ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ยังไงก็ไม่ใช่ คือไม่ใช่หน้าแฟนผมเลย...แขกไม่ได้รับเชิญในวีดีโอคอล


สวัสดีทุกๆคนนะครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผม แล้วก็ดันต้องมาเริ่มด้วยเรื่องพวกนี้อีกครับ 555555 ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรประการใด ก็ต้องขออภัยทุกๆคนด้วยนะครับ

มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ...เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้วครับ เป็นปกติในตอนกลางคืน ที่ผมกับแฟนจะวีดีโอคอลคุยกันครับ ซึ่งผมก็อยู่บ้านปกติ แต่ตัวแฟนจะอยู่ที่วิทยาลัย ซึ่งเป็นวิทยาลัยประจำ ทำให้ก็ต้องนอนหอที่นั่นทุกคืนแหละครับ แล้วแฟนผมก็เคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับอะไรหลอนๆที่นั่นให้ฟังบ้าง เช่น เพื่อนบางคนเพิ่งอาบเสร็จตอนกลางคืน แล้วกำลังจะเดินเข้าห้องนอน ซึ่งเพื่อนๆทุกคนในห้องก็ปิดไฟนอนหมดแล้ว แล้วพอจังหวะที่เปิดเข้ามา ก็เห็นเป็นผู้หญิงยืนหันหลังให้ แล้วเดินทะลุหน้าต่างออกไป หรือว่าจะเป็นเรื่องที่มีคนเห็นหน้าผู้หญิงโผล่มาตรงหน้าต่างของห้องนอน แล้วก็ยิ้มให้ ซึ่งผมก็รับฟังแต่ก็ไม่คิดอะไร 

จนมีอยู่วันหนึ่ง ผมก็วีดีโอคอลคุยกับแฟนปกติ ตอนนั้นน่าจะประมาณ 5 ทุ่ม ตอนนั้นแฟนผมก็กำลังนั่งทำงานบนโต๊ะทำงาน โดยพื้นหลังก็เป็นตู้เสื้อผ้าฝั่งขวา และฝั่งซ้ายก็เป็นเตียงนอนปกติครับ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าห้องแฟนผมจะนอนกัน 4 คน ซึ่งคืนนั้นห้องแฟนผมก็ปิดไฟกันแล้วครับ แต่ก็จะเปิดโคมไฟสีส้มๆไว้ 1 อัน เพราะแฟนผมกำลังนั่งทำงานอยู่ครับ ก็เลยทำให้ห้องไม่มึดมาก และยังเห็นพวกตู้เสื้อผ้ากับเตียงนอนอยู่ครับ 

ระหว่างที่ผมกำลังคุยกันอยู่นั้น ผมก็เห็นเป็นเงาคนเดินผ่านที่ตู้เสื้อผ้าไป ซึ่งมันชัดมาก เพราะเนื่องจากโคมไฟสีส้มของแฟนผม มันสว่างไปถึงตู้เสื้อผ้าด้านขวามือข้างหลังแฟนผม ซึ่งถ้าเป็นหลายๆคน ก็คงไม่ได้คิดอะไร เพราะเพื่อนๆก็อาจจะเดินผ่านไปก็ได้ แต่อะไรไม่รู้ทำให้ผมมาโฟกัสกับเรื่องเงานี้ ผมก็เลยเอ่ยปากไปถามแฟนผมว่า "เธอๆ ใครเดินผ่านอะ" แฟนผมก็หันไปดู ละก็งงๆ แล้วก็หันมาบอกผมว่า "ใครเดินอะ ทุกคนก็นอนบนเตียงหมดละเนี่ย" ผมก็เลยเห้ย ไม่ใช่ละ มันต้องมีคนเดินผ่านดิวะ เงาชัดขนาดนั้น ผมก็เลยให้แฟนผมหันไปถามเพื่อนทุกๆคนเลยว่าใครเดินผ่าน แฟนผมก็หันไปถามให้หมด ปรากฎว่าไม่มีใครเดินผ่านเลย ทุกคนก็นอนเล่นโทรศัพท์กันบนเตียงหมด

ตอนนั้นผมก็ใจไม่ดีแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้กลัวอะไร เพราะคิดอยู่แต่แค่ว่าใครเดินผ่าน แต่ก็ปล่อยผ่านไป ไม่ได้อยากพูดอะไรมาก กลัวแฟนผมกลัว แล้วเราก็คุยๆกันไปได้ซักพัก ผมก็ได้ยินเสียงใครซักคนหัวเราะเข้ามา เป็นหัวเราะแบบเบาๆ แบบแห้งๆ ผมก็เลยถามแฟนผมว่า "เพื่อนเธอขำอะไรกัน กินน้ำหน่อย แห้งเชียว" แฟนผมก็หันขึ้นมามองหน้าผม แล้วก็พูดว่า "ใครขำ อะไร ไม่มี ไม่มีใครขำอะไรเลย" ผมก็เลยคิดในใจ เอาแล้วไง ปกติผมก็เป็นคนกลัวเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยได้เจออะไร แล้วซักพักผมก็ตอบแฟนผมไปว่า "ไม่มีไรๆ สงสัยเสียงทีวีที่บ้านมั้ง เพราะเปิดทีวีไว้อยู่" แต่คือผมไม่ได้เปิดเสียงทีวีดังเลยครับ แล้วตอนผมหันไปมองในทีวี ก็เป็นช่องกีฬาฟุตบอลครับ ไม่มีใครขำอะไรแน่นอน 

จนเวลาผ่านไปได้เกือบจะเที่ยงคืน เน็ตไวไฟของแฟนผมที่ใช้ในวิทยาลัย มันก็เริ่มกระตุกๆ ช้าลงบ้าง ซึ่งมันเป็นเกือบทุกวันครับ เวลาดึกๆทีไร เน็ตชอบช้า แล้วก็ค้างๆบ่อยครับ ซึ่งตอนนั้นพอมันเริ่มๆจะค้าง ผมก็บอกแฟนผมว่าให้เปิดเป็นเน็ตโทรศัพท์เอาดีกว่า ซึ่งตอนนั้นแฟนผมก็ก้มหน้าทำงานอยู่ แล้วพอแฟนผมได้ยิน เค้าก็จะเงยหน้าขึ้นมา เพื่อจะมาปิดไวไฟในโทรศัพท์ แล้วจังหวะที่แฟนผมเงยหน้าขึ้นมานั้นเอง สิ่งที่ผมเห็นก็คือ หน้าผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ใช่แฟนผมแน่นอน หน้าเละมากๆครับ ผมยาวและฟูมาก ตาโตมากๆ เพ่งมาที่ผม แล้วก็อ้าปากเหมือนจะยิ้มให้ผม (ตอนที่ผมอยู่นี้ บอกเลยว่าขนลุกมากๆครับ เพราะผมต้องนึกภาพตาม 5555) แล้วผมก็ตะโกนเห้ย แบบดังมากๆครับ แต่คือแฟนผมไม่ได้ยินครับ เพราะมันดันมาช็อคโลกตรงที่ เน็ตช้าไงครับ กล้องค้างสิครับ ค้างหน้านั้นแหละครับ ผมเลยตัดสินใจ แคปรูปไว้เลยครับ กะแบบเอาให้แฟนผมดูตอนเช้าแน่นอน (คือถ้าให้ดูตอนนี้ แฟนผมนอนไม่หลับแน่นอนครับ) แล้วสายก็ตัดไป เพราะแฟนผมปิดไวไฟแล้ววางไปเพื่อจะโทรมาใหม่ แล้วผมก็ตั้งสติแปปนึงครับ พอแฟนโทรมา ผมก็ตัดสินใจไม่ได้เล่าให้แฟนผมฟังครับ กะจะมาเล่าตอนเช้า

ซึ่งรูปนั้นก็ถูกแคปไว้เรียบร้อยแล้ว พอหลังจากนั้นพอโทรคุยกันต่อ ผมก็เนียนๆคุยเรื่องอื่นไปเลยจนถึงตอนแฟนผมจะนอน ก็วางสายเข้านอนกันปกติ เรื่องเหมือนจะจบตามนี้ใช่ไหมครับ แบบผมนอนหลอนๆ แล้วเอารูปให้แฟนดูตอนเช้า แต่มันไม่จบไงครับ (ผมกลัวมากๆนะครับ ตอนพิมพ์ตอนนี้ คือมันยังติดตาอยู่เลยจริงๆครับ 555555) คือพอผมนอนหลับไป ผมก็ฝันครับว่าเห็นใบหน้านี้แหละครับ มาในฝัน คือแบบเป็นใบหน้านี้มานิ่งๆเลยครับ เหมือนเราเอาหน้าจ้องทีวี แล้วภาพในทีวีก็เป็นใบหน้านี้เลยอะครับ แล้วผมก็จำได้ในฝันว่า เหมือนมีเสียงพูดออกมา ประมาณว่าให้ผมลบรูปที่ผมแคป ไม่ต้องเอาให้ใครดู หรืออะไรทำนองนี้อะครับ แล้วซักพักผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา ตอนนั้นก็ประมาณน่าจะเกือบเช้า ผมก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ตัวผมขนลุกอยู่เลยครับ ผมก็เลยนอนต่อ แล้วก็ฝันเหมือนเดิมอีก ทุกอย่างเหมือนเดิมเป้ะ ทั้งใบหน้า และเสียงพูด แล้วผมก็ซะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกที ตอนนั้นน่าจะ 9 โมงได้ครับ ตอนนั้นหัวผมไม่รู้คิดอะไร ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วเข้าไปที่รูปที่ผมแคป โดยที่ผมทำตาหรี่ๆ แบบไม่ให้เห็นใบหน้านั้น แล้วรีบกดลบ แล้วเข้าไปในลบในถังขยะอีกทีเลยครับ คือลบหมดเลยครับ แล้วตอนนั้นผมก็ลุกขึ้นมานั่งขนลุกไปซักพัก เหงื่อแตกไปหมด 

แล้วพอตกตอนเที่ยง ผมก็โทรเล่าเรื่องทั้งหมดนี้ให้แฟนผมฟัง พร้อมทั้งบอกว่าตอนแรกก็แคปไว้ แต่พอฝัน เลยรีบลบไปเลย แฟนผมก็ตกใจแล้วก็บอกคงเป็นเพราะเน็ตช้าหรือปล่าว หน้ามันเลยแตกๆนู่นนี่ อย่าคิดมาก แต่ผมก็คิดในใจว่า ยังไงก็ไม่ใช่ คือไม่ใช่หน้าแฟนผมเลย คือมันชัดเจนมากๆครับ แล้วประจวบกับเงาและเสียงที่ผ่านมา ผมว่ามันชัดเจนครับ ชัดเจนเกินไป แล้วพอตกกลางคืนของวันที่ผมเล่าให้แฟนผมไป การวีดีโอคอลก็เกิดขึ้นโดยการอยู่มุมแคบเลยครับ ไม่ต้องมีพื้นที่ข้างหลังแล้ว ไปนอนบนเตียง พื้นหลังกำแพงพอครับ 5555 ไม่ต้องเปิดไวไฟแล้ว เน็ตหมดชั่งมันครับ

เรื่องทั้งหมดก็ประมาณนี้ครับ ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านมากๆครับ ตอนนี้ผมขนลุกหนักกว่าเดิม เพราะระหว่างที่ผมพิมพ์นี่ก็กล่อมฟิลผมด้วยรายการผี ทุกวันพุธอยู่เลยครับ เปลี่ยนไม่ได้ครับ พ่อผมดูอยู่ 55555555555

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ