ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

อาถรรพ์วังร้าง สังหารหมู่ราชวงศ์เนปาล


หากใครเดินทางไปที่เนปาล แน่นอนว่าหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปเยี่ยมชมคือพิพิธภัณฑ์พระราชวังนารายันฮิติ ในกรุงกาฐมาณฑุที่สวยงาม และเป็นที่อยู่ของราชวงศ์เนปาลสืบต่อกันมาเป็นเวลาถึง 240 ปี 

แต่ชาวบ้านและสื่อท้องถิ่นต่างทราบดีว่า วังที่สวยงามนี้เป็นสถานที่เกิดเหตุการณ์ช็อกโลก หลังมกุฎราชกุมารทิเพนทรา ก่อเหตุสังหารหมู่ราชวงศ์ในงานเลี้ยงเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2544 ปลงพระชนม์ชีพสมเด็จพระราชาธิบดีพีเรนทระ พระราชบิดา พระราชินีไอศวรรยา พระราชมารดา และพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นๆ รวมทั้งสิ้น 12 พระองค์ ก่อนจะใช้ปืนปลิดพระชนม์ชีพพระองค์เอง สาเหตุของเหตุการณ์ก็มีหลายกระแส แต่กระแสที่มาแรงที่สุดคือ มกุฎราชกุมารทิเพนทราทรงผิดหวังที่พระราชบิดาและพระราชมารดา รวมทั้งพระญาติคนอื่นๆไม่เห็นด้วยกับการที่พระองค์จะทรงเสกสมรสกับหญิงที่พระองค์ทรงรัก

ถ้านับถึงปัจจุบันเหตุการณ์นี้ก็ผ่านมาได้ 15 ปี แล้ว ส่วนพระราชวังที่เป็นจุดเกิดเหตุก็ถูกทำให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้คนภายนอกเข้ามาเยี่ยมชม จากข้อมูลของนายสตีเฟน โรบินสัน ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์อังกฤษ “เดอะ เทเลกราฟ” เล่าว่า ข้าราชการที่ทำงานอยู่ในนั้นจะรีบเลิกงานให้ทันก่อนถึงช่วงเวลากลางคืน เพราะกลัวจะประสบกับเรื่องเล่าที่ชาวบ้านร้านตลาดลือกันว่า ตอนกลางคืนมักได้ยินเสียงโหยหวนร้องร่ำไห้อย่างทรมานดังออกมาจากพิพิธภัณฑ์ และเชื่อกันว่า พระวิญญาณของสมเด็จพระราชาธิบดีพีเรนทระยังคงวนเวียนอยู่ภายใน

ในวันที่ 20 มิ.ย. 2545 ในวาระครบรอบเหตุสังหารหมู่ 1 ปี รัฐบาลเนปาลได้เชิญโหราจารย์มาทำพิธีปัดรังควาน และถวายเครื่องบูชาต่อเทพเจ้าแห่งการปกป้องหรือองค์วิษณุตามความเชื่อโบราณ แต่จนถึงปัจจุบันชาวบ้านก็ยังได้ยินเสียงร้องโหยหวน เสียงปืนหรือเรื่องราวลี้ลับเล็ดลอดออกมาจากรั้วพระราชวังอยู่ดี

มีเรื่องเล่าก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ว่า สมเด็จพระราชาธิบดีพีเรนทระไม่ทรงสนพระทัยคำเตือนของโหรหลวงที่บอกว่า กำลังจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับราชวงศ์เมื่อดาวเสาร์และดวงอาทิตย์ โคจรมาตรงกันและเกิดเป็นอาเพศตามหลักโหราศาสตร์ของเนปาล

พลเอกบารัต สิมฮา หนึ่งในเจ้าหน้าที่คนสนิทของอดีตกษัตริย์ สมเด็จพระราชาธิบดีพีเรนทระ ซึ่งเป็นผู้ที่มาถึงโรงพยาบาลเป็นคนแรกๆหลังเกิดเหตุเผยว่า มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 13 คน บาดเจ็บอีกหลายคน บางคนนอนอยู่บนรถเข็นเพื่อรอรับการตรวจอาการจากแพทย์ เรื่องราวเกิดขึ้นอย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน หลังมกุฎราชกุมารทิเพนทรา พระชนมายุ 30 ปี ทรงชุดทหาร พกปืนกลเดินเข้ามาที่งานเลี้ยงอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะกราดยิงพระญาติหลายพระองค์จนสิ้นพระชนม์ในงาน ก่อนจะปลิดพระชนม์ชีพพระองค์เองตาม สิ้นพระชนม์ตามพระราชบิดาในอีก 2 วันถัดมา จากการตรวจสอบพบว่า พระองค์เสวยน้ำจัณฑ์และทรงใช้กัญชาจนเมามาย

หลังเหตุการณ์นี้ทำให้พระอนุชาของสมเด็จพระราชาธิบดีพีเรนทระ ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ต่อไป พระองค์ต้องการที่จะกุมอำนาจในรัฐบาลและประกาศศัตรูกับกลุ่ม "กบฏลัทธิเหมา" แต่ก็ทรงอยู่ในอำนาจได้เพียง 14 เดือน ก็ต้องสละราชย์สมบัติกลายเป็นสามัญชน เปิดให้มีการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากกระแสความนิยมในราชวงศ์ที่ตกต่ำลง

นอกจากนี้ พระองค์ยังต้องส่งมอบพระราชวังและทรัพย์สินอีกหลายรายการให้กับรัฐบาล จนในที่สุดรัฐบาลก็เปลี่ยนแปลงพระราชวังนารายันฮิติ ที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ปี 2504 ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้ามเหนทระ พระราชบิดาของสมเด็จพระราชาธิบดีพีเรนทระ ให้เป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับบุคคลทั่วไปเข้าเยี่ยมชมความเป็นอยู่ของราชวงศ์ในสมัยก่อน

พระราชวังนารายันฮิติ มีทั้งหมด 52 ห้อง แต่มีเพียงแค่ 19 ห้องเท่านั้นที่เปิดให้ผู้คนเข้าชม ห้องที่สวยงามที่สุดคือห้องซึ่งเป็นที่ประทับของพระราชบัลลังก์ มีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังและโคมระย้าที่วิจิตรงดงาม ส่วนห้องที่มีชื่อเสียงที่สุดจะชื่อว่า “ตริบูวาน ซาดาน”สถานที่เกิดเหตุสังหารหมู่ราชวงศ์ อันที่จริงห้องนี้ได้รับการบูรณะใหม่แล้ว แต่รอยกระสุนก็ยังคงอยู่ พร้อมกับป้ายที่รัฐบาลติดไว้ชี้บอกเป็นข้อมูล

พลเอกสิมฮา ยังพูดว่า เขาเคยเข้าไปเยือนพระราชวังหลังจากเกิดเหตุมาได้หนึ่งปี ยังรู้สึกตกใจกับบรรยากาศภายใน หวาดกลัวว่า พระวิญญาณของสมเด็จพระราชาธิบดีพีเรนทระจะลอยพุ่งออกมาจากมุมห้อง ปรากฏพระองค์ให้เห็น ปัจจุบันเขาเองไม่อยากจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเท่าใดนัก รวมทั้งคนเนปาลเองก็ไม่ค่อยเอ่ยถึงรายละเอียดของเหตุการณ์แล้ว เหมือนกับว่า ทุกคนต้องการลืมเรื่องนี้ไปจะดีกว่า

พระราชวังเปิดให้เข้าชมเวลา 11.00-14.00 น. ทุกวันยกเว้นวันอังคารและพุธ ค่าเข้าชมสำหรับคนไทย คือ 500 รูปี (ราว 272 บาท) หมวยเล็กว่า สถานที่เก่าแก่โดยเฉพาะวังทุกวังก็มีเรื่องราวที่น่าสลดเบื้องหลังความสวยงามด้วยกันทั้งสิ้น สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่า สร้างบาดแผลในใจให้กับคนเนปาลเป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นการดีหากพวกเขาจะลืมเรื่องนี้ไปเสียแล้วเริ่มต้นใหม่ โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมาเนปาลเองก็เพิ่งประสบภัยแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จนทำให้โบราณสถานสำคัญหลายแห่งได้รับความเสียหาย รัฐบาลเนปาลก็ไม่ย่อท้อ เร่งบูรณะเพื่อให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาเที่ยวในประเทศ เพื่อสร้างรายได้ให้กับคนท้องถิ่น พร้อมประกาศให้คนทั่วโลกรับรู้ว่า ตอนนี้เนปาลปลอดภัยแล้ว หากต้องการช่วยฟื้นฟูเนปาลจากภัยพิบัติ การมาเที่ยวเนปาลเป็นหนทางที่ดีที่สุด ตามโลแกน “Nepal is Safe: Visit, Enjoy and Help Nepal”

คอลัมน์ : มุดรั้วบ้านเพื่อน


โดย "หมวยเล็ก"

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ