ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ปิดตำนาน เจ้าพ่อตะวันออก !!! อาถรรพ์ "แร่พลวง"


ปิดตำนาน เจ้าพ่อตะวันออก !!! อาถรรพ์ "แร่พลวง" จุดเริ่มต้น แห่งเมืองอิทธิพล !!! การเดินทาง บนถนนสายเลือด และผลประโยชน์ !!!

หากย้อนอดีตราวปี 2510 เป็นต้นมาได้มีการเปรียบเทียบว่า "ชลบุรี" ว่าเป็น "เมืองอิทธิพลแดนเถื่อน" การฆ่ากันด้วยอาวุธสงครามถือเป็นเรื่องธรรมดาเนื่องจากหาซื้อได้ง่ายยิ่งกว่าไปซื้อขนมตามร้านค้าเนื่องจากสภาพของ จ.ชลบุรี ติดต่อมีอาณาเขตกับแนวชายแดนทางด้านทิศตะวันออก อาวุธสงครามนานาชนิดทะลักเข้ามาด้วยราคาถูกแสนถูกอาทิ อาก้า เอ็ม 16 ระเบิดมือ รวมทั้งหมดสนนราคาเพียง 2,000-2,500 บาทก็ได้ปืนเอ็ม 16 แล้วหรืออาก้ามาครอบครองในย่านห่างไกลความเจริญตามป่าเขาลำเนาไพรโดยเฉพาะ "หลงจู๊" ไร่อ้อยไร่มันสำปะหลังแทบจะมีทุกหลักคาเรือน

การครองตัวเพื่อความอยู่รอดของเหล่าหลงจู๊เหล่านั้นจะต้องสร้างอิทธิพลด้วยการเลี้ยงลูกน้องไว้คอยดูแลเก็บเกี่ยวผลประโยชน์รวมทั้งคุ้มครองป้องกันตนเองหรือเรียกง่ายๆว่า "มือปืน" เนื่องจากผลประโยชน์อาจจะกระทบกระทั่งจากฝ่ายตรงข้ามได้ง่ายและหากขยายผลออกไปก็จะกลายเป็นความขัดแย้งการที่จะอยู่รอดในยุทธจักรผู้มีอิทธิพลได้จะต้องหูตากว้างไกลประสานมิตรมากกว่าศัตรูการครองตัวต้องระมัดระวังตลอดเวลาหากพลาดเพียงก้าวเดียวชีวิตอาจสู่ยมโลกง่ายดายได้

หากพลิกตำนานของต้นตระกูลโหดจะพบว่าส่วนใหญ่จะเกิดจากอาถรรพ์ "แร่พลวง" การฆ่ากันตายคล้ายดังผักปลาเกิดจากการแย่งชิงผลประโยชน์ในพื้นที่ต. บ่อทองกันอย่างมากหากไม่พอใจก็ใช้อาวุธปืนยิงกันให้ดับดิ้นแล้วถีบลงหลุมแร่ทำการฝังกลบ จนกลายเป็น ตำนานเลือด ที่เล่าขานกันอื้ออึง
"เหมืองแร่พลวง" ที่บ่อทองสมัยนั้นยังขึ้นอยู่กับ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ถูกค้นพบเมื่อประมาณปี 2503-2504 ขณะที่นายประโยชน์ เนื่องจำนงค์ สส.ชลบุรียุคนั้น เข้าไปทำไม้บริเวณดังกล่าว และพบแหล่งแร่พลวงมูลค่ามหาศาล เมื่อข่าวแพร่ออกไป ประชาชนแห่มาขุดแร่กันเป็นจำนวนมาก จนมีบริษัทเอกชน เข้ามาขอรับทำสัมปทานจากกรมทรัพยากรธรณีถึง 28 บริษัท แต่ชาวบ้านไม่ยอมและรวมตัวกันก่อตั้ง บริษัทสหบ่อทองพัฒนาขึ้น เพื่อรับซื้อแร่จากชาวบ้านและนำออกจำหน่าย โดยมีคณะกรรมการบริหารของบริษัทที่ถูกตั้งขึ้นมาควบคุมดูแลกิจการ

ต่อมาคณะกรรมการบริษัท เกิดขัดแย้งกันอย่างรุนแรง โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งกลุ่มแรกนำโดย นายสุชาติ สุขพันธ์ถาวร หรือ "ผู้ใหญ่ย้ง" อีกกลุ่มหนึ่ง นำโดย นายเฉลิมชัย เจริญสุข หรือ "ผู้ใหญ่เอี๊ยก" เมื่อความขัดแย้งรุนแรงเข้มข้น "เสี่ยจิว" หรือ นายจุมพล สุขภารังสี ผู้ยิ่งใหญ่แห่งภาคตะวันออก จากเด็กถือกระเป๋าจนสร้างบารมีขึ้นมา จนชาวชลบุรียกให้เป็น "เจ้าพ่อหมายเลข 1" ที่จ้องรอโอกาส สอดตัวเข้ามาหาผลประโยชน์จากแหล่งแร่ทันที โดยร่วมมือตักตวงจากแร่พลวงมหาศาล ซึ่งร่วมมือกับ ผู้ใหญ่ย้ง 

ความแตกหักก็มาถึง เมื่อนายเชาว์ บุญรอด กรรมการบริษัทสหบ่อทองพัฒนา น้องเมียผู้ใหญ่เอี๊ยก ถูกยิงเสียชีวิตหน้าบริษัท ตามมาด้วยการสังหารโหด นายประสิทธิ์ กาญจนบัตร กรรมการบริษัทคนสนิทผู้ใหญ่เอี๊ยกอีกราย หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ใหญ่ย้ง ถูกมือปืนบุกยิงได้รับบาดเจ็บ และเชื่อว่าเป็นปมขัดแย้งในการแย่งรับซื้อแร่ ประจวบกับช่วงนัน "ผู้ใหญ่เอี๊ยก" กับ "ผู้ใหญ่ย้ง" ปีนเกลียวทับเงาซึ่งกันและกัน ในเรื่องจะลงสมัครรับเลือกตั้งกำนันตำบลบ่อทอง

จากนั้น "ผู้ใหญ่เอี๊ยก" ถูกกราดยิงด้วย อาวุธปืนเอ็ม-16 จนกลายเป็นอัมพาต หนึ่งในมือปืนที่ลอบสังหารคือ นายวินัย สุขแสวง มือปืนประจำตัว นายปาน สุขภารังสี ลูกชายคนเล็กของ "เสี่ยจิว" ชื่อของ เสี่ยจิว จึงเข้ามาเกี่ยวพันกับความขัดแย้ง ในฐานะ คนบงการ ทันที

ธุรกิจการขนถ่ายแร่พลวงไปต่างประเทศของ "เสี่ยจิว" ถือว่ากำลังรุ่งโรจน์ ทำกำไรอย่างงาม เพราะ นำไปขายยังประเทศสิงคโปร์ คนมีสีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเสี่ยจิว และผู้ใหญ่ย้ง เห็นผลประโยชน์มหาศาลจึงเกิดความไม่พอใจ จึงขอเข้ามามีเอี่ยว แต่เสี่ยจิวปฏิเสธ กลิ่นอายสงครามจึงเริ่มคุกรุ่นรุนแรงขึ้น

"เสี่ยจิว" เริ่มรู้ถึงชะตากรรมของตนเองว่าจะถูกเก็บในไม่ช้า เริ่มสะสมมือปืนและระวังตัวมากขึ้น แต่เช้าตรุ่วันที่ 25 มิถุนายน 2524 "เสี่ยจิว" เจ้าพ่อตะวันออก ก็เหลือเพียงชื่อและตำนาน เมื่อถูกกลุ่มมือปืนใช้อาวุธสงครามนานาชนิดถล่ม เสียชีวิตในรถเบ็นซ์สีเขียว 280 เอสหมายเลขทะเบียน 8888 ขณะกลับจากดูที่ดินบริเวณถนนบายพาสต. หนองไม้แดงอ. เมืองชลบุรีเพื่อสร้างศูนย์ประชุมขนาดใหญ่เพื่อรองรับนักการเมืองทั่วประเทศพร้อมกับนายเฉลิมฉันทภักดีคนขับนายสมศักดิ์มิตรเกตุคนสนิทที่ถนนสายบายพาสขณะจะเดินทางกลับบ้านพักโดยตำรวจมุ่งประเด็นการค้าแร่พลวงและการขัดแย้งการค้าหมูเถื่อนในอ. ซึ่งเมืองชลบุรีก่อนหน้านี้ได้มีการการแย้งกันอย่างรุนแรงทำให้เจ้าของเขียงหมูรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องถูกยิงกันแทบไม่เว้นสัปดาห์ จุดที่เสี่ยจิวถูกยิงตายนั้นเป็นถนนที่เปลี่ยวและเข้าออกได้ทางเดียว สองข้างทางอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอ้อย ถนนเส้นนี้พวกมือปืนและทหารป่าไม่ใช้เดินทาง เพราะเปลี่ยวและเข้าออกได้ทางเดียว จึงไม่เหมาะต่อการเคลื่อนไหวไปมา ถนนเส้นนี้เป็นจุดเคลื่อนไหวจรยุทธของเขตงาน 404 ในสมัยนั้น โดยมือปืนตามซุ้มต่างๆลือกันว่า คนมีสีที่สังหารเสี่ยจิวไม่ใช่สีกากี แต่เป็นสีเขียวขี้ม้า ถือเป็นการปิดตำนานเจ้าพ่อตะวันออกที่ทรงอิทธิพลที่สุดในสมัยนั้น

และเมื่อ "เสี่ยจิว" ถูกลบไปจากบัญชีเจ้าพ่อ ชื่อของ "นายสมชาย คุณปลื้ม" หรือ "กำนันเป๊าะ" ก็ฉายประกายโดดเด่น จนถูกยกให้เป็นเจ้าพ่อภาคตะวันออกคนใหม่ พร้อมผลักดัน นายสุชาติ สุขพันธ์ถาวร ก้าวชึ้นสู่ตำแหน่ง "กำนันตำบลบ่อทอง" อย่างเต็มตัว เพื่อควบคุมพื้นที่บ่อทอง ทำธุรกิจเหมืองแร่พลวง จนเรื่องราวเงียบสงบลง แต่เหตุการณ์นองเลือดยังไม่หยุด เมื่อนาย "พิพัฒน์ โรจน์วานิชชากร" หรือ "เสี่ยฮวด" คนดังบ้านบึง พยายามก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในดินแดนตะวันออก เพื่อมาแบ่งปันผลประโยชน์ แต่ไม่ทันไร เสี่ยฮวดกลับถูกคนร้ายถล่มด้วยอาก้าและเอ็ม-16 ร่างพรุนตายบนถนนสายเศรษฐกิจ บ้านบึง-ชลบุรี เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2532

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบปลอกกระสุนปืนอาก้าและปืนเอ็ม 16 จำนวนกว่า 50 นัดตกในที่เกิดเหตุ สร้างความตกตะลึงให้กับวงการนักเลงเนื่องจากเสี่ยฮวดได้พยายามไต่เต้าขึ้นมาดำรงตำแหน่งเจ้าพ่อภาคตะวันออกในขณะเกิดช่องว่างขาดผู้นำทางวงการนักเลง จากการสืบสาวราวเรื่องปรากกว่า "นายปรีชา สถาวร" หรือ "แดง สิงห์ป่าซุง" เป็นผู้ลงมือสังหารโหด แต่ด้วยพยานหลักฐานอ่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้ประกันตัวออกไป การประกันตัวครั้งนี้ ทำให้ "แดง สิงห์ป่าซุง" ต้องกลายเป็นศพ เมื่อ 1 พฤษภาคม 2533 

ต่อมาเป็นคิวของ "นายสุชัย ธนาวรรณ" หรือ "ชัยขาว" นายกเทศมนตรีอำเภอบ้านบึง จ.ชลบุรี นายสุชัยธนาวรรณได้ขับรถเก๋งฮอนด้าพรีลูดสีบรอนซ์ตะกั่วทะเบียนป้ายแดง ก-9898 กทม. ขณะติดไฟแดงถนนสายเศรษฐกิจหมู่ที่ 6 ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี กลุ่มคนร้ายได้ใช้รถกระบะสีเทาดำโดยมือสังหารได้นั่งอยู่กระบะหลังรถ ได้ใช้อาวุธสงครามนานาชนิดถล่ม จนศีรษะหายไปแถบหนึ่งเสียชีวิตคารถเก๋งคันดังกล่าวถูกสั่งปิดบัญชีเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2535

หลังจากนั้น เหตุการณ์สงบเงียบเมื่อ "กำนันเป๊าะ"ขึ้นครองบัลลังก์อย่างองอาจ แผ่นดินตะวันออกดูเหมือนจะหมดเสี้ยนหนาม แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อ มือขวาของ "กำนันเป๊าะ" "นายกำพล คุปตวานิชเจริญ" หรือ "เสี่ยเก๊า" คนดังพัทยา ถูกคนร้ายใช้อาวุทันสมัยกระหน่ำยิงจนเสียชีวิตในร้านกาแฟเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2536 จากนั้น "กำนันเป๊าะ" ได้สูญเสียคนสนิทไปคนแล้วคนเล่า กระทั่งถึงคิว "กำนันย้ง" กล่าวกันว่าที่ใดมีผลประโยชน์ ที่นั่นย่อมมีความขัดแย้ง ที่ใดมีความขัดแย้ง ที่นั่นย่อมไร้สามัคคี ที่ใดไร้สามัคคี ความพินาศย่อยยับ ก็ตามมาในที่สุด "กำนันเป๊าะ" หรือ "สมชาย คุณปลื้ม" ครองตำแหน่งอย่างยาวนาน แต่แล้วก็มีเหตุให้เจ้าพ่อแห่งตะวันออกต้องจบลง เนื่องจากศาลตัดสินว่า กำนันเป๊าะ มีเอี่ยวกับความผิด 2 คดี คือ คดีทุจริตซื้อที่ดินเขาไม้แก้ว และ คดีจ้างวานฆ่านายประยูร สิทธิโชติ ขาใหญ่ตะวันออกที่มีเรื่องขัดแย้งกับ กำนันเป๊าะ มานาน 

หลังจากที่ศาลตัดสิน กำนันเป๊าะ หายเข้ากลีบเมฆไปนานกว่า 10 ปี โดยที่ไม่มีใครพบเจอ สังคมส่วนใหญ่ในขณะนั้นก็คิดว่า ตำรวจคงไม่สามารถจับ กำนันเป๊าะ ได้หรอกเพราะ อำนาจและเงินทอง ของ เจ้าพ่อตะวันออกคนนี้ และเส้นสายทางการเมือง คงยากที่จะจับได้ แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น วันที่ 30 มกราคม 2556 กำนันเป๊าะ ได้ถูกตำรวจคอมมานโด จับกุมปิดล้อมรถเก๋งคันหรูกลางเมืองกรุงบนถนนมอเตอร์เวย์ ขณะกำลังจะกลับบ้านที่ ชลบุรี ถือเป็นการปิดตำนานเจ้าพ่อแห่งตะวันออก ในขณะที่กำนันเป๊าะ อายุ 78 ปี โดยมีกำหนดพ้นโทษในวันที่ 27 ก.ย. 78 

หลายคนเชื่อว่า กำนันเป๊าะ คือ ผู้มีอิทธิพล หรือ เจ้าพ่อมาเฟีย แห่งภาคตะวันออกคนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ จากบ้านป่าเมืองเถื่อน กลับสู่ความสงบสุขเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม แต่ที่ใดยังมีผลประโยชน์มากมาย เชื่อว่าเมื่อนั้นก็ยังคงอยู่ซึ่งผู้มีอิทธิพลเข้าไปกอบโกย วงจรนี้จะหมดไป หรือ จะอยู่ต่อไป ไม่มีใครสามารถรู้ได้



อ้างอิงข้อมูลจาก - www.thaioctober.com , เพจเฟสบุ๊ค ตำนาน คดีดัง , หนังสือ เจ้าพ่อตะวันออก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ