ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ประสบการณ์หลอนว่ายน้ำตอนกลางคืน ใครที่ชอบว่ายตอนค่ำควรอ่าน!!


สวัสดีพี่ๆเพื่อนๆ ร้อนใจอยากเล่ามากๆ55555 กระทู้นี้ก็จะมาเล่าประสบการณ์ประหลาดที่เพิ่งได้เจอะเจอมากับตัวสดๆร้อนๆเป็นครั้งแรก ถ้าเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ไม่สนุกหรือใช้สำนวนอะไรยังไงผิดก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ

ตามชื่อกระทู้เลยค่ะ เราเป็นคนที่ชอบว่ายน้ำตอนกลางคืนหรือไม่ก็ช่วงเวลาประมาณทุ่มสองทุ่มเนี่ยแหละค่ะ เพราะไม่มีแดดและก็คนน้อย ปกติก็จะว่ายที่สระในหมู่บ้านซึ่งก็คือส่วนกลางของหมู่บ้านอ่ะค่ะก็จะมีฟิตเนสอะไรแบบนี้อยู่ด้วย ขอเริ่มเรื่องเลยละกันนะคะ...วันนั้นเราก็ปั่นจักรยานจากบ้านไปถึงสระประมาณสองทุ่ม พอถึงที่หมายกำลังจะจอดจักรยานมองเข้าไปในสระก็เห็นเเขนคนผลุบๆโผล่ๆอยู่ในน้ำ เราก็อุ่นใจเอ้อวันนี้มีคนว่ายเป็นเพื่อน พอจอดจักรยานเสร็จเราก็เดินเลียบด้านยาวของสระเข้าไปที่โต๊ะเพื่อที่จะวางข้าวของพวกผ้าขนหนู ซึ่งเราขออธิบายลักษณะของส่วนกลางในหมู่บ้านนิดนึงนะ ก็คือถ้าเดินตรงเข้ามาในส่วนกลางเนี่ยซ้ายมือจะเป็นสระว่ายน้ำเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีด้านกว้างและด้านยาว มีสระเด็กน้อยอยู่ติดกับด้านกว้างด้านหนึ่ง 

ก็คือเดินเข้ามาก็จะเห็นสระเด็กก่อนแล้วก็จะเป็นสระผู้ใหญ่ทอดยาวไป ส่วนขวามือจะเป็นฟิตเนสค่ะ ประตูกับที่กั้นจะเป็นกระจกหมดเลย ส่วนสระน้ำสามด้านที่เหลือจะมีพวกต้นไม้สูงล้อมรอบเราก็ไม่รู้เค้าเรียกต้นอะไรแล้วก็จะมีบันไดลงสระอยู่สองจุดห่างกันระยะหนึ่งตามแนวด้านยาวฝั่งขวา โอเคก็ประมาณนี้ งงมั้ย ไม่งงแหละเนอะ5555555 ต่อ พอวางของเสร็จปุ๊ป อยู่ดีๆก็มีลมพัดมา เป็นลมแบบลมหนาวเลยอ่ะค่ะ เราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเห็นว่าเออช่วงนี้อากาศคงจะเริ่มร้อนตอนดึกลมมันก็เลยแรงอะไรแบบนี้แหละมั้ง (เกี่ยวหรอวะ) ก็ลงสระไป ว่ายไปว่ายกลับตามแนวด้านยาวฝั่งขวาไปเรื่อยๆ พี่ผู้ชายที่เค้ามาว่ายอยู่ก่อนเค้าก็ยึดแนวด้านซ้ายไป ต่างคนต่างว่าย ลมก็สลับพัดเอื่อยบ้างแรงบ้าง ต้นไม้สูงๆรอบสระก็โบกไปโบกมาตามแรงลม บรรยากาศคือหนังผีมากแต่จุดประสงค์เราคือมาออกกำลังกาย ตอนนั้นใจมันเลยไม่ได้คิดถึงเรื่องอะไรแบบนี้

อ่อๆลืมบอกไปอย่างนึงค่ะ คือกางเกงที่เราใส่ไปว่ายน้ำวันนั้นเป็นกางเกงขาสั้นกีฬาธรรมดาๆเพราะหากางเกงว่ายน้ำไม่เจอ ด้วยความที่เคยใส่กางเกงตัวนี้ออกไปซื้อของเผอิญดันมันมีแบงค์ร้อยแบงค์ยี่สิบอยู่เต็มกระเป๋าเลยแล้วดันลืมเอาออก พอลงน้ำปุ๊ปแบงค์ลอยขึ้นมาเพียบ555555 เราก็ไล่เก็บๆๆนึกโทษตัวเองที่สะเพร่าลืมเอาออก พอเก็บครบก็จะเอาขึ้นไปไว้บนโต๊ะที่วางผ้าขนหนูไว้ตอนแรก ด้วยความขี้เกียจขึ้นบันไดก็เลยยันตัวเองขึ้นจากขอบสระ จังหวะที่ยันตัวเองขึ้นจากน้ำก็เผลอก้มลงไปมองตรงตะแกรงที่มันจะอยู่รอบขอบสระอ่ะค่ะ เพียงแค่เสี้ยววิตอนนั้นมันเหมือนเห็นลูกกะตาใครไม่รู้มองจ้องแบบน่ากลัวมากๆย้อนขึ้นมาจากข้างในตะแกรง…. 

แต่ด้วยความที่มันไวมากเพราะเราแค่ชันตัวเองขึ้นมาจากสระ ภาพที่เห็นมันก็เลยติดอยู่ในหัวแบบเบลอๆไม่รู้ว่าของจริงหรือตาฝาด ลมก็พัดแรงขึ้นๆ จนเริ่มหนาวก็เลยรีบวางแบงค์เอาผ้าขนหนูทับแล้วกลับลงสระทันที พยายามไม่คิดอะไร พอว่ายไปได้สักพักเราก็เริ่มเหนื่อยเลยมาพิงขอบสระด้านกว้าง พี่ผู้ชายเค้าก็ยังว่ายไปว่ายมามีพักบ้างสลับกันไป ส่วนเราพอเริ่มหายเหนื่อยก็ว่ายต่อ….ว่ายไปว่ายว่ายกลับอยู่สามสีเที่ยวซึ่งมันจะต้องผ่านบันไดลงสระสองอันนั้น ตอนแรกก็ว่ายผ่านไปเฉยๆไม่มีอะไร จนอยู่ดีๆเริ่มรู้สึกว่าน้ำรอบๆตัวมันเย็นขึ้น เย็นจนผิดสังเกตุอ่ะค่ะ แล้วเป็นจังหวะเดียวกับที่ว่ายผ่านบันไดอันแรกพอดี ตอนนั้นเองสายตามันก็ดันเหลือบไปเห็นเท้าใครก็ไม่รู้ห้อยลงมาในสระ…. 

ตอนนั้นคือด้วยความที่เราว่ายน้ำอยู่สมาธิอะไรมันก็โฟกัสไปแต่ที่การตีขาการเหวี่ยงแขนอะไรของเราไปเรื่อย แล้วมันแค่ช่วงวินาทีเดียว เราก็เอ๊ะ!ในใจขึ้นมาว่าเหมือนเห็นอะไรแปลกๆนะ แค่นั้นแต่แขนขายังคงว่ายต่อไป จนกำลังจะผ่านบันไดอันที่สอง เท่านั้นแหละค่ะ อันนี้คือชัดมาก เพราะเราเห็นก่อน ระยะการมองคือข้างหน้าเลยไม่ใช่หางตาแล้ว เห็นเป็นขาคนเลยค่ะขาวๆ…ซีดๆ…มีเนื้อยุ่ยๆเปื่อยๆด้วย คือนึกภาพการเปื่อยการเน่าในน้ำออกมั้ยคะ คือแบบนั้นเลยเว้ยยยยย!! ตอนนั้นก็ตกใจแบบสะดุ้งขึ้นมาจากน้ำเลยค่ะ ตอนนั้นตกใจจริงๆคือน้ำในสระมันก็ไม่ได้ใสมากไฟในน้ำก็ไม่สว่างไอเราก็ว่ายแบบมัวๆของเรามาอยู่ดีๆแล้วก็ผ่างงง!!เจอขางี้อ่ะ แล้วพี่ผู้ชายที่ตอนแรกว่ายอยู่อีกด้านนึงเหมือนเค้ากำลังจะเตรียมตัวขึ้นพอดี เค้าก็เลยมาอยู่ตรงบันไดอันแรกที่เราเพิ่งว่ายผ่านมา เค้าก็คงตกใจเห็นเราพรวดพราดขึ้นมาจากน้ำ เค้าก็เลยถามว่าน้องเป็นไรรึป่าว เราที่ยังอยู่ในอาการตกใจก็ส่ายหัวพูดติดๆขัดๆ สำลักน้ำด้วยตอนนั้น บอกเค้าไปว่าไม่เป็นไร

พี่เค้าก็บอกดึกแล้วนะไม่กลับบ้านหรอ เราที่ตอนแรกจะว่ายต่ออีกหน่อยเพราะเพิ่งมาก็ตัดสินใจกลับเลยดีกว่า บรรยากาศมันไม่น่าอยู่แล้วอ่ะ ใจไม่ดีมากๆตอนนั้น คือเราไม่ได้กลัวแต่เราไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย มันเป็นอะไรที่อธิบายไม่ได้มีอยู่จริงหรือคิดไปเองก็ไม่รู้ รู้แค่เออเราเห็นแบบนี้ๆมา มันคืออะไร? ก็ตัดสินใจขึ้นจากสระพร้อมพี่เค้าเลยค่ะ พี่ผู้ชายที่ขึ้นไปก่อนเค้าล้างตัวอะไรเสร็จเค้าก็เดินกลับออกไป เหลือเราคนเดียว….พอล้างตัวที่ฝักบัวเสร็จแล้วก็เดินกลับมาจะเอาของที่โต๊ะ หยิบโทรสับหยิบผ้าขนหนูเสร็จก็กำลังหมุนตัวจะเดินออก ลมก็พัดวูบบมาหอบใหญ่ ตอนนั้นรู้สึกอึดอัดมากๆ ทั้งที่อยู่คนเดียว แต่เหมือนมีสายตาใครก็ไม่รู้มองมาที่เราตลอด เหมือนมองมาจากรอบทิศเลยอ่ะค่ะ ขาก็รีบเดินจ้ำๆออกไป พอถึงจักรยานกำลังจะเหวี่ยงขาค่อมลมก็พัดมาอีกหอบนึงพร้อมเสียงหวิวๆของใบไม้ แต่ด้วยความที่มันเงียบมากเราเลยได้ยินเสียงๆนึงลอยมาตามลม เป็นเสียงที่ถ้าฟังผ่านๆก็คล้ายๆกับเสียงลมนั่นแหละค่ะแต่ถ้าฟังดีๆมันคล้ายๆเสียงคนคุยกัน เป็นเสียงแบบซุบซิบๆๆของคนเยอะๆอ่ะค่ะ โทนต่ำๆ ลอยมาตามลม 

พอลมแรงขึ้นเสียงก็ยิ่งชัดขึ้น…ดังขึ้นเข้าไปใหญ่ เรานี่รีบขึ้นจักรยานแล้วปั่นออกไปในทันที ความรู้สึกที่เหมือนมีคนจ้องก็ไล่หลังมาตลอด มันอึดอัดมากๆ ไม่ชอบเลย เราก็ปั่นจักรยานเลี้ยวเข้าซอย ถึงบ้านโดยปลอดภัย เข้าบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า กดโทรสับดูเป็นเวลาประมาณสามทุ่มนิดๆ พอสบายตัวเราก็พยายามไม่นึกถึงเรื่องที่เจอมา ก็นอนเล่นโทรสับไปเรื่อยๆ สักพักดันนึกขึ้นได้ เห้ย!!เราลืมเงินที่วางไว้ที่โต๊ะนี่หว่า ตอนหยิบมาก็หยิบแต่ผ้าขนหนูลืมไปว่ามีแบงค์ร้อยแบงยี่สิบอยู่ด้านล่างด้วย รวมๆกันแล้วน่าจะสักสามร้อยกว่าบาทได้ ด้วยความขี้งกและเกรงว่าถ้าไปพรุ่งนี้เช้า เงินเราไม่น่าจะอยู่แล้ว ก็ชั่งใจว่าจะไปดีหรือไม่ไปดี ไปก็แอบกลัวอยู่พอสมควรเพราะเมื่อกี้เจออะไรมาก็ไม่รู้ แต่เสียดายเงินไงตอนนั้น คิดว่าเดี๋ยวรีบวิ่งเข้าไปหยิบเงินที่วางไว้ที่โต๊ะแล้ววิ่งกลับออกมาเลยก็ไม่น่าจะเป็นไร ก็เลยตัดสินใจกลับไปที่สระอีกครั้ง

หลังจากที่เราตัดสินใจออกไปที่สระอีกครั้ง(ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิด) ก็ปั่นจักรยานออกมาเช่นเคย อันที่จริงจากบ้านของเราไปสระมันก็ไม่ได้ไกลนักแต่เราขี้เกียจเดินแค่นั้นเอง5555 เลี้ยวออกมาจากซอยบ้านปุ๊ป พอพ้นหัวมุมถนนมองตรงไปก็เห็นสระน้ำอยู่ไม่ไกล พอปั่นใกล้เข้าไปเรื่อยๆลมก็พัดมาอีกครั้ง ก็ไม่รู้คิดไปเองรึป่าว แต่ตอนปั่นมาจากบ้านเนี่ยลมนิ่งมากกกก ทำไมต้องมาพัดแรงตอนถึงสระพอดีนี่ก็ไม่เข้าใจ แล้วหมู่บ้านเราก็แปลก คือไฟน้อยมากกพอมืดก็มืดเลย เสาไฟข้างทางก็ตั้งห่างกันเป็นโยดดด ทำให้กลายเป็นว่ามีแสงสว่างเป็นหย่อมๆตามทางเหมือนในหนังเรื่องLights Out พอนึกออกมั้ยคะ แบบนั้นเลย แล้วปกติใต้เสาไฟที่ตรงข้ามกับส่วนกลางหมู่บ้านจะมีโต๊ะให้พี่ยามนั่งไว้ตรวจตราความเรียบร้อย ตอนก่อนออกจากบ้านเราคิดในใจว่า เออเดี๋ยวพอถึงสระให้พี่ยามเปิดไฟฉายเข้าไปช่วยหยิบเงินเป็นเพื่อน 

แต่พอถึงปุ๊ป….อ่าวไหนยาม เหลือแต่เก้าอี้ว่างๆ นี่ยืนชั่งใจอยู่อีกรอบว่าจะเข้าไปเอาดีมั้ยกลัวก็กลัวแต่ก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดก็จอดจักรยานเปิดไฟฉายจากโทรสับในมือแล้วก็เดินเข้าไปในส่วนสระว่ายน้ำ….ตอนนั้นลมนิ่งมากแต่มีเสียงใบไม้ต้นไม้พัดหวิวๆตลอด เราก็ทำใจนิ่งๆ ไฟในสระน้ำปิดหมดแล้วนะคะในน้ำนี่มืดมากๆ เราก็เดินเข้าไปเรื่อยๆจนถึงโต๊ะตัวที่วางของไว้ตอนแรก เอาไฟฉายส่องหาแบงค์ที่ลืมไว้จนเจอว่ามันปลิวหล่นอยู่ใต้โต๊ะ เราก็เก็บๆๆจนเหลือใบสุดท้าย กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบ….อยู่ดีๆความรู้สึกอึดอัด รู้สึกเหมือนมีคนจ้องจากรอบทิศก็กลับมา มือที่กำลังจะเอื้อมก็หยุดชะงักเลยค่ะ เราก็ไม่รู้ว่าปกติอาการคนเจอผีเค้าเป็นยังไงกัน อาจจะขนลุก อาจจะขาแข็งก้าวไม่ออก แต่ของเราคือรู้สึกเหมือนจะร้องไห้อ่ะค่ะ ขอบตานี่ร้อนผ่าวๆ จะอธิบายยังไงดี คือเราเป็นคนที่ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแบบนี้เลยค่ะ คือไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่รู้สึกว่ามันควรจะมีคำอธิบายสิ ภูตผี ดวงวิญญาณ สิ่งลี้ลับ มาจากคนที่ตายแล้วจริงๆน่ะหรอ แล้วด้วยความที่มันไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้ มันทำให้เรารู้สึกแบบไม่ชอบ ไม่อยากเจอ มันคืออะไรเนี่ย

ต่อนะคะ พอเราตั้งสติได้ก็เอื้อมไปหยิบแบงค์ใบสุดท้ายอย่างไวที่สุด ก็ลุกขึ้นยืน…จังหวะที่ลุกขึ้นยืนอ่ะค่ะ หางตาบวกความรู้สึกมันเหมือนเห็นเป็นคนนั่งอยู่ตามกิ้งก้านของต้นไม้ในลักษณะต่างๆ ไอเราก็ไม่กล้าจะเงยขึ้นไปมองที่ต้นไม้รอบๆตัวตรงๆ มันเลยเป็นภาพที่เราเห็นแบบหางตาเห็นเป็นวิวกว้างๆ ว่าต้นไม้แต่ละต้นมีเงาคนเกาะอยู่ บางต้นก็เป็นคนนั่งห้อยขาลงมาจากกิ้งก้าน บางต้นเป็นคนใช้ขาเกี่ยวกับก้านต้นไม้แล้วห้อยตัวลงมา…..จากที่รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ ตอนนั้นน้ำตาไหลเลยค่ะ ไม่รู้มันไหลด้วยความกลัวหรืออะไร เราก็รีบหมุนตัวจะเดินออก พอหันตัวกลับไปเท่านั้นแหละ ก็เห็นเป็นรอยเท้าเปียกน้ำของใครไม่รู้อยู่ที่พื้น ลักษณะการเดินคือเดินเข้ามาหาเราแบบเป๋ไปเป๋มาอ่ะค่ะ ไม่ได้เดินตรงๆ แล้วรอยเท้าที่ว่าแต่ละรอยก็ห่างกันประมาณเมตรกว่าๆ ซึ่งไม่น่าจะใช่การก้าวขาที่คนปกติเข้าทำกัน แล้วถ้าเป็นรอยเก่าตอนเรามาว่าย ทำไมส่วนอื่นๆแห้งหมดแล้ว เหลือไอรอยนี่รอยเดียวเป็นทางยาวมา

เลย….โอโห…ความรู้สึกตอนนั้น….มันอธิบายไม่ได้จริงๆนะ มันแบบ…โอ้ยยยย อะไรวะเนี่ยย เราก็ทำใจนิ่งๆเดินสวนไอรอยนั่นออกไป แล้วอย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่าตรงข้ามสะว่ายน้ำคือฟิตเนสที่เป็นกระจกรอบด้าน จังหวะที่เรากำลังเดินออกก็มองตรงไปข้างหน้า ภาพที่มันสะท้อนจากกระจกฟิตเนสมาให้เราเห็น คือร่างของผู้ชายคนนึง ผู้ชายคนที่ใส่ชุดว่ายน้ำเหมือนตอนที่เรามาว่ายเมื่อหัวค่ำ ยืนอยู่ตรงจุดที่เราเพิ่งเดินออกมา แล้วทำไมเราไม่เห็นเค้าตอนแรก? ขาที่เดินจ้ำๆอยู่หยุดเองอัตโนมัติเลยค่ะ น้ำตานี่ไหลหยดแหมะๆ ตาก็จ้องไปที่กระจกทั้งๆที่อยากจะออกไปจากตรงนี้ใจจะขาด…. “ดึกแล้วนะ ไม่กลับบ้านหรอ” นั่นคือเสียงที่ได้ยินมาจากข้างหลัง ลมพัดเอื่อยๆแต่แรงพอทำให้รู้สึกหนาวได้ พยายามตั้งสติแล้วก้าวขาต่อ วิ่งก็วิ่งไม่ออกได้แต่สับๆๆขาเดิน พอพ้นเขตสระว่ายน้ำมาลมก็พัดแรงขึ้น มันจะมาเป็นระลอกๆอ่ะค่ะ ไม่ใช่พัดตลอด พัดวูบนึงก็ได้ยินเสียงเดิม เสียงคนคุยกันเยอะๆโทนต่ำๆ 

ตอนนั้นคือรู้สึกแบบ ไม่ชอบๆๆๆๆไม่ชอบๆ อยากออกไปจากตรงนี้แล้ว ในใจก็คิดไปด้วยว่ามันไม่มีจริง มันไม่มีจริง คิดไปเอง คิดไปเอง ขาก็ก้าวจ้ำๆ มือกำโทรสับกับแบงค์ไว้แน่น จนเดินผ่านโต๊ะยามใต้เสาไฟ ไม่รู้พี่แกกลับมาตั้งแต่ตอนไหน แกตะโกนเรียก น้องๆลืมจักรยาน!! เราก็หยุดเดิน แต่จากเหตุการณ์ที่เจอมา อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ นี่พี่ยามจริงรึป่าว? สงสัยเค้านึกว่าเราไม่ได้ยินเห็นเราเดินจ้ำๆหนีไม่ยอมหันหลังไปตอบ เค้าก็เลยวิ่งมาแตะไหล่ เราก็สะดุ้งหันกลับไปมอง แต่ถอยหลังมาก้าวนึง เค้าก็พูดอีกรอบว่าน้องลืมจักรยาน พอมั่นใจว่าคนแน่ๆก็เลย ขอพี่เค้าว่าให้ช่วยไปจูงมาให้หน่อยไม่กล้าเดินกลับไปแล้ว เค้าก็วิ่งไปกลับไปจูงมาให้ พอจูงมาให้เราเค้าก็ถามเรา

“บ้านอยู่ซอยแรกนี้ใช่มั้ย เดี๋ยวพี่เดินไปส่งละกัน” เค้าคงเห็นเราปั่นออกมาบ่อยๆ เลยรู้ว่าอยู่ซอยไหน
เราก็จูงจักรยานไปคุยกับพี่แกไป แกก็ถามต่อว่า
“แล้วเมื่อกี้เดินมาจากไหนทำไมพี่ไม่เห็น”
“พอดีลืมของไว้ที่สระน้ำค่ะ เลยเข้าไปหยิบมา” พอได้ยินคำตอบพี่แกก็ตกใจมาก ทำตาโตมองมาที่เรา
“เห้ย เมื่อกี้อ่ะนะ! เข้าไปที่สระมาหรอ”
เราก็พยักหน้าตอบหงึกๆ
“วันหลังอย่าเข้าไป…มันเคยมี…” พี่แกหยุดพูดทันทีเหมือนเพิ่งนึกได้ว่าไม่ควรพูดให้เราฟัง
“ไม่เป็นไรพี่…เจอมาแล้ว…” เราก้มหน้าตอบแบบหมดอาลัยตายอยากกับสิ่งที่เพิ่งเจอ
“ถึงว่า! พี่ไม่เห็นเราเข้าไปในสระ พี่ขอเล่าเลยละกัน อย่าหาว่าพี่ทำให้เรากลัวนะ แต่รู้ไว้จะได้ระวังตัว”

เราก็หยักหน้าตอบไปอีกที ตอนนั้นแรงจะพูดยังไม่มีเลยค่ะ แล้วพี่แกก็เล่าให้เราฟัง จำที่พี่แกพูดได้คร่าวๆประมาณว่า หมู่บ้านเราเนี่ยเค้าสร้างกันมานานแล้ว แถบโซนทาวน์เฮาส์มีมาประมาณหกเจ็ดปี ส่วนโซนบ้านเดี่ยวของเราเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้วนี้เอง ส่วนส่วนกลางหมู่บ้านแต่ก่อนก็มีแค่สระว่ายน้ำไม่มีฟิตเนส ตอนเค้าขุดสร้างสระครั้งแรกพี่ยามคนนี้ก็ยังไม่ได้เข้ามาทำงาน แต่ลุงยามที่อยู่มาก่อนเล่าว่าตอนสร้างพวกฝ่ายนิติบุคคลของหมู่บ้านเค้าไม่ค่อยมาดูแลความเรียบร้อย พวกคนงานก็ทำงานกันเละเทะ ตั้งวงกินเหล้ากันบ้างอะไรแบบนี้ คงมีอยู่วันนึงที่พวกคนงานเกิดทะเลาะกันขึ้นมาด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์หรืออะไรก็ไม่ทราบ ถึงขั้นลงไม้ลงมือจนมีคนตกลงไปในสระหัวกระแทกพื้นสระ แล้วไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล พี่ยามแกก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดส่วนนั้น แต่แกบอกว่าหลังจากที่แกเข้ามาทำงาน ก็มีเหตุการณ์เยอะอยู่เหมือนกัน ครั้งนึงมีผู้ชายคนนึงเค้าเป็นพนักงานบริษัทใกล้ๆแถวนี้แหละ เป็นคนอัธยาศัยดี ออกไปทำงานก็ทักทายพวกพี่ยามในป้อมตลอด 

พี่ผู้ชายคนนี้เนี่ยแกมีรูปร่างคนข้างท้วม แล้วคงอยากจะออกกำลังกายลดน้ำหนัก ก็เลยมาว่ายน้ำทุกวันตอนเย็นๆค่ำๆตลอด และด้วยความที่แกว่ายค่ำเนี่ยแหละ แกก็จะขึ้นจากสระมาณสามสี่ทุ่ม พวกคนดูแลสระหรือพี่ยามก็จะออกเวรกันหมดแล้ว แล้ววันนึงเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นรุ่งเช้ามีคนพบศพพี่ผู้ชายคนนี้อยู่ในสระ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คาดว่าน่าจะเป็นอุบัติเหตุ หลังจากนั้นใครที่ชอบมาว่ายน้ำตอนกลางคืนก็เจอกันถ้วนหน้า แต่ไม่เคยมีใครได้รับอันตรายนะ แล้วพี่แกก็เล่าต่อว่า มีอยู่ครั้งนึงที่ทางหมู่บ้านนิมนต์พระมาที่สระน้ำหลังจากที่พี่ผู้ชายแกเสียแล้วมีคนเจออยู่บ่อยๆ พระท่านพูดมาประโยคนึงว่า ‘ไม่ดี…ที่ตรงนี้ไม่ดีเลย…ไม่ควรทำเป็นที่ที่ให้คนมาใช้…สัมภเวสีเต็มไปหมด…’ จากนั้นคนที่อยู่โซนทาวน์เฮาส์ที่เค้ารู้เรื่องกันมาก่อนก็จะไม่ค่อยมากัน ถ้ามาว่ายก็ว่ายตอนฟ้าสว่าง

นี่ก็คือสิ่งที่เราได้รับฟังจากพี่ยาม พอถึงบ้านเราก็ขอบคุณพี่เค้าที่เดินมาส่ง เราเข้าบ้านล้างหน้าล้างตา คืนนั้นก็นอนไม่หลับเลย ภาพทุกอย่างยังติดอยู่ในหัว เพราะนี่คือครั้งแรกเลยที่เจอครบสูตร เจอจังๆ ไม่ใช่แค่เงาแค่เสียง ก็เลยอยากมาเล่าแอบตื่นเต้นเล็กน้อยที่ได้เจอได้มีประสบการณ์เหมือนคนอื่นเค้าสักครั้ง ปกติไม่ใช่คนมีเซ้นหรืออะไรแบบนี้เลย แต่คนรอบตัวเราเนี่ยเจอบ่อย เพื่อนหลายคนเวลาไปเที่ยวก็บอกว่า ไม่อยากจะชวนเราไปเลยจริงๆ ชวนไปทีไรเจอทุกที55555 มีเรื่องเล่าของคนอื่นเยอะพอสมควร วันไหนว่างๆก็จะมาแบ่งปันประสบการณ์ให้เพื่อนๆอีกนะคะ555555

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...