ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

มันเดินอยู่รอบเต็นท์ ทริปท่องเที่ยว"ภูเรือ"


เรื่องนี้ส่งมาจากคุณโต้งครับ คุณโต้งเล่าว่า.. เมื่อหน้าหนาวปี 2544 ผมกับเพื่อนๆ เดินทางไปเที่ยวภูเรือด้วยรถตู้ ไปกัน 11 คน เนื่องจากเป็นเทศกาลท่องเที่ยว ทำให้บ้านพักที่จองไว้ไม่เพียงพอ จึงได้แค่บ้านพักหลังเล็กๆ 1 หลัง กับจำนวนคนที่มากกว่า จึงต้องเตรียมเต๊นท์ไปกางนอนอีก 2 หลัง แต่พวกเราไม่ได้คิดอะไรมาก เนื่องจากอีกคืนเราก็จะได้บ้านเพิ่มหลังที่ใหญ่ขึ้น

ตกดึกประมาณ 4 ทุ่ม เพื่อนที่ตั้งวงกินเหล้าก็นั่งกินไป คุยไป ร้องเพลงเบาๆ คลอไปตามเรื่อง เพราะทางอุทยานไม่อนุญาตให้ส่งเสียงดัง หรือใช้เครื่องเสียง ด้วยอากาศที่หนาวเย็นมาก อุณหภูมิตอนนั้น 7-8 อาศา ทุกคนต้องใส่เสื้อหลายชั้น บรรยากาศรอบที่พักเป็นลานโล่ง ที่พื้นมีแต่ใบไม้แห้งตกหล่น รอบๆ บ้านพักปกคลุมไปด้วยต้นสักขนาดใหญ่ คืนเดือนหงายเห็นบรรยากาศโดยรอบชัดเจนในระยะไกล ส่วนบ้านพักอยู่ใกล้หน้าผา แต่ไม่ได้น่ากลัวเพราะมีต้นไม้ขึ้นสูงปกคลุมทั่ว ส่วนเต๊นท์ 2 หลังที่กางไว้ อยู่ห่างจากบ้านพักออกไปเล็กน้อยประมาณ 20 เมตร กางติดกันโดยหน้าเต้นหันไปทางลานโล่ง หลังเต๊นท์เป็นปลายเขา.. ประมาณ 5 ทุ่ม ทุกอย่างดูราบรื่นดีครับ ผมเองเป็นนักศึกษาวิชาทหารเก่า เคยนอนเต๊นท์มาก่อน เลยเสียสละขอนอนเต๊นท์เอง นอนเดี่ยวนะครับ ส่วนเพื่อนอีกเต๊นท์ติดกัน เป็นคู่สามีภรรยาครับ.. พอเริ่มดึกอากาศยิ่งเย็นลง และผมก็เริ่มง่วงแล้ว เพื่อนร่วมเต๊นท์อีกหลังก็เข้านอนแล้ว เสียงกรนของเขา 2 คนทิ้งระยะสลับกันไปมา ‘คร่อกๆ คร่อกๆ’ ทำให้ผมอุ่นใจ

จนประมาณตี 1 กว่าได้ จากที่ผมหลับไปแล้ว ผมก็รู้สึกปวดฉี่ขึ้นมาเลยลุกเดินออกจากเต๊นท์ ตั้งใจจะไปเข้าห้องน้ำในบ้านพัก กลุ่มที่ตั้งวงกินเหล้าหน้าบ้านก็เข้านอนกันหมดแล้ว ผมเคาะบ้านเท่าไรก็ไม่มีใครเปิด เงียบสนิท ผมคิดว่าคงจะเหนื่อยหลับลึกไม่มีใครรู้สึกตัว เลยตัดสินใจ เอาวะ เดินไปฉี่ตรงแถวปลายเขาใกล้ๆ บ้านนี่ล่ะ.. เสร็จภาระกิจ ผมก็ยกมือไหว้ขอขมาเจ้าที่เจ้าทางตามปกติ จากนั้นก็เดินกลับมาที่เต๊นท์ แต่ผมก็สังเกตว่าเพื่อนเต๊นท์ข้างๆ ผม 2 คนไม่กรนแล้ว ทำให้บรรยากาศมันเงียบมากๆ ผมก็ไม่ได้คิดอะไร รูดซิปเต๊นท์เข้าไปนอนต่อ ทันใดนั้นเอง ผมได้ยินเสียงฝีเท้าคนครับ เดินย่ำพื้นดังมาแต่ไกล ผมนอนฟังเสียงฝีเท้าคู่นั้น ซึ่งไม่ใช่ฝีเท้าแมว หรือหมา หรือสัตว์อื่นใดแน่นอน เสียงหนักๆ นั้นเหยียบพื้นผ่านบนใบไม้แห้ง ดัง ‘กรอบ.. กรอบ..’ จากไกลๆ ก็เริ่มเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนเสียงมาหยุดอยู่ที่หน้าเต๊นท์ผม! ..ใจผมตอนนั้นเต้นรัวๆ ถี่ยิบเลย ในหัวคิดอยู่ 2 อย่าง คือเปิด กับไม่เปิด.. ถ้าเปิดออกไปดู แต่ไม่เจอใครล่ะ? แล้วถ้าเจอล่ะ จะวิ่งหรือจะสู้ แล้วจะเอาอะไรไปสู้? หรือจะวิ่งเข้าบ้านพัก แต่ถ้าบ้านพักไม่มีใครเปิดล่ะ? ผมเถียงกับตัวเองในหัว จนสุดท้ายตัดสินใจไม่เปิดดีกว่า.. แล้วผมก็นอนพนมมือสวดมนต์เท่าที่จะนึกได้ จนสุดท้ายผมเผลอหลับไปครับ

จนผมได้ยินเสียงคนคุยกัน ผมลืมตาขึ้นมา อ้าว..สว่างแล้วนี่ ผมรีบออกจากเต๊นท์เดินไปที่บ้าน เห็นทุกคนอยู่กันครบ ผมเดินเข้าบ้านไปแต่ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เพราะคิดว่าเราต้องนอนกันที่นี่อีก 1 คืน แล้วผมก็เห็นเพื่อนคู่สามีภรรยา ที่นอนเต๊นท์ข้างผม อ้าว!? ทำไมถึงมานอนอยู่ที่นี่ ตั้งแต่เมื่อไร? แต่ผมก็ยังไม่ได้ถามนะ.. จนถึงวันกลับ ผมก็เกริ่นเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน โดยถามสามีภรรยาคู่นั้นบนรถตู้ว่า ‘ทำไมคืนแรกถึงมานอนในบ้านล่ะ?’ ภรรยารีบชิงตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า.. ‘ก็หนูนอนอยู่ สักเที่ยงคืนก็ได้ยินเสียงคนเดินรอบเต๊นท์เลยนะพี่ ตอนแรกหนูก็คิดว่าเพื่อนแกล้ง แต่มาคิดอีกทีหลังเต๊นท์เราเป็นปลายเขา จะเดินได้ยังไง? เลยปลุกแฟนบอกให้เงียบๆ ลองฟังเสียงอะไร ซึ่งเขาก็ได้ยินเหมือนกัน เราเลยเปิดเต๊นท์วิ่งไม่คิดชีวิตเลย พอเข้าบ้านมาก็มองผ่านหน้าต่างกลับไปที่เต๊นท์ แทบช็อคเลย! เห็นเงาดำรูปร่างคนตัวสูงใหญ่กว่าปกติเดินวนอยู่รอบเต๊นท์ หนูรีบบอกเพื่อนให้ล็อคประตู อย่าเปิดให้ใคร..’ แต่ที่ทุกคนไม่กล้าพูดถึงเรื่องนี้ ก็เพราะเหตุผลเดียวกัน คือเรายังต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกคืน..

ถึงตรงนี้ผมเลยรู้ทันทีเลยว่า ไอ้เสียงที่ผมได้ยินเป็นเรื่องจริง และคืนนั้นผมนอนข้างนอกบ้านคนเดียว! แล้วที่ผมเข้าบ้านไปฉี่ไม่ได้ ก็เพราะอย่างนี้นี่เอง!!!!

Story by คุณโต้ง


CR by THEHOUSE

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...