ พนง.ไม่ได้บอกผมว่า คนที่มาส่งพิซซ่าคนแรกที่ประสบอุบัติเหตุเมื่อปีก่อนนั้นเสียชีวิตหรือไม่อย่างไร แต่ว่าข้อมูลเพียงเท่านี้ที่ผมได้รับก็เริ่มทำให้ผมใจคอไม่ดี ไม่มีอารมณ์แม้จะตอบ พนง.ที่อยู่ในโทรศัพท์ ผมจึงกดตัดสายไปเฉยๆ เสียงกริ่งที่หน้าประตูก็ยังคงดังเป็นระยะๆ ผมตัดสินใจเดินไปที่ประตู ส่องตาแมวอีกครั้ง พนง.ส่งของยังคงยืนอยู่ที่เดิม และก็ทำท่าทางเหมือนเดิม ผมเองไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ไม่กล้าที่จะเปิดประตูออกได้แต่นั่งตรงประตู ให้เสียงกริ่งนั้นดังไปเรื่อยๆ

เสียงบ่นพึมพำที่ก่อนหน้านี้ฟังไม่ได้ศัพท์ ตอนนี้ก็เริ่มจะได้ยินชัดเจนขึ้น "ทางเราขออภัยที่มาส่งออเดอร์ช้านะครับ" เสียงนั้นเริ่มจะได้ยินชัดเจนขึ้น ในการพูดแบบตะกุกตะกัก เมื่อจับใจความของคำพูดนี้ได้ ผมแน่ใจแล้วว่า พนง.ที่ไปส่งพิซซ่าไม่ทันเมื่อปีที่แล้ว คงเป็นคนที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูห้อง ณ เวลานี้ ในใจได้แต่ภาวนาให้เหตุการณ์นี้จบลง แล้วโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว เสียงกริ่งก็หยุดลง ผมไม่กล้าแม้แต่จะมองออกไปนอกประตูตลอดทั้งคืนนั้นก็เลยรอจนเช้า แล้วค่อยออกจากห้อง ตอนเช้าผมตัดสินในเปิดประตูดู ก็พบว่ามีกล่องพิซซ่าเปียกๆ ผุๆอยู่กล่องหนึ่งวางอยู่ที่หน้าประตูห้อง มีร่องรอยของโคลนและเศษพิซซ่า กระจัดกระจายออกมาจากกล่อง เมื่อเห็นเช่นนั้นผมตัดสินใจได้แล้วว่าคงต้องย้ายออกจากอพาร์ทเม้นนี้ และก็คงไม่รอว่าในคืนนี้จะมีใคร มาส่งพิซซ่าที่ห้องของผมอีกหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจว่าก่อนหน้าที่ผมจะมาพักที่นี่น เจ้าของห้องเดิมได้เจอเกตุการณ์แบบที่ผมเจอหรือไม่

และผมก็ไม่อยากจะคิดต่อว่าหลังจากที่ผมย้ายออกไปแล้ว คนที่มาอยู่ต่อจะได้ยินเสียงกริ่งที่หน้าประตูทุกคืนตอน 3 ทุ่มหรือเปล่า...เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...