ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ไปขานรับทำไม รู้เหรอว่าใครเรียก!! อย่าขานสิ..เดี๋ยวอีน้อยออกมา


สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้ที่2ของเรา ถ้าใครได้อ่านกระทู้แรกของเรา (วันศุกร์ที่ไม่สุข...) จะรู้ได้เลยว่าตั้งแต่เหตุการณ์นั้น มันทำให้เราได้สัมผัสเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับมากขึ้น กระทู้นี่ก็เหมือนเดิมค่ะ จะมาเล่าประสบการณ์ที่เจอมากับตัวเองให้ฟังค่ะ

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราอยู่ ม.6 เวลาที่โรงเรียนมีการจัดกิจกรรมกีฬาสี แน่นอนอยู่แล้วว่ามันต้องมีทำกิจกรรม ช่วยงาน หรือซ้อมกีฬากันจนเย็นย่ำค่ำมืด และหน้าที่หลักๆของพี่ ม.6 ก็คือต้องคุมน้องๆ ที่จะขึ้นแสตนด์เชียร์ ชั้น ม.6 ของเรามีทั้งหมด 10 ห้อง ตั้งแต่ 6/1 – 6/10 เราอยู่ 6/9 ได้รับหน้าที่ให้ทำฉากของแสตนด์เชียร์ มีเรากับเพื่อนผู้หญิงอีก 2 คน รวมเราด้วยก็เป็น 3 คน พวกเราได้รับมอบหมายจากหัวหน้าห้องว่า ให้พวกเราไปซื้อของเพื่อที่จะมาทำฉาก แต่บอกก่อนนะว่าเรากับเพื่อนอีก2คน ถ้ามารวมตัวกัน มันจะเหมือนกลายเป็นแก๊งขี้เกียจเลยแหละ

พอเราได้รับมอบหมายให้ออกไปซื้อของ มันก็เหมือนเป็นการปลดปล่อยอารมณ์ของพวกเราเลยทีเดียว เราออกไปซื้อของตอนเย็นประมาณ 5 โมงกว่าๆแล้ว ก็ซื้อของกันนานมากจนลืมดูเวลา ลืมนึกว่ามีเพื่อนๆรออยู่ที่โรงเรียน ซื้อของเสร็จ จนเรามองดูเวลาอีกที เกือบ 1 ทุ่มแล้ว พวกเรารีบตาลีตาเหลือกกันกลับโรงเรียนโดยด่วน

พอกลับไปถึงโรงเรียน ก็เจอพวกเพื่อนๆที่รอของอยู่ และก็เจอคุณครูที่ปรึกษาของเรายืนอยู่ ตอนนั้นพวกเราทั้ง 3 คน เหมือนนักโทษที่พร้อมจะรับความผิดอยู่เลย ครูก็ว่าพวกเราว่าทำไมไปกันนาน พวกเพื่อนๆที่อยู่ที่โรงเรียนก็ว่าพวกเรา แต่พวกเราก็ไม่ได้เถียงหรืออะไรสักคำ เพราะรู้ว่าเราทำผิด และบทลงโทษในการทำผิดของพวกเราในวันนั้นก็คือ ให้พวกเราทั้ง 3 คน อยู่ทำแสตนด์ไปจนถึง 4 ทุ่ม โดยจะมีภารโรงเป็นคนคอยดูพวกเรา แล้วเพื่อนๆที่เหลือก็กลับบ้านกัน

ตอนนั้นบรรยากาศที่ไม่มีเพื่อนๆหลายคนอยู่นั้นมันวังเวงมาก แล้วเราอยู่กันแค่ 3 คน มันก็ไม่ได้ว่าจะมีความน่ากลัวลดน้อยลงเลย เพื่อนเราอีก 2 คนขอใช้ชื่อย่อว่า ร. กับ ศ. นะคะ พวกเราขณะที่โดนลงโทษอยู่มันเหมือนจะไม่สำนึกผิดเลย อยู่ๆ ร. มันก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าเราทำงานกันอยู่ แล้วอยู่ๆผีมาหละวะ พวกเราจะทำไงกันดี” ศ.ก็พูดขึ้นมาว่า “กูก็จะให้มันช่วยทำงานไง ทำกันอยู่ 3 คนเหงาจะตาย” เมื่อ ร.กับ ศ. พูดมาขนาดนั้น ในใจเราก็คิดแล้วแหละว่ามันจะพูดทำไมวะ ยิ่งตอนนี้มันก็มืดแล้วด้วย แถมยังมีเรื่องเล่าอะไรน่ากลัวๆเกี่ยวกับโรงเรียนอยู่ในหัวสมองเราอีก เราก็เก็บความกลัวไว้ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป คิดแค่ว่าเราต้องรีบทำงานให้เสร็จเร็วๆ

ตอนเราอยู่บนแสตนด์ มองไปข้างล่างก็จะเป็นสนามบอล มองไปทางขวาก็จะเป็นอู่ซ่อมรถเก่าๆมันร้างแล้ว โรงเรียนเราอยู่ติดกับอู่ซ่อมรถนะคะ มองไปทางซ้ายก็จะเป็นทางเดินออกนอกโรงเรียน ทำงานไปสักพัก เราก็ได้ยินเสียงคนตะโกนมาว่า “เห้ยยยยย” ครั้งแรกพวกเราทั้ง3คน ได้ยินเหมือนกัน แต่ไม่มีใครขาน ได้เพียงแต่มองหน้ากัน อีกสักพักก็มีเสียงมาอีกแล้ว “เห้ยยยยย” เป็นอย่างนี้อยู่ 2 ครั้ง จนครั้งที่ 3 เพื่อนเรา ร. มันก็ขานรับไปว่า “เออ ว่าไง ใครเรียกวะ” ตอนนั้นเรากลัวนะ เราก้เลยพูดกับ ร.ว่า “ไปขานรับทำไม รู้หรอว่าใครเรียก” ร.มันก็บอกว่า “ไม่รู้หรอกว่าใคร ขานไปงั้นแหละ เผื่อเป็นคน” เรากับ ศ. ก็มองหน้ากัน เหมือนรู้กันแล้วแหละว่าอีกสักพักต้องมีไรเกิดขึ้นแน่นอน แล้วสิ่งที่พวกเราคิดมันก็เกิดขึ้นจริงๆด้วย มันเริ่มมีกลิ่นน้ำอบลอยมาค่ะ แล้วลมก็เริ่มพัดมาพร้อมกลิ่นน้ำอบ เรากับ ศ. ได้กลิ่นนะ เราก็เลยถาม ร.ว่ามันได้กลิ่นมั้ย ร.มันบอกว่ามันไม่ได้กลิ่นน้ำอบ แต่มันได้กลิ่นเหม็นศพเลยแหละ ตอนนั้นพวกเราเลิกทำงานกันแล้วมานั่งจับกลุ่มรวมตัวกันไว้แล้ว แต่ต้องรอเวลาจนถึง 4 ทุ่มถึงจะกลับบ้านได้ เรามองดูนาฬิกา เวลามันช่างช้าอะไรอย่างนี้ คือมันช้ามากค่ะ มันแค่ 20.45 น.เอง แล้วเราต้องทนอยู่กับสภาพกลิ่นแบบนี้ไปจนถึง 22.00 หรอ เห้อชีวิต

สักพักกลิ่นมันเริ่มจางลงไปค่ะ พวกเราก็เลยเริ่มหายกลัวและ แต่ยังไม่ทันไรเลย พวกเราได้ยินเสียงคนร้องไห้ค่ะ ร้องแบบสะอึกสะอื้นแบบเหมือนร้องฟูมฟายมากค่ะ ร.กับ ศ.มันกลัวนะคะ เรารู้เลยว่ามันกลัวเพราะเราดูจากสภาพสีหน้าของพวกมันออก ตอนนั้นก็คงจะมีแต่เราแล้วแหละที่จะกล้าที่สุดในนั้น เราเลยพูดกับพวกมันว่า ไม่ต้องกลัวนะ เอางี้ละกัน เดี๋ยวเราจะไปดูให้ว่าเสียงมันมาจากตรงไหน ไอเราก็คนใจดีไง เดินดูทั่วๆแสตนด์แล้วก็ยังไม่เจอที่มาของเสียง ยิ่งเดินหาเสียงเท่าไหร่ มันยิ่งแบบฟูมฟายมากขึ้นเท่านั้นค่ะ

ตอนเราเดินไปหาต้นเสียงนั้นอะ เราไม่รู้เลยว่าเพื่อนเราอีก 2 คนมันหนีเรากลับบ้านค่ะ เราเดินกลับมาตรงที่ที่เราทำงาน เราเจอกระดาษเขียนไว้เป็นลายมือของ ร. ว่า “ กูกับศ.ขอกลับบ้านก่อนนะ” คือแบบเราเห็นมันเขียนแบบนั้นอะ เราโกรธพวกมันมากเลยนะ คือว่าทิ้งเราทำไมอะ ทั้งๆที่บรรยากาศมันเป็นแบบนี้อยู่

เรามองดูนาฬิกาอีกรอบ ตอนนั้นเวลาสามทุ่มกว่าๆแล้ว เราก็เลยว่าเอออยู่ให้ถึง 4 ทุ่มก็ได้ เช้ามาจะได้ไม่โดนครูทำโทษอีก เราก็เก็บของไปพลางๆรอเวลา 4 ทุ่ม แต่หูเราอะ ได้ยินเสียงคนตะโกนมาอีกแล้ว “เห้ยยยย” เราได้ยินแบบนั้นหลายครั้งแล้วค่ะ เราก็หงุดหงิดด้วย เราเห็นว่าเพื่อนเราขานรับไปแล้วไม่เป็นไร เราก้เลยขานไปบ้างว่า “เออ ใครอะ มาช่วยเก็บของหน่อย” เท่านั้นแหละค่ะ มีกิ่งไม้จากไหนไม่รู้ เหมือนมีคนโยนมาใส่เราคะ แล้วก็เสียงหัวเราะตามมา ***ลืมบอกค่ะ ว่าเสียงหัวเราะกับเสียงร้องไห้เป็นเสียงผู้หญิงนะคะ*** เราไม่ไหวแล้ว เราไม่อยู่แล่วค่ะ รีบวิ่งลงจากแสตนด์ทันทีเลย วิ่งไปก็ได้ยินเสียงหัวเราะตามมาตลอดนะคะ เราคิดว่าวิ่งยังไงก็ได้ให้เร็วที่สุด ให้ออกไปหาลุงภารโรงให้เร็วที่สุด

พอเราวิ่งไปหาลุงได้ เราก็เล่าให้ลุงฟังทั้งหมดว่าเราเจออะไรบ้าง ลุงแกหัวเราะ แล้วบอกกับเราว่า “ลุงจะบอกคุณครูของพวกหนูแล้ว ว่าอย่าปล่อยให้เด็กทำงานกันจนดึก เดี๋ยวอีนั่นจะออกมา” เราถามลุงว่า อีนั่น คือใคร ลุงก็บอกเราว่า “อีนั่นอะมันชื่อน้อย มันเป็นแม่ครัวอยู่ที่โรงอาหาร ตอนเป็นแม่ครัวมันชอบกับคุณครูสอนพละ คุณครูก็ชอบพอกับมัน แต่คุณครูเค้ามีครอบครัวอยู่แล้ว พอมันรู้ว่าคุณครูมีครอบครัวแล้ว มันก็ช้ำใจไง ไปผูกคอตายบนต้นไม้ข้างๆแสตนด์” เราฟังจบเราตกใจมากเลย คือไอกิ่งไม้นั่นที่เหมือนมีอะไรโยนมาใส่เรา มันมีเชือกผูกกับกิ่งไม้นั้นด้วย โอ๊ยยยย อยากจะร้องไห้เป็นภาษาอังกฤษ ชีวิตกูทำไมต้องเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ คืนนั้นเราก็กลับบ้านไปตามปกติ

พอเช้า เราก็มาโรงเรียนปกติ เราโกรธ ร.กับ ศ.นะ ว่าทำไมทิ้งเราไป แต่ก็โกรธได้แปปเดียวแหละ เพราะเรายังต้องทำงานร่วมกับมันอยู่ เราก็เลยไปถามว่าทำไมเมื่อคืนหนีกลับบ้านไป ร.มันบอกว่า “ตอนที่เธอเดินตามหาเสียงร้องไห้อยู่อะ เราเห็นผู้หญิงเดินตามเธอทุกฝีก้าวเลย” แล้วพอมันจะเรียกให้เรารู้ตัว ผู้หญิงคนนั้นก็หันหน้ามาหาพวกมัน พวกมันเลยต้องกลับกันก่อน ตั้งแต่นั้นพวกเราก็ตั้งใจทำงานกันอย่างดีเลย เพราะไม่อยากโดนทำโทษอีก

***ความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ เราไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อ***
***เราแค่ต้องการเพื่อมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกันคะ***
***ถ้าผลตอบรับดีอีก จะมาเล่าอีกนะคะ***

ขอบคุณทุกคนที่มาอ่านคะ

ความคิดเห็น

  1. คำทักทายจากคำสั่งอันยิ่งใหญ่ของอิลลูมินาติสู่รัฐและทั่วโลกนี่เป็นโอกาสที่เปิดกว้างในการเข้าร่วมกลุ่มภราดรแห่งแสงสว่างที่ซึ่งคุณสามารถกู้คืนความฝันที่หายไป และพลังงานโดยไม่ต้องเสียสละเลือด และเรายังจ่ายเงินจำนวน 800,000 USD เพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ทุกคนเมื่อพวกเขาเข้าร่วมสมาคมและเป็นบ้านที่พวกเขาเลือกและที่ตั้งพร้อมการลงทุนพร้อมกับโอกาสในชีวิตสำหรับพวกเขาที่มีชื่อเสียง

    ประโยชน์ที่มอบให้กับสมาชิกใหม่ที่เข้าร่วมส่องสว่าง
    1. รางวัลเงินสด $ 800,000 USD
    2. Sleek Dream CAR โฉมใหม่มูลค่า $ 190,000 USD
    3. บ้านในฝันซื้อในประเทศที่คุณเลือก
    4. ชำระรายเดือน $ 2,400,000 USD เข้าบัญชีธนาคารของคุณในฐานะสมาชิก
    5. หนังสือเดินทางทูตเพื่อเดินทางไปยังประเทศที่คุณเลือกและอีกมากมาย
    6. เดือนของการนัดหมายกับ 5 ที่ดีที่สุดในโลก ผู้นำและ 5 คนดังที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก

    บันทึก; คุณสามารถเข้าร่วมกลุ่มภราดาอิลลูมินาติได้จากทุกที่ในโลกอินเดีย, ตุรกี, แอฟริกา, สหรัฐอเมริกา, มาเลเซีย, ดูไบ, คูเวต, สหราชอาณาจักร, ออสเตรีย, เยอรมนี, ยุโรป เอเชียออสเตรเลีย ฯลฯ

    หมายเหตุ: หากคุณสนใจกรุณาติดต่อเราทางอีเมลของเรา: illuminatitemple9102@gmail.com

    สวัสดี ILLUMINATI TEMPLE United States

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ