ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

คืนก่อนผ่าตัด...ใครมายืนรอบเตียง!!


เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นผมได้รับฟังมาอีกทอดหนึ่งจากเพื่อนของผมเองเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเมลนะครับ เรื่องราวก็มีอยู่ว่า เพื่อนของผมมีรุ่นพี่อยู่คนหนึ่ง ชื่อว่าพี่รุ่ง พี่รุ่งนั้นมีอาการของโรคประจำตัวอยู่ก็คือความดันสูง เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็มาเกิดขึ้น

ช่วงสงกรานต์เมื่อหลายปีที่ผ่านมา พี่รุ่งมีอาชีพเพาะพันธุ์ปลาสวยงามเพื่อค้าขาย และมีอยู่วันหนึ่งขณะที่พี่รุ่งกำลังวิดน้ำออกจากบ่อ เพื่อจะเปลี่ยนน้ำใหม่ลงไปนั้นอยู่ดีๆสติของแกก็ดับวูบลงไปเฉยๆ พี่รุ่งมาเล่าให้ฟังตอนที่ฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลว่า ระหว่างที่วิดน้ำปลาอยู่นั้น จู่ๆก็เกิดอาการหน้ามืด มีอาการวิงเวียรศรีษะอย่างรุนแรง รู้สึกตัวแค่ว่ากำลังจะล้มลงสู่พื้นดิน แล้วภาพทุกอย่างที่มองเห็นก็ดับวูบมืดมิดลง
นี่คือคำบอกเล่าจากปากของพี่รุ่ง หลังจากที่ฟื้นและรู้สึกตัวขึ้นมาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านฝั่งธน
หลังจากคุณหมอได้ตรวจอย่างละเอียดเรียบร้อยแล้วก็ลงความเห็นว่าด้านท้ายทอยของพี่รุ่งนั้นมีเส้นเลือดบางแห่งขาด ทำให้มีเลือดไหลอยู่ภายในสมอง คล้ายกับอาการเส้นเลือดในสมองแตก เพียงแต่ว่าเคสนี้นั้นเบากว่า วิธีการรักษาก็คือต้องนำคนป่วย เข้าผ่าตัด ซึ่งพี่รุ่งนั้นก็ถูกคุณหมอและพยาบาลนำตัวเข้าสู่ห้องไอซียูก่อนเป็นอันดับแรก อย่างที่รู้กันโดยทั่วไปว่าลักษณะภายใน ห้องไอซียูนั้นจะมีเตียงของผู้ป่วยตั้งอยู่หลายๆเตียง โดยที่มีเพียงแค่ม่านกั้นเอาไว้เท่านั้น และผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ต้องมาใช้ห้องนี้
โดยทั่วไปมักมีอาการที่หนักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

พี่รุ่งถูกนำตัวส่งเข้าห้องไอซียู โดยที่พี่รุ่งนั้นได้สติอยู่เป็นช่วงๆ ตอนที่นำตัวเข้าสู่ห้องไอซียูนั้นเป็นช่วงบ่ายๆเย็นๆ  ต้องรอผ่าตัดตอนรุ่งเช้า เนื่องจากพี่รุ่งนั้นมีอาการหนักพอสมควร ทำให้การรับรู้ของแกมีไม่ครบนัก ช่วงที่ถูกเข็นเข้าไปในห้องไอซียูตอนนั้น พี่รุ่งไม่ได้สติ รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งก็มีหมอและพยาบาลเข้ามาดูอาการของพี่แกอยู่ หลังจากนั้นพี่รุ่งห็นอนหลับๆตื่นๆ แต่ก็พยายามสังเกตุ สิ่งรอบตัวทั้งหมด และแล้วพี่รุ่งก็สังเกตุได้ว่าด้านขวามือของเตียงพี่รุ่งนั้นมีเตียงผู้ป่วยอีก 1 คน มองลักษณะผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียง เป็นคุณยายแก่ๆท่านหนึ่งซึ่งกำลังมีเครื่องช่วยหายใจระโยงระยาง ดูแล้วอาการน่าจะหนักอยู่พอสมควร สักพักนึงพี่รุ่งก็หมดสติไป จนกระทั่งกลางดึกรู้สึกตัวขึ้นอีกทีก็เป็นตอนที่มีนางพยาบาลกำลังเดินตรวจผู้ป่วยท่านอื่นๆอยู่ ระหว่างที่นางพยาบาลกำลังจะเดินผ่าน เตียงของพี่รุ่งไปนั้น พี่รุ่งก็สังเกตุได้ว่าคุณยายที่นอนอยู่เตียงข้างๆนั้นกำลังเอามือของแกเองปลดเครื่องช่วยหายใจออก และค่อยๆลุก ขึ้นจากเตียงคนไข้ คุณยายที่พี่รุ่งเห็นก่อนหน้านี้นั้นดูแล้วมีอาการเพียบหนักนอนหลับตาไม่ไหวติงอยู่นานสองนาน แต่ ณ เวลานี้คุณยายคนนั้น กำลังค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นจากเตียง และก้าวขาลงจากเตียงเดินตามหลังพยาบาลที่พึ่งจะผ่านเตียงของพี่รุ่งไปต่อหน้าต่อตา ซึ่งเวลานั้นพี่รุ่งก็รู้แล้วว่าตัวเองกำลังประสบอยู่กับเหตุการณ์แบบไหน หลังจากนั้นสติของแกก็ค่อยๆหมดไป

จนกระทั่งมารู้สึกตัวอีกทีพี่รุ่งกำลังถูกเข็นไปโดยบุรุษพยาบาลมุ่งหน้าสู่ห้องผ่าตัด แต่ว่าระหว่างนั้นพี่รุ่งสามารถสื่อสารบอกกับ พยาบาลได้ว่าต้องการขอใช้โทรศัพท์สักครู่ ซึ่งพี่รุ่งก็ได้ทำการติดต่อไปหาพระอาจารย์พี่นับถืออยู่เพื่อขอพรให้ตัวเองนั้นปลอดภัย จากการผ่าตัดครั้งนี้เนื่องจากว่าพี่รุ่งรู้สึกใจคอไม่ค่อยจะดีนัก หลังจากนั้นจึงได้ทำการซักถามกับพยาบาลว่าคุณยายข้างเตียงที่นอนอยู่ ด้วยกันเมื่อคืนนี้อาการเป็นยังไงบ้าง พยาบาลก็ตอบกับพี่รุ่งว่าคุณยายนั้นอาการหนัก เสียชีวิตลงแล้วเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา แต่ว่าพี่รุ่ง ไม่ต้องกลัว อาการไม่หนักเหมือนคุณยาย และพี่รุ่งก็ได้คำตอบแล้วว่าเมื่อคืนนี้พี่รุ่งได้พบได้เจออะไร หลังจากนั้นการผ่าตัดเส้นเลือดในสมองของพี่รุ่งก็ผ่านไป ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีจนกระทั่งพี่รุ่งนั้นได้รู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง อยู่ในห้องพักฟื้นเพียงลำพัง โดยครั้งนี้มีเพื่อนๆและภรรยาผลัดเวียนกันมาเฝ้า เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นดูแล้วเหมือนกับว่า ทุกอย่างกำลังจะจบลงด้วยดี เพียงแต่ว่าช่วงที่พี่รุ่งนอนพักฟื้นอยู่ในห้องส่วนตัวนั้น กลางดึกของคืนแรกที่พี่รุ่งออกจากห้องผ่าตัด

ระหว่างที่พี่รุ่งกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงก็ต้องรู้สึกตัวตื่นเนื่องจากว่ามีแรงกระชากที่แขนข้างขวา ตอนแรกนึกว่าเป็นพยาบลมาดูอาการ เพียงแต่ว่าความรู้สึกที่ถูกจับแขนนั้น วัตถุที่มาทาบกับผิวมันเย็นเกินไป พอพี่รุ่งลืมตาขึ้นมองสิ่งที่อยู่ด้านขวามือของแกก็คือ ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอยู่ในชุดคนไข้เหมือนกัน เอามือข้างขวาของเธอจับแขนข้างขวาของพี่รุ่งไว้ พยายามดึงลงจากเตียง ตอนนั้นพี่รุ่งรู้สึกตกใจมาก แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ความรู้สึกที่ขาข้างซ้ายก็ถูกจับเช่นเดียวกัน พอเหลือบตาไปมอง สิ่งที่อยู่ปลายเตียงก็คือ หญิงชราคนหนึ่งกำลังจับขาของแกอยู่และก็เขย่า คราวนี้พี่รุ่งเริ่มสังเกตุได้แล้วว่าในห้องตอนนี้ไม่ได้มีแค่แก อยู่เพียงลำพัง ยังมีผู้หญิงที่อยู่ด้านขวามือของเตียง และหญิงชราที่อยู่ปลายเตียง แต่ว่าพอสังเกตุดูดีๆแล้ว รอบเตียงของพี่รุ่ง มีคนยืนล้อมรอบอยู่มากมายเต็มไปหมด มีทั้งผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก และคนแก่ ทุกคนนั้นหน้าตาเฉยเมย ทุกคนสวมใส่อยู่ในชุดผู้ป่วย

ตอนนั้นพี่รุ่งตกใจกลัวสุดขีด ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นกำลังค่อยๆเคลื่อนเข้าหาเตียงของพี่รุ่ง และก็เริ่มจะมีเสียงดังขึ้นมาว่า "ไปอยู่ด้วยกันมั้ย ไปอยู่ด้วยกันมั้ย" เสียงเหล่านั้นเป็นเสียงของทุกคนที่กำลัเคลื่อนตัวเข้าหาพี่รุ่ง เป็นเสียงประสานที่ทำให้พี่รุ่งนั้นถึงกับสติดับวูบลง มารู้สึกตัวขึ้นอีกทีก็เช้าแล้ว ตื่นมาได้พบหน้าภรรยาและเพื่อนๆ ก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง แล้วก็ขอโทรศัพท์เพื่อโทรกลับไปหาพระอาจารย์

ที่นับถือ พระท่านก็บอกกับพี่รุ่งว่าอย่าไปกลัว บางครั้งเมื่อคนเรากำลังจะเข้าสู่ที่ดับก็อาจจะสามารถสื่อสารกับอะไรบางอย่างเหล่านี้ได้ เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...