ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ประสบการณ์เจอผีที่โตเกียว ญี่ปุ่น...เรื่องจริงจากPANTIP


เป็นประสบการณ์ที่เจอมากับตัวครับ ไม่มีเรื่องแต่งแน่นอน 100% เพราะ 3 คนที่ไปด้วยเจอ แต่ไม่ได้ ปะทะหน้ากันนะครับ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง...เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อนานมาละ เมื่อปี 2550 ผมทั้ง 3 คน ตกลงไปญี่ปุ่น ปกติพวกผมจะไปดูคอนเสริต์หรืองาน Event ของศิลปินนักร้องค่าย Hello Project! กันสมัยนั้นยังไปกันน้อย และวิธีการได้ event ค่อนข้างจะยาก ( สมัยนี้ง่ายละ ) บ่นๆ เข้าเรื่องดีกว่า


ผมไปช่วงต้นเดือนธันวาคม และต้องอยู่ถึง 15 วันด้วยกัน ก็เลยมองหาที่พักถูกๆ อยู่สัก 2 วันประหยัดเงิน วันอื่นๆจอง Khaosan Tokyo แหล่งประจำไป เลยไปสะดุดตากับที่พักหนึ่ง ราคา 200 บาทต่อคน เห้ย จองเลยครับ ไม่คิดอะไรละ อยู่ไกลนิดหน่อยแต่เดินไหว จองไป 2 คืน


วันที่เดินทางจริง ผมจำไม่ได้ว่าลงสถานีไหนละ แต่เดินไกลอยู่ ไปถึง ที่พัก ( เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ) ที่พักเป็นลักษณะ บ้านญี่ปุ่นเล็กๆ เจ้าของแนะนำดี นิสัยดีคุยเยอะมาก แต่พอพาไปดูห้องนอน โดยที่พักจะอยู่ชั้น 2 บนบ้านของเค้าเองจะมีบันไดข้างๆ เดินขึ้นไปจะเจอห้องที่พัก แต่เข้าไปถึงกลับอึ้งเลย มันไม่ใช่เตียง มันเป็นแผ่นไม้คั่นๆ จะเหมือนเตียง 2 ชั้น แต่ไม่ใช่มันเป็นแค่ ไม้คั่นๆ ไว้ ลักษณะคล้ายโลงศพ3 อันอยู่ซ้อนกันงะ T T แต่พวกผมไม่ได้อะไรมาก ก็คิดว่า ถูกมันก็เป็นแบบนี้แหละ ( ฮีตเตอร์ ไม่มีด้วย ขอบอกกกก ) ประโยคสุดท้ายที่เค้าพูดคือ ที่บ้านมี เวลา เคอร์ฟิว 22:00 ผมก็แปลกใจ ที่พักปกติมันไม่มี เคอร์ฟิว นิหว่า แต่ก็ไม่ได้สนใจแหะ รีบออกไปซื้อแผ่น CD เพื่อเอาไปลุ้น Event ก่อน จนกลับมาที่สถานี แล้วเดินกำลังจะเข้าบ้านไป ดูเวลา 22:30 เลยเวลามาละ แต่คิดว่ายังไง เจ้าของบ้านก็ยังอยู่ เพราะข้างล่างเป็นบ้านของเค้าเอง


พอเดินบันไดขึ้นไป จะเข้าไปยังประตูหน้าห้อง เปิดไม่ได้ ไม่เป็นไร เคาะดู ไม่มีคนตอบเอาแล้วไง เลยลงไปเคาะบ้านชั้นล่าง ไม่มีคนตอบอีก = = ทำไงละทีนี้ เลยตัดสินใจข้างๆ ห้องที่พักชั้นบนห้องข้างๆห้องหนึ่ง ซึ่งปิดไฟมืดมาก ลองเปิดเข้าไปดู เห้ย เปิดได้ แต่ประตูเปิดได้นิดเดียวต้องพยายามเข้าไป เจอ ปุ่มเปิดไฟ ก็เปิดไฟเลยครับ แต่เป็นไฟห้องน้ำเล็กๆ แต่ก็ไม่กล้าสำรวจเข้าไป เพราะ มันน่ากลัวจริงๆ ครับ อยากให้ จินตนาการตาม ว่า มันจะมืดๆ สลัวๆ ประตูเปิดได้ไม่สุดด้วย เดินเข้าไปนิดๆ จะเป็นชั้นยกขึ้นมา เหมือนจะให้ถอดรองเท้าไว้ พื้นเป็นเสื่อทาตามิ เหยียบ แล้วเสียงไม้ดังแบบในหนังผีเลย แต่พวกผมก็ไม่เข้าไป สำรวจต่อ น่ากลัวมาก คือหาไม่เจอว่า อะไรอยู่ตรงไหนกัน


ผมตัดสินใจนอนมันหน้าห้องน้ำเนี่ยแหละ พยายามแทรกๆกันนอน รอเจ้าของบ้านมา อากาศตอนนั้นเดือนธันวา กำลังเริ่มหนาวละครับ ผมนอนไปสักพักหนึ่ง อากาศเริ่มหนาวแบบสุดขั้วละ นอนหลับบ้างไม่หลับบ้าง  ตอนนั้นเวลาเที่ยงคืน กว่าๆ คนอื่นๆ ก็พยายามจะหลับ แต่หลับไม่ลงงะ มันหนาวมาก เสียงรอบๆจะเป็นเสียงใบไม้ โดนลมพัด บางทีเสียงก็หายไปหมด แบบนิ่งสุดๆ ตอนนั้นผมมีสติแน่นอน เพื่อนๆก็ไม่หลับแน่นอน...อยู่ๆ มีเสียงคนเดินครับ เสียงเดินขึ้นบันไดมาจากข้างล่างขึ้นมาข้างบน แน่นอน 100% เดินมาอย่างช้าๆ (ตรงข้างซ้ายของประตูห้องมันจะเป็นกระจกแล้วมีผ้าปิดไว้ ด้วยแสงในห้องน้ำ )


เห็นเงาคนเดินมา แต่แปลกที่ผมแยกไม่ออกว่า เป็น ผู้หญิง หรือ ผู้ชาย เค้ากำลังจะเดินมาถึงประตูละ ( เพื่อนๆที่เหลือก็รู้สึกครับว่า มีคนเดินเลยลุกมา )  ผมรีบเปิดประตู  เปิดมา ไม่มีใครเลยครับ ผมนี่ นิ่ง เลย อึ้งเลย ตอนนั้นหัวสมองมึนไป งง รีบปิดประตูทันที  คุยกับเพื่อนๆ 2 คนที่เหลือ เพื่อนๆบอกว่า เอาแล้วไง เมื่อกี้มันผีเปล่าวะ อยู่ไทยตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอผีเลย รอสักพักเพื่อนอีกคน บอกว่า มันน่าสงสัยขอเดินเข้าไปข้างในสำรวจดูเผื่อเจอ ฮีตเตอร์ก็ยังดี


บรรยากาศ มืดมากครับ เดินเข้าไปเสียงไม้จะดังตามที่เท้าเหยียบ เพื่อนผม นำไปก่อน ผมสุดท้ายเลย กลัวครัชชชช เพื่อนผมเดินเข้าไปลึกเลยครับจะเจอ ประตูไม้ ก็เลื่อน ( อ่อ เผื่อโดนถามว่าทำไหมไม่เอามือถือส่อง มือถือที่ผมเช่ามาไฟมันเล็กนิดเดียวครับ ไม่ใช่ iphone ด้วยเป็นมือถือญี่ปุ่นเก่าๆ )


เลื่อนประตูไม้ ใช้หลักจินตนาการตามบ้านคนญี่ปุ่นที่ดู ซี่รี่ย์ มา เปิดไฟ ไฟจะอยู่กลางบ้านจะเป็นไฟแบบดึง เพื่อนคนแรกที่เข้าไป เจอเชือกที่เปิดไฟ ภาพแรกที่เห็นคือ บ้านญี่ปุ่น มีที่นอนปูแล้วด้วยอยู่กลางบ้าน เพื่อนเหยียบที่นอนนั้นด้วยยยยยย !!! มีภาพป้าคนหนึ่งอยู่ข้างๆ น่าจะเสียชีวิตแล้ว มีกระถางธูปอยู่นะครับ มีรถเข็นคันหนึ่ง ไม่รู้เพื่อนจะเห็นเปล่า ผมเห็นเลย มันหันหน้าเข้าหน้าเตียงอยู่ ผมกับเพื่อนตอนนั้น พูดพร้อมกันว่า ออกไปที่อื่นกันเถอะ ไม่นอนที่นี่ละ น่ากลัว แต่สิ่งที่ผมเห็นหลังจากที่เพื่อนผมปิดไฟคือ


รถเข็นหันมาทางผม ผมอึ้ง ........... พอปิดไฟ ตาของเราจะมองไม่ชัดอยู่ครู่หนึ่ง  แต่สิ่งที่ผมเห็นพอลืมตาคือ ควันกลมๆบริเวณแถวๆ รถเข็น มันเริ่มดูเรื่อยๆ เห้ยยยยยย มันน่าคนที่หว่า ไม่ใช่หน้าป้าคนนั้น แต่มันมี ตามีปากดำๆ ละ รีบสิครับ ผมวิ่งออกคนแรกเลย ลงบันได ไปสุดข้างล่างเลย


เพื่อนๆ ที่มาด้วยกันก็ทยอยวิ่งออก แต่เพื่อนไม่เห็นแหะ ผมพยายามถามย้ำว่าเห็นอะไรเปล่า ปกติผมไม่กลัวผีเพราะไม่ค่อยเห็นจริงๆจังๆ ปัจจุบันเพื่อนก็ยังไม่รู้ ถ้ามาอ่านคงจะรู้ละ  55555 ผม 3 คนตัดสินใจ เดินออกไปหาที่นอนใหม่ เข้า 7-11 บ้าง อากาศมันหนาวมากครับ ไม่ไหวจริงๆ จนมาสุดท้าย เจอ mos burger เค้าให้นอนได้ ผมละดีใจสุดๆ เลยถ่ายรูป mos burger ที่ช่วยชีวิตไว้ T T แล้วตัดสินใจ ไม่พักที่นั่นอีกละ ตอนเช้าจะรีบไปเอาของแล้วไปหาที่พักอื่นๆดีกว่า


ตอนเช้า รีบไปเลยครับ ไปเอาของ เดินผ่าน ห้องนั้นก็กลัวๆอยู่ พอถึงประตูจะเข้าห้องพัก เปิดบุ๊ป เปิดได้แหะ มีคนญี่ปุ่น นั่งกินกาแฟอยู่ - -  แล้วเมื่อคืน ไม่เปิดให้ตูฟะๆๆๆๆๆๆๆๆ หรือ มันมาตอนเช้าหว่า รีบไปเอาของครับ แล้วไปหาที่พัก Khaosan Tokyo โดยตัดสินใจโทรไปเพื่อนที่ไทย ให้ดูหน่อยว่า สาขาไหนว่างบ้าง โชคดีเจอ สาขาหนึ่งว่าง T T รอดตายแล้วววว...อันนี้ถือเป็นประสบการ์ณตรงเลยจริงๆ ครับ หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยไปพักที่นั่นอีกเลย เหมือน ที่นั่นจะปิดไปแล้ว ผมหาไม่เจอด้วย


ขอบคุณครับที่อ่านกัน ><

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ