ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เสียงเรียกจากความมืด


หลังจากเขียนกระทู้เกี่ยวกับชีวิตตนเองไปสองสามกระทู้ ก็ติดตามกระทู้เเนวลึกลับสยองขวัญของท่านอื่น ด้วยส่วนตัวเเล้วก็มีเรื่องเเบบนี้เช่นกัน เลยคิดว่าจะมาเล่าสู่กันฟังบ้างค่ะ 
   
โดยเรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับเเม่จขกท.นะคะ เเม่เล่าย้อนไปเมื่อ สี่สิบปีที่เเล้ว สมัยเเม่ยังเป็นสาววัยเเรกรุ่น ใช้ชีวิตตามประสาคนต่างจังหวัด สมัยนั้นความเจริญยังเข้ามาไม่ถึงเท่าที่ควร เรียกได้ว่า ยังมีพรานล่าสัตว์ เสือสมิงอยู่ เเม่เป็นลูกคนที่สองจากพี่น้องทั้งหมดสี่คน ถ้านับตามลำดับ ป้า เเม่ น้าผู้ชาย เเละน้าผู้ชายคนสุดท้อง โดยจริงๆเเล้ว ยายเคยมีลูกสี่คนก่อนหน้า เเต่เสียชีวิตหมด อายุไม่เท่าไหร่ก็เป็นป่วยไข้เสียชีวิต จากไปก่อนวัยอันควร หมอธรรมในสมัยนั้นทักว่า ยายเป็นคนมีดวงผีเสื้อสมุทรค่ะ กล่าวก็คือ ดวงกินลูก ตอนนั้น ที่ลูกๆเสีย หมอธรรม ก็ตัดเเบ่งร่างเเยกส่วนกัน เเล้วเเยกฝังคนละทิศเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กมาเกิดอีก เเต่จนเเล้วจนรอด หมอธรรมเลยต้องมาทำพิธีที่ยายค่ะ เพราะมิฉะนั้น ยายจะไม่มีลูกสักคนเลย จนท้ายที่สุดก็มีป้า น้าๆ เเม่ ทั้งหมดสี่คนอยู่รอดจนถึงปัจจุบันนี้

เข้าเรื่องนะคะ ในสมัยนั้น นาข้าวเเละไร่สวนจะอยู่ไกลจากบ้าน ยายกับลูกทั้งหมด ต้องเดินไปกลับระหว่างบ้านกับนาหลายกิโลค่ะ  บางครั้งเหนื่อยกลับไม่ไหว ก็นอนค้างกับบ้านญาติๆเเถวนั้น เเล้วค่อยกลับตอนย่ำรุ่ง ไม่ค่อยนอนที่เพิงพักที่สร้างไว้ เพราะเคยโดนผีหลอกจนต้องวิ่งออกมาอยู่กลางทาง จึงไปนอนค้างบ้านญาติเสีย เห็นจะดีกว่ามาก

จนคืนหนึ่ง คืนนั้นเป็นคืนเดือนหงาย ฟ้าเปิด เเม่อยากกลับบ้านมาก เเต่ยายกับพี่น้องกลับไม่ไหว เเกเลยดื้อกลับเอง ยายก็พูดอะไรไม่ได้มาก เพราะเเม่เป็นคนที่ดื้อ เเละรั้นที่สุดในบรรดาลูกทั้งสี่คน เมื่อไม่มีใครกลับด้วย เเกเลยเดินกลับคนเดียว โดยใช้เส้นทางเดิม ผ่านเนินเขา สองข้างทางเป็นไร่ข้าวโพดของชาวบ้าน นานๆจะมีบ้านสักหลัง ด้วยที่เป็นคืนเดือนหงายเเละเงียบสงัด เเม่เดินมาได้ครึ่งทาง ก็ปวดฉี่ เลยหาที่เหมาะตรงข้างทาง เเม่มองหาได้ชั่วครู่ก็เห็นตรงขอนต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่งล้มนอนอยู่ เเม่เห็นอย่างนั้นจึงตรงเข้าไป นั่งยองข้างต้นไม้ต้นนั้น พอเสร็จสรรพกำลังจะลุกออกมา ไม่ทันได้ก้าวขาเดิน ก็มีเสียงหนึ่งเป็นเสียงผู้หญิงตะโกนเรียกมาจากตรงนั้น ด้วยความที่เเม่เป็นคนไม่กลัวอะไร ก็ขานรับ เเล้วถามกลับไปว่านั่นใคร เเต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ก็เข้าใจว่าคงเป็นชาวบ้านเเถวนั้น ก็ไม่สนใจ เลยเดินกลับบ้านปกติ

หลังจากคืนนั้น เเม่มาถึงบ้าน ได้สองสามวัน เเม่ก็ล้มป่วยลง โดยไม่มีสาเหตุใดๆ ไม่ยอมกินข้าวปลา  รักษากับยาอะไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น เเม่เล่าต่อว่า ยายเล่าให้เเม่ฟังว่า วันต่อมา เเม่เริ่มเพ้อ ถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ใส่ให้เท่าไหร่ก็ถอด เเม้เเต่เอาผ้าห่มไปห่มให้ก็ไม่เอา บ่นเพ้อว่าร้อนๆ ป้ากับน้า ก็ได้เเต่ยืนดูเเม่ จนญาติๆคนอื่นที่รู้ข่าวมาเยี่ยมไข้ ก็เห็นท่าไม่ดี บอกยายว่า ควรพาไปโรงพยาบาล ยายเห็นควรด้วย จึงเข้าไปหาเเม่ บอกให้เเม่ใส่เสื้อผ้า จะพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล เเม่ส่ายหน้าอย่างเดียว บอกไม่ไปๆ ญาติคนอื่นเลยพากันลากขึ้นรถ เเม่ก็ดิ้นบอกไม่ไปๆตลอดทาง จนถึงโรงพยาบาล เเม่ก็ดีขึ้นชนิดว่าเกือบหายเองจนยายเองยังเเปลกใจ จึงพากลับมาบ้าน เมื่อมาถึงบ้าน เเม่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม คือถอดเสื้อผ้า เพ้ออยู่คนเดียว จนมีญาติคนนึงเห็นท่าไม่ดีเเล้ว จึงพูดกับยายว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเเม่ มันไม่ปกติ ยาอะไรก็รักษาไม่ได้ หมอคนไม่หาย ก็คงต้องหมอผีหมอธรรมมา ยายที่ตอนนั้นจนใจเเละสับสน ก็ให้ญาติคนนั้นไปตามหมอมา 

เมื่อหมอธรรมมาถึง ยายก็ให้ญาติพาหมอไปหาเเม่ ซึ่งอยู่ด้านใน เเละทันที ที่หมอธรรมเดินเข้ามาในบ้าน เเม่ซึ่งเพ้อๆอยู่ก็หยุดเพ้อ หันมามองหน้าหมอนิ่งเงียบ หมอธรรมนั่งลงตรงหน้าเเม่ เเล้วถาม "เอ็งเป็นใคร...มาจากไหน?" เเม่ไม่ตอบ นิ่งเเล้วก็เงียบ หมอธรรมถามอีกหลายรอบ จนหมอถอนหายใจถามว่า "ถามดีๆเเล้ว จะตอบดีๆ หรือจะให้สั่งสอนก่อนจึงจะตอบ" ในที่สุด เเม่ก็ยอมตอบว่า มาจากที่ตรงนั้น ที่เเม่ไปฉี่ เเม่ฉี่รดเขา เขาเลยโกรธ เลยตามเเม่มา หมอเลยบอกว่า ปล่อยเเม่ไปเถิด ยกโทษให้เเม่ เเม่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากจะอยู่ เบียดเบียนต่อไป ก็เป็นบาปต่อกัน หลังจากนั้น หมอก็พรมน้ำมนต์ให้ เเล้วหันมาพูดกับคนในที่ตรงนั้นว่า ให้เเม่นอนได้เเล้ว หายเเล้ว

หลังจากเหตุการณ์ในคราวนั้นจนปัจจุบันนี้ เเม่ยังพูดเลยค่ะ ว่าหลังจากหายเป็นปกติ เเทบไม่กล้าย่างกราย เฉียดขอนไม้ใหญ่อีกเลย เเต่เเม่ก็ไม่เลิกนิสัยไม่กลัวนี่นะคะ อะไรเเปลกๆกลางค่ำกลางคืนทักตลอด เเม้เเต่ยายห้ามก็ไม่ฟัง

ขอขอบคุณ : https://pantip.com/topic/37386989

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...