หลังจากที่ผมและเพื่อนร่วมรุ่นจบการศึกษาชั้นปีที่หก อนาคตของพวกเราต่อจากนั้น...หากไม่ร่ำเรียนต่อเป็นหมอเฉพาะทางในโรงเรียนแพทย์ ก็จะต้องไปประจำการในฐานะแพทย์เพิ่มพูนทักษะในโรงพยาบาลต่างจังหวัด ซึ่งพวกผมจะถูกเรียกกันว่า ‘อินเทิร์น (Intern)’
และเนื่องจากการที่ต้องไปอยู่ต่างจังหวัด ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หลาย ๆ คนต้องอยู่หอพัก ซึ่งในความจริงแล้ว แม้แต่หมอจบใหม่ที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดเดียวกับที่ปฏิบัติงาน คุณหมอเหล่านั้นก็ยังต้องการหอพัก เนื่องเพราะการขึ้นลงเวรดึก ๆ ดื่น ๆ ทำให้ไม่สามารถกลับไปนอนบ้านได้ทุกวัน รวมถึงหอพักในโรงพยาบาลที่ผมประจำการนั้น ทั้งสะอาดกว้างขวาง แถมยังอากาศเย็นสบาย สาเหตุหนึ่งก็เพราะด้านหลังของหออยู่ใกล้กับแหล่งน้ำขนาดใหญ่...ที่เรียกกันว่า ‘กว๊าน’ โดยส่วนตัวผมนั้น คิดว่าหอพักนี้ เป็นหอที่น่าอยู่มาก...แต่กระนั้นก็ยังมีเหตุการณ์ลึกลับที่มาปรากฏให้อกสั่นขวัญหาย
เอก เพื่อนใหม่ของผมก็ได้นอนที่หอแห่งนี้เช่นเดียวกับแพทย์อินเทิร์นทุกคน โดยเอกได้อยู่ชั้นบนสุดของหอ ซึ่งก็คือชั้นสาม “กลิ่นอับชะมัดเลยว่ะ” เป็นคำพูดแรก เมื่อเอกเปิดประตูห้องเข้าไป ลักษณะภายในก็เหมือนกับห้องพักห้องอื่น คือมีห้องโถงขนาดใหญ่ตรงกลาง ด้านใน มีสองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ รวมถึงมีระเบียงตากผ้าเล็ก ๆ ทว่าห้องของเอกกลับมีสิ่งที่ไม่เหมือนห้องอื่น นั่นก็คือ ตรงกลางห้องโถงมีรูขนาดใหญ่บนฝ้าเพดาน ผมเคยส่องไฟดู เมื่อครั้งที่ไปช่วยเอกจัดของ ด้านในก็เห็นจะมีแต่ใยแมงมุมกับขื่อคานอันเป็นโครงสร้างของอาคารหอพัก เวลานั้นไม่มีใครคิดอะไรมาก นอกจากเป็นการผุพังตามกาลเวลา ตัวเอกเองได้ปรารภว่าจะให้ช่างมาซ่อม ทว่าไม่นานนัก เอกจึงได้รู้ว่าตัวเองพลาดไปที่ไม่รีบปิด ‘รู’ ที่เห็น
…
คืนนั้น เอกกลับจากการช่วยผ่าตัดในแผนกศัลยกรรม ทั่วทั้งหอเงียบสงัด ไม่มีใครอยู่ ทั้งนี้ก็เพราะพวกผมพากันออกไปเที่ยวงานฤดูหนาวในตัวจังหวัด ส่วนนายเอกนั้นไม่ได้ไป เพราะนอกจากติดเคสผ่าตัดแล้ว ยังต้องอยู่เวรแผนกศัลยกรรมต่อ ‘แกร๊ก’ เอกเปิดประตูห้องเข้าไป แพทย์หนุ่มหน้าย่นด้วยกระสากลิ่นที่ไม่คุ้นเคย “เหม็นอะไรวะ” เอกบ่น กลิ่นสาบจาง ๆ ลอยมากระทบจมูก แต่อาจเพราะความเหน็ดเหนื่อย แพทย์หนุ่มจึงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขาเดินเข้าห้องนอน เพื่อเตรียมเปลี่ยนผ้ามาเข้าห้องอาบน้ำ
นายแพทย์หนุ่มเดินผ่านรูบนเพดานไป...ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตุบ! เสียงอะไรสักอย่างหล่นกระทบพื้นห้อง เอกที่กำลังอาบน้ำถึงกับต้องหยุดอาบ ชายหนุ่มเปิดแง้มประตูห้องน้ำออกมาดู...ไม่มีอะไรแปลกปลอม ? แต่อย่างไร เพื่อความชัวร์ เอกจึงเดินออกมาตรวจที่ประตูหน้า เขาพบว่าได้ใส่กลอนเรียบร้อยดี เหตุที่ต้องตรวจตรา นั่นก็เพราะเคยมีเหตุการณ์ขโมยขึ้นหอ ในละแวกนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่ในเมื่อไม่เจอสิ่งใด เอกจึงกลับไปอาบน้ำต่อ โครม! เสียงอะไรสักอย่างตกลงกระทบพื้นห้องอย่างแรง!?
เอกเปิดประตูห้องน้ำออกมาด้วยความตกใจ และก็เป็นอีกครั้งที่ไม่มีอะไรในกอไผ่ ทุกอย่างด้านนอกเงียบสนิท เงียบสงัดเสียจนเอกเริ่มหวั่น ๆ ถึงตอนนี้นายแพทย์หนุ่มรู้สึกถึงหัวใจตัวเองที่เต้นแรงและสั่นไหว นายเอกรีบอาบน้ำจนเสร็จแทบจะในสามวินาที อาบทั้งที่เปิดประตูห้องน้ำนั่นแหละ ถึงตอนนี้จะโป๊ก็ช่างมัน...ลูกผู้ชายไม่อายใคร แต่ลูกผู้ชายกลัวผีได้ ระหว่างการแต่งตัว ไม่ปรากฏมีเสียงแปลกปลอมอื่นใดอีก เอกเริ่มใจชื้น ‘กริ๊งงงง…กริ๊งงงง’ เสียงโทรศัพท์สายในดังขึ้น บางทีอาจมีพยาบาลรายงานอาการผู้ป่วย ชายหนุ่มจึงรับรับโทรศัพท์
“เหอะ…เหอะ…เหอะ… เสียงจากปลายสาย คลับคล้ายเสียงชายชรา
“ฮัลโหล…ฮัลโหลครับ” เอกงง ใครเล่นมุกอะไรล่ะนี่
“เหอะ…เหอะ…เหอะ…” เสียงหัวเราะแหบพร่ายังคงดังเป็นจังหวะ
“ฮัลโหล จะพูดกับใครครับ” ชายหนุ่มเริ่มใจคอไม่ดี ทั้งโกรธทั้งกลัว
“เหอะ…เหอะ…เหอะ…” เสียงลึกลับยังคงดังแว่วมาตามสายโทรศัพท์
“ผมวางหูแล้วนะครับ” เอกที่ทั้งโมโหทั้งกลัว วางหูโทรศัพท์เสียงดังโครมใหญ่
ยังไม่ทันจะปะติดปะต่อเรื่องราว หรือตัดสินใจอะไรได้ ฉับพลันนั้น…
‘กริ๊งงงง…กริ๊งงงง’ เสียงโทรศัพท์ดังอีกครั้ง เอกลังเลที่จะเอื้อมมือไปรับ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจยกหูโทรศัพท์เพื่อรับสาย
“หมอเอกคะ โทร.จากศัลยกรรมชายนะคะ” เสียงพยาบาลเจื้อยแจ้วมาตามสาย เอกใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง
“คนไข้ที่หมอผ่าเมื่อกี้ ตอนนี้ปวดแผลมากค่ะ หมอมียาอะไรจะให้ไหมคะ” พยาบาลรายงานธุระที่โทรมาปรึกษา แพทย์หนุ่มจึงสั่งยาระงับปวดให้แก่คนไข้ และเตรียมจะวางหู
“หมอเอกคะ เมื่อกี้ที่หนูโทรมาตอนแรก ใครรับเหรอคะ เอาแต่หัวเราะเหอะๆ อยู่ได้” ได้ยินอย่างนั้น เอกถึงกับขนลุกวาบ “คุณตาหมอมาเยี่ยมเหรอคะ สงสัยหูไม่ดีนะคะ ไม่พูดอะไรเลยหัวเราะอย่างเดียว” ว่าแล้วพยาบาลก็วางหูไปทันที ปล่อยให้เอกเผชิญชะตากรรมในห้องเงียบสงัดเพียงลำพัง แพทย์ฝึกหัดแผนกศัลยกรรมค่อย ๆ เดินไปเก็บของ เขาตั้งใจจะไปพักที่ห้องพักแพทย์ในโรงพยาบาล อย่างน้อยก็จนกว่าเพื่อนร่วมหอจะกลับมา
แหมะ! แหมะ! เสียงน้ำหยดลงพื้น เมื่อเอกหันกลับไปดู ต้นเสียงคือน้ำสีแดงเข้มกำลังหยดเป็นจังหวะ...หยดลงมาจากรูบนฝ้าเพดาน เอกเดินไปดูหยดน้ำบนพื้น จมูกสัมผัสได้ถึงกลิ่นสาบที่เคยรู้จัก
น้ำสีแดงที่หยดอยู่บนพื้น...มันคือเลือดสดๆ! เอกรู้ดี เขารู้ว่าเวลานั้น ไม่ควรมองขึ้นไปในรูบนเพดาน หากแต่ด้วยธรรมชาติและสัญชาตญาณของมนุษย์ จึงทำให้เอกเปิดไฟฉายและเงยหน้าขึ้นมอง จมูกยังคงได้กลิ่นสาบที่ดูเหมือนจะตลบอบอวลไปทั่วห้อง
และสิ่งที่แพทย์หนุ่มเห็นในรูบนเพดานนั้น ร่างของใครคนหนึ่งแขวนคอห้อยต่องแต่งอยู่ข้างใน!! เร็วกว่าความคิด เอกใส่ตีนหมา รีบพาตัวเองออกมาอยู่นอกห้องในทันที และอย่างไม่รอช้า นายแพทย์หนุ่มวิ่งจ้ำพรวด ๆ ลงบันได เอกจำได้แต่เพียงว่า ก้าวเท้าไม่กี่ทีก็สามารถลงมายืนอยู่ที่ชั้นล่างของหอได้ และนั่นเป็นเวลาพอดีกันกับที่พวกผมกลับจากงานฤดูหนาว พวกเรางงที่เห็นเอกทำหน้าตาตื่นอยู่ใต้หอ และคืนนั้น เอกขอนอนห้องผมโดยไม่ยอมเล่าอะไรแม้สักนิด ชายหนุ่มเก็บงำความสยองขวัญ และไปเล่าเอาตอนเช้า ซึ่งนั่นทำให้พวกเราชาวหอล้วนขนลุกขนพองกันถ้วนหน้า
ด้วยเหตุนี้ ทั้งเอก รวมถึงบรรดาชาวหอแพทย์ที่ตอนนี้อุจจาระไปอยู่บนศีรษะเรียบร้อย ต่างพากันไปถามทำนองคาดคั้นความจริงจากผู้ดูแลหอพัก พวกเราจึงได้ความว่า ในสมัยก่อสร้างหอพัก มีคนงานผูกคอตายที่คานด้านใต้หลังคา โดยตอนแรกก็หาศพกันไม่เจอ และขณะช่วยกันหาอยู่นั้น เชือกที่ใช้ผูกคอเกิดขาด ศพจึงหล่นทะลุฝ้าเพดานลงมา ซึ่งตำแหน่งห้องที่เกิดเหตุ ก็คือห้องชั้นบนสุดของเอกนั่นเอง
แล้วทำไมถึงปล่อยรูบนฝ้าไว้... ไม่รีบซ่อมล่ะครับ พ่อคุณ! จริงๆ หอนี้ มีอีกเรื่องครับ
สมัยผมเป็นอินเทิร์นนั้น บ่ายวันหยุด ผมและเพื่อน หมอ+ทันตะ ราว 5-6 คน ได้ไปนั่งๆนอนๆ ที่ห้องเพื่อน อากาศยามบ่าย เย็นสบายจนเผลอหลับกลางวันกันหลายคน แต่บางคนก็ไม่หลับนะครับ แค่เคลิ้มๆ อยู่ดีๆ เพื่อนทันตะผู้หญิงกรี๊ดออกมา ถามไถ่กัน เธอบอกว่า ได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงเรียกชื่อ หันไปเป็น เด็กหญิงสวมสไบสีชมพู เวลาผ่านไป นายเอก (คนในเรื่องนี้ล่ะครับ) จบช้ากว่าพวกผมราว 2 เดือน ก็ย้ายเข้ามาอยู่หอนี้
วันหนึ่งมันถามผมว่า หอนี้มีอะไรไหม
ผมถามว่า ทำไมหรือ เอกบอกว่า 'วันก่อน กลับหอมาตอนกลางวัน เห็นเด็กผู้หญิง เดินขึ้นบันไดไป ' ใช่ครับ เด็กที่เอกเห็น สวมสไบสีชมพู!! อ๊ากกกก...ขนลุก
ขอขอบคุณ : https://pantip.com/topic/35665143
ขอขอบคุณ : Luckard
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น