ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ย้อนรอยโศกนาฏกรรม พระนางเรือล่ม


"พระนางเรือล่ม" คำนี้คงเป็นที่คุ้นเคยสำหรับชาวนนทบุรีมาแต่ช้านาน เนื่องจากเป็นเรื่องเล่าที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เกี่ยวกับการเสด็จทิวงคตของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีพระอัครมเหสีพระองค์แรกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่เสด็จทิวงคตด้วยอุบัติเหตุ พระประเทียบล่ม ที่ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งขณะนั้นสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ กำลังตั้งพระครรภ์เจ้าฟ้าได้ 5 เดือน 

เรื่องดังกล่าว ถือว่าเป็นโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ในช่วงเวลานั้น เพราะเป็นการสูญเสียทั้งพระมเหสี และพระธิดาของรัชกาลที่ 5 พร้อม ๆ กัน ... วันนี้ขอย้อนรอยนำประวัติ "พระนางเรือล่ม" พร้อมนำเหตุการณ์ในวันที่พระองค์เสด็จทิวงคต มาเล่าให้ฟังกันอีกครั้ง

ประวัติ พระนางเรือล่ม (10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2403 - 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2423) สมเด็จพระนางเรือล่ม มีพระนามว่า สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี มีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ประสูติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2403 ทรงเป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชสมภพแต่สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา ลำดับที่ 50 ในจำนวนทั้งหมด 82 พระองค์  สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ทรงรับราชการสนองพระเดชพระคุณเป็นพระภรรยาเจ้าในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยพระขนิษฐาอีก 2 พระองค์  ได้แก่ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา (สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า) และ พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี (สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พระพันปีหลวง)

ครั้นเมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระชนมายุได้ 19 พรรษา ทรงมีพระราชธิดาพระองค์แรก ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรรณาภรณ์ เพชรรัตน์ และเสด็จทิวงคตพร้อมกันกับ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ที่ขณะนั้นทรงพระครรภ์ได้ 5 เดือน เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2423 เป็นเรื่องเศร้าที่เล่าขานต่อกันมายาวนาน สำหรับเหตุการณ์วันที่เกิดโศกนาฏกรรมดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านเล่ากันต่อ ๆ ว่า สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ พระราชธิดา และเจ้าฟ้าในครรภ์ ทรงตามเสด็จฯ แปรพระราชฐานไปพระราชวังบางปะอิน เมื่อเสด็จมาถึง ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทุบรี เรือพระพันปีหลวง ได้แล่นเซงเรือของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ ประกอบกับนายท้ายเรือของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ เมาเหล้าขาดสติ จึงไม่สามารถควบคุมเรือได้ จึงเป็นเหตุให้เรือล่ม 

ทั้งนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ ทรงว่ายน้ำได้ แต่เพราะความที่ทรงห่วงพระราชธิดา จึงทรงว่ายเข้าไปช่วย แต่ก็ต้องสิ้นพระชนม์ พร้อมกับพระพี่เลี้ยงอีก 1 คน ทั้งหมด 4 ศพ ซึ่งศพจมอยู่ใต้ท้องเรือ โดยที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย เพราะติดอยู่ที่กฎมณเฑียรบาลว่า ห้ามผู้ใดแตะต้องพระวรกายพระมเหสี มิฉะนั้นจะถูกประหารทั้งโคตร นอกจากนี้ ก่อนเกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมขึ้น สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ ได้ทรงพระสุบินว่า พระธิดาของพระองค์ตกลงไปในน้ำ ด้วยความตกพระทัยจึงรีบคว้าพระธิดาจนตกลงไปในน้ำด้วยกัน แล้วได้ตื่นจากบรรทม ท่านก็ทรงครุ่นคิดถึงการเสด็จฯ ไปพระราชวังบางปะอิน แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงชะตากรรมได้  การสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ ในครั้งนั้น มีเสียงร่ำลือในวังหลวงอย่างหนาหูว่า เป็นแผนการจงใจที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากความอิจฉาริษยาของบรรดามเหสี และสนมนางในที่คิดหาหนทางกำจัด นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าอันน่าพิศวงเกี่ยวกับอาถรรพ์ของดวงพระวิญญาณตามมาด้วย 

โดยชาวบ้านเล่ากันว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังงมค้นหาพระศพในวันที่เรือพระประเทียบล่ม แต่หาอย่างไรก็หาไม่พบ จนชาวบ้านแถมนั้นทนเห็นเหตุการณ์นั้นไม่ไหว จึงลงมาช่วย แต่ไม่ว่าจะค้นหาอย่างไรก็ไม่พบ ถึงขนาดทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์แต่ก็ยังไม่พบพระศพ จนต้องเชิญหลวงจีนท่านหนึ่งนามว่า "สกเห็ง" โดยท่านสกเห็งได้เสกถ้วยน้ำชาให้ลอยไปตามกระแสน้ำ พอถ้วยจมลงจุดใดก็ให้ชาวบ้านและทหารช่วยกันงมหา ซึ่งในที่สุดก็สามารถหาพระศพจนพบ โดยลักษณะของพระศพนั้น สร้างความเศร้าสลดให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ ได้โอบกอดพระธิดาไว้แนบอก ส่วนสถานที่ที่พบพระศพนั้นก็คือใต้ซากเรือพระประเทียบนั้นเอง 

ทั้งนี้ โศกนาฏกรรมดังกล่าวได้เกิดขึ้นหน้าวัดกู้ กลางลำน้ำเจ้าพระยา จ.นนทบุรี ชาวบ้านละแวกนั้นจึงร่วมใจตั้งศาลพระนางเรือล่มขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์ว่า ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่กู้พระศพของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ โดยชาวบ้านได้เรียกสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ ว่า "พระนางเรือล่ม" มานับแต่นั้นเป็นต้นมา

เรื่องเล่าดวงวิญญาณ พระนางเรือล่ม

ถึงแม้ว่าเหตุการณ์อันสุดเศร้าจะผ่านมานานมากแล้ว แต่ก็ยังมีผู้กล่าวขานถึงดวงวิญญาณของพระนางเรือล่มอยู่บ่อยครั้ง และมีเรื่องแปลก ๆ มาเล่าต่อ ๆ กันมาให้ได้ฟังเสมอ โดยคนในสมัยนั้นได้เล่าว่า หลายครั้งจะมีฝูงจระเข้ว่ายน้ำมาคำนับที่หน้าศาลอยู่เป็นประจำ ทั้งที่ปกติจระเข้มักว่ายอยู่ใต้น้ำ แต่เมื่อว่ายน้ำผ่านหน้าศาลทีไร จระเข้ทุกตัวเป็นต้องลอยตัวขึ้นเพื่อมาคำนับทุกครั้ง นอกจากนี้ ยังเคยเกิดเหตุการณ์แปลก ๆ ขึ้นกับคนต่างถิ่น ที่ไม่เคยรู้จักเรื่องราวของพระองค์ท่านมาก่อน โดยบางคนได้เดินทางมายังวัดกู้ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมา ซึ่งเขาบอกว่า ฝันเห็นผู้หญิงท่านหนึ่งบอกว่าให้เดินทางมาวัดกู้แล้วจะมีโชค พอมาถึงก็เป็นอันตกตะลึงเนื่องจากหญิงในฝัน กับผู้หญิงในรูปปั้นหน้าตาเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน 

อย่างไรก็ดี เรื่องอาถรรพ์ดังกล่าว ก็ยังมีคนบางคนที่ไม่เชื่อ และลบลู่ความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ซึ่งเมื่อคนดังกล่าวพูดจาดูหมิ่น ก็เกิดอาการแปลก ๆ จู่ ๆ ก็วิ่งไปท่าน้ำ และกระโดดน้ำตาย บางคนก็ไปสาบาน บอกว่าถ้าผิดจริงขอให้จมน้ำตาย ซึ่งก็ได้จมน้ำตายจริง ๆ 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : คลังปัญญาไทย 
ขอบคุณ : ทีมงานกระปุกดอทคอม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...