ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

หญิงสาวที่อยู่ชั้นห้า...ผีมาอยู่ด้วยในห้องแต่ค่าเช่าก็ไม่ช่วยออกเลยนะ


เรื่องที่เราจะเล่าค่อนข้างยาวมาก เป็นประสบการณ์โดนผีหลอกตลอดเวลาที่อยู่ห้องนั้นเป็นเวลา 6 เดือนเต็ม เป็นผีที่มีรับผิดชอบหน้าที่มากจริงๆ

ต้องขอออกตัวเลยว่า จขกท. ไม่ใช่คนมีเซ้นอะไร เคยเจอเหตุการณ์แปลกๆ เคยเห็นอะไรที่อธิบายไม่ได้ ก็ประปรายหลายครั้ง แต่ไม่ใช่ขนาดที่แบบ รู้เลยตรงนี้มีอะไร ไปใหนก็เจอ ไม่ขนาดนั้นค่ะ เรื่องที่เราจะเล่า มันเริ่มขึ้นประมาณ เดือน พ.ย. ปีที่แล้ว เป็นช่วงที่เราอยู่ปีหนึ่งปลายๆ เราเลิกกับแฟนเราเลยไม่อยากอยู่หอคนเดียว เราเลยย้ายไปอยู่กับเพื่อนอีกหอนึงซึ่งไม่ไกลกันมาก โดยปกติเราเช่าหอพักอยู่คนเดียว แต่ไม่ค่อยอยู่ห้องหรอกค่ะ ส่วนมากก็จะมาอยู่กับเพื่อนคนนี้ (สมมตุว่าชื่อ ดาว นะคะ) แทบทุกวัน แล้วดาวก็อยู่หอคนเดียวอยู่แล้ว เลยไหนๆก็ไหนๆแล้ว ย้ายมาอยู่ด้วยกันเลยละกัน แล้วเพื่อนอีกคน (สมมติว่าชื่อ นิว) นิวตอนแรกอยู่บ้านแฟนแล้วเหมือนจะทะเลาะกับแฟนเลยจะมาขออยู่ด้วย เป็นจะมาอยู่กัน 3 คน แต่ปัญหาที่ตามมาคือห้องของดาวค่อนข้างเล็ก เลยตกลงกันว่าจะย้ายขึ้นไปอยู่อีกห้องนึง เป็นหอเดียวกันนะคะ แค่ย้ายห้อง ห้องนี้เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในหอนั้น มีเตียงนอน 6 ฟุตสองเตียง ห้องน้ำ 2 ห้อง ห้องอาบน้ำแยกอีก 1 ห้อง ตู้เสื้อผ้า 2 ตู้ใหญ่ และแน่นอน ค่าเช่าแพงที่สุดในหอ ห้องนี้อยู่ชั้น 5 ทั้งชั้นมีเพียง 3 ห้อง มีระเบียง เราอยู่ห้องตรงกลาง ห้องทั้งสองข้างไม่มีคนอยู่

วันต่อมาหลังจากเลิกเรียนก็ตกลงว่าจะไปดูห้องกัน เลยไปขอกุญแจจากผู้ดูแลหอ ห้องนี้ประตูจะตรงกับบันไดทางขึ้นพอดีกันเป้ะ เราก็ว่า เออ มันแปลกๆนะ ดาวก็ไม่พูดอะไร ก็ไม่คิดอะไรเรากับดาวก็เดินเปิดประตูเข้าไป เป็นห้องโล่งๆ กว้างมาก คืออยู่สองคนยังรู้สึกเหงา และที่สำคัญเป็นห้องที่เงียบมาก เงียบเกินไป ต่างจากชั้น 4 ที่เดินผ่านมามาก เหมือนแทบอยู่คนละโลกกันเลย แต่เราไม่ได้เอะใจอะไร เรากลับชอบห้องนั้นมาก คือแบบ เอาห้องนี้แหละ ชอบ น่าอยู่มาก ดาวก็ไม่พูดอะไร แต่สีหน้านางค่อนข้างกังวลเหมือนคิดอะไรสักอย่างตลอดเวลา เราก็ถามเป็นอะไรป่าว ดาวก็ตอบส่งๆไป แบบไม่มีไรหรอก ลงไปข้างล่างกันเถอะ เราก็ เออๆ เราสองคนก็เดินลงมาและเอากุญแจไปคืนป้าผู้ดูแล ป้าเขาก็ถามว่าชอบมั้ย ตกลงเอาห้องนี้เลยมั้ย เราเลยขอไปคิดดูก่อน ส่วนตัวเราชอบห้องนั้นมาก แต่เรารู้สึกเหมือนดาวมีอะไรที่มันไม่โอเค เลยกะว่าจะมาคุยกันก่อน

เย็นวันนั้นเราก็มาคุยกับดาว เป็นไง ชอบห้องป่ะ หรือยังไงกุเห็นเครียดๆ ดาวมันก็ตอบว่า มันชอบนะ แค่รู้สึกแปลกๆ บอกไม่ถูก เหมือนมีคนไม่อยากให้เราอยู่ห้องนั้น แต่ก็ช่างเหอะ กุว่ากุเอาอยู่ สรุปเราสองคนเลยตกลงเอาห้องนั้น วันถัดมาเลยไปทำสัญญาขอย้ายห้อง เรื่องราวมันเริ่มจากตรงนี้ค่ะ วันที่ 15 พ.ย. เป็นวันที่เราย้ายเข้าห้องนั้น ก็ขนของเข้าห้องปกติ เรามีหน้าที่จัดห้องส่วนดาวนี้ย้ายห้องจากห้องเก่าที่ชั้นสามขึ้นมา (โกงเพื่อนมาก พูดเลย อิอิ) ก็ไม่มีอะไร ดาวก็ขนของมาวางเรื่อยๆ เราก็จัดห้องไปเรื่อยๆ แต่ที่แปลกคือ ทุกครั้งที่ดาวขนของขึ้นมาละลงไปขนใหม่ โดนที่ไม่ปิดประตูห้อง ประตูห้องมักจะปิดเอง แต่ปิดแบบ เบาๆ ค่อยๆปิด เหมือนเกรงใจกลัวทำเสียงดังอะไรงี้ (มีมารยาทโน้ะ) เราก็ไม่คิดอะไร คงลมพัดมั้ง เป็นอย่างนี้เรื่อยๆจนขนของเสร็จ ดาวก็โทรไปถามนิวว่าเออ ขนของมาเลยก็ได้นะ แต่นิวบอกดีกะแฟนแล้ว (อ้าว หมายความว่ากุต้องอยู่สองคนชิมิ ไม่นะ) แต่ก็ช่างเถอะ ไม่เป็นไร สรุปเราเลยต้องอยู่ห้องนี้กันสองคน

เย็นวันนั้นเราก็ดาวก็ตกลงกันว่าจะฉลองที่ย้ายห้องกัน ก็ซื้อขนมของกินเหล้ายาปลาปิ้งมาฉลองที่ระเบียงกันสองคน ตามภาษาสาวโสด และวันนั้นอากาศค่อนข้างดีต้นฤดูหนาว อากาศเย็นๆน่านอนเลยตกลงกันว่าจะลากฟูก(มันเป็นฟูแบบยางพาราเลยไม่เปื้อน ก็จะเหลืองเพียงเตียงที่ไม่มีฟูก 1 เตียง) ออกมาปูนอนกันมันตรงระเบียงนี่แหละ ชิลดี ลมโชย เราสองคนนั้งกินกันไปเรื่อยๆ จนพอดึกๆตี2-3 กรึ่มๆเข้าที่ก็มานั้งคุยกันเรื่องที่เจอมาตอนกลางวัน เราก็ถามแบบ 'เป็นไงห้องใหม่ ชอบป้ะ ?' ดาวบอก 'ชอบนะ กุว่ามันชิลดี ไม่วุ่นวายดี' เราเลยเล่าเหตุการณ์ที่เจอตอนกลางวันให้ฟังว่า 'เออ ห้องนี้อ่ะ ประตูมันปิดเองได้ว่ะ เจ๋งป้ะ' เท่านั้นแหละสีหน้าดาวมันก็เริ่มเปลี่ยนเป็นนิ่งๆแล้วก็พูดกับเรา 'เออ กุว่าจะเล่าลืมเล่า ตอนกุไปจัดของในห้องน้ำ พอกุหันหลังเดินออกมาอยู่ๆสเปร์ดับอากาศก็ตกเฉยเลยว่ะ ตกไม่ใช่เบาๆด้วย กระเด็นไปอีกฝั่งของห้องน้ำเลย' เราเลยแบบ 'เห้ยจริงอ่อวะ ลมพัดป่าว' ดาวก็ตอบ 'ลมบ้านน้องชายลุงเธอพัดในห้องน้ำหรอคะ ประตูห้องน้ำก็ปิด' เท่านั้นแหละทั้งเราทั้งเริ่มคิดกันละ

ในขณะที่เราสองคนนั้งคิดกับเหตุการต่างๆที่เกิดขึ้นวันนี้กันเงียบๆ 'ก๊อก ก๊อก ก๊อก !' เรากับดาวนี้สะดุ้งเลยหันหน้ามองกัน แบบเสียงไรวะ เสียงมันไม่ใช่เสียงเคาะประตูห้อง แต่มันเหมือนเสียงเคาะประตูตู้เสื้อผ้าแบบตั้งใจมาก เน้นๆเลย กะให้เรากับดาวได้ยินชัดๆ เรากับดาวเลยแบบ ไม่เอาละ นอนดีกว่า ตีสี่แล้ว จะเช้าแล้ว ก็เลยจัดที่นอนว่าจะนอนกันตรงระเบียงนั่นแหละ เรากับดาวก็นอนกัน แต่เราเป็นคนติดโซเชี่ยล คือขอให้ได้เล่นก่อนนอน นิดนึงก็ยังดี เราก็เล่นโทรศัพย์ไปเรื่อยๆสักพัก ไม่ถึง10นาทีที่เอนตัวลงนอน ..'ตึ้ง !!!' เสียงกระทืบเท้าหนักๆลงบนเตียงที่ไม่มีฟูก เสียงดังมาก ดังจนเราสะดุ้งโทรศัพย์หล่นจากมือ ขนนี่ลุกตั้งแต่ปลายเท้ายันหัว เราหันไปมองดาว อารมณ์หาแนวร่วม ไม่อยากกลัวคนเดียว .. อ้าว ดีออก หลับละ คือไวมาก นี่ถอดปลั้กป้ะเนี้ย ไม่ลงไม่เล่นมันละ นอนเลยละกัน แล้วเราก็หลับไป

และหลังจากนั้น ก็ไม่ค่อยเจอเหตุการณ์แปลกๆเท่าไร (แต่เสียงเคาะประตูตู้เสื้อผ้านี่ได้ยินทุกวันค่ะ ช่วงเวลาเดียวกันด้วยคือประมาณ 5 ทุ่มทุกวัน ได้ยินจนชินอ่าค่ะ)อาจเจอแต่ไม่ได้ใส่ใจ อาจเป็นเพราะเรากับดาวไม่ค่อยได้อยู่ห้อง เช้าไปเรียนเลิกเรียนก็กลับมาอาบน้ำนอนตื่นนอนก็อาบน้ำแต่งหน้าแต่งตัวออกไปนั้งชิลที่ร้านเหล้าร้านประจำกว่าจะกลับห้องตีสองตีสามเมาได้ที่ก็หลับสนิท พอเข้าช่างสอบปลายภาคก็อ่านหนังสือกันเป็นบ้าเป็นหลังไม่สนใจสิ่งรอบข้างกลับถึงห้อง หัวถึงหมอนก็หลับสนิทแล้ว จนสอบเสร็จ ประมาณวันที่ 24 ธันวา เรากับดาวก็กลับบ้านเพื่อฉลองเทศกาลปีใหม่กัน จะกลับมาอีกทีก็หลังปีใหม่
หลังปีใหม่เรากับดาวก็กลับมาหออีกครั้ง คราวนี้ผ่านไปประมาณอาทิตย์นึงดาวเริ่มมีท่าทางแปลก จากที่เป็นคนพูดมากเฮฮาก็กลายเป็นคนเงียบขรึม นิ่งๆ คิ้วชนกันตลอดเวลาเหมือนมีเรื่องให้คิดไม่ตก เหมือนไปเจออะไรแย่ๆมา เราเคยเอ่ยถามดาวเป็นอะไร ดาวก็ไม่บอก ได้แต่เงียบแล้วบอกช่างมันเถอะ
เป็นอย่างนี้อยู่ 2-3 วัน 

ในกลางดึกคืนที่ 3 นั้น เราก็นอนเล่นโทรศัพย์บนเตียงข้างๆดาว อยู่ดีๆดาวก็พูดขึ้นมาว่า ' คืนนี้ไม่นอน นั่งเป็นเพื่อนกุนะ' เราเลยแบบ 'เป็นไร?' 'ป่าวววว กูไม่เป็นนนน เนอะๆ ไม่นอนเนอะ นั้งเล่นกันจนเช้าเนอะ' ดาวตอบด้วยสีหน้าแบบ กวนทีนมากกกก เราเลยแบบ 'ไรของว้าาา กวนทีนอ่อ มีไรเล่ามา' 'กุป่าวววววว เออน่าาาาา' เราเลยเริ่มขึ้นละ ก็เถียงกันไปเถียงกันมา ก็เลยตกลงใครหลับก่อนชนะ เราก็นอนแล้วหลับไป .. สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีกลางดึก เราเลยหันไปมองว่าดาวนอนรึยัง แต่... วินาทีนั้นแหละ
..เราเห็นผู้หญิงคนนึงหัวฟูๆ เสื้อผ้ามอมแมม นั้งยองๆบนเก้าอี้ปลายที่นอนกอดเข่าจ้องมาที่ดาวตาไม่กระพริบ ...เป็นเพียงสองสามวินาทีที่เราเห็นเธอคนนั้น วินาทีนั้นความรู้สึกเก่าๆตอนเข้าห้องมาใหม่ๆ วนกลับมาอีกครั้งขนเรานี่ลุกตั้งแต่ปลายเท้าย้อนขึ้นมาจนถึงหัว เรารีบหันกลับมาแล้วหลับตา พยายามหลับให้สนิท เราเข้าใจดาวแล้วทำไมมันไม่ยอมเล่า ทำไมมันแปลกไป ทำไมมันไม่ให้เรานอน คือเข้าใจทุกอย่าง รู้คำตอบแล้ว เราพยายามหลับให้ได้ จนเราเผลอหลับไปตอนใหนไม่รู้

เช้ามาเราถามดาวว่า 'มีอะไรจะเล่าให้กุฟังมั้ย มีอะไรที่ดาวไม่บอกเรามั้ย?' ดาวก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่มีอะไร 'งั้นโอเค ไม่มีแต่กุมี' เราเลยเล่าเรื่องที่เราเจอผู้หญิงคนนั้นเมื่อคืนให้ดาวฟัง ดาวเงียบไปสักพัก แล้วก็หันมาหาเราแล้วก็เล่าทุกอย่างให้เราฟัง ..'มันเริ่มตั้งแต่ 2-3 วันที่แล้ว กุเข้าห้องน้ำแล้วพอกุเปิดประตูห้องน้ำออกมา กูเห็นผู้หญิงนั่งกอดเข่าอยู่หน้าห้องน้ำ แค่แว๊บเดียวนะ แล้วเธอก็หายไป แล้วหลังจากนั้น กุรู้สึกเหมือนเขาเดินตามกุไปทุกที่ ตามไม่เคยห่างจากกุเลย รู้สึกมีคนมองอยู่ตลอดเวลา จนเมื่อคืนกุทนไม่ใหว กุกลัวมากเว่ย จะเป็นประสาทอยู่แล้ว กุไม่ได้นอนมาหลายวันแล้วเนี่ย ขนาดตอนนี้เราคุยกันอยู่ กุยังรู้สึกเหมือนเขานั้งอยู่ข้างหลังกูเลยเนี่ย!' เท่านั้นแหละ กระจ่างเลย ชัดเจน แจ่มแจ้ง...เราสองคนเริ่มเครียด เลยตกลงกันว่าจะบอกพ่อแม่ของเรา ปรึกษากันว่าจะเอายังไงดี จะย้ายห้องมั้ย หรือทำยังไงต่อดี

แม่ของดาวเลยเอาเรื่องนี้ ไปปรึกษาคนทรงที่รู้จักกัน คนทรงท่านนั้นก็เอาวันเดือนปีเกิดของเรากับดาวแล้วก็เลขที่ห้อง ไปดู ท่านก็บอกว่า 'ใช่ห้องนี้มีผู้หญิง เป็นเจ้าที่ เป็นคนที่อยู่มาก่อน ก่อนที่ตึกนี้จะสร้างอีก แรงมาก อยู่ไม่ได้เลย อยู่แล้วจะร้อน ถึงอยู่ได้ก็ไม่นานต้องย้ายออก เขาหวงห้องมาก เป็นที่ของเขา' แม่ดาวก็ถามวิธีแก้มาให้ (เนื่องจากเรายังย้ายออกจากหอไม่ได้ เพราะเรายังอยู่ไม่ครบปี ถ้าย้ายออกเราจะเสียค่าประกันไปสูญเปล่าเลย) ท่านบอกว่า 'ให้ไหว้ผลไม้ 5 ชนิด แป้งน้ำ มองเลยะ จุดธูปคนละดอก เขียนชื่อของเรากับดาว ใส่กระดาษเอาไปวางใต้พระพุทธรูปในห้อง(อารมณ์เหมือนให้ท่านคุ้มครอง) ให้ทำก่อนเที่ยง แล้วทำบุญตักบาตรทุกเช้า อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เขา อย่างน้อยก็ทุกวันพระ ก่อนนอนให้นั้งสมาธิ10นาที สวดอิติปิโสเท่าอายุ แล้วค่อยนอน ให้ทำเป็นประจำ อาจจะทำให้อะไรๆดีขึ้น'
เรากับดาวก็เอาเลยค่ะ ขับรถไปซื้อผลไม้ เตรียมทุกอย่างให้พร้อม เช้าวันถัดมาเรากับดาวนี่ตื่นกันตั้งแต่เช้า เริ่มตั้งแต่ไปตักบาตร แล้วไหว้ทุกอย่างเสร็จสรรพ เชื่อมั้ยคะวันนั้นทั้งวันเราได้กลิ่นแป้งหอม มองเลยะ กันทั้งวัน ทั้งๆที่มันไม่ได้เปิดฝาขวด

แต่ถึงจะไหว้แล้วแต่เราสองคนก็ยังไม่กล้านอนในห้องนั้นตอนกลางคืนอยู่ดี ตรงข้ามหอเรา จะมีร้านกาแฟ แล้วจะมีพี่เจ้าของร้านและเพื่อนๆมานั้งเล่นกีต้ากันแทบทุกคืนและนั้งกันจนเกือบเช้าอยู่แล้ว ด้วยความกลัวเราเลยขอไปนั้งเล่นด้วย (ไม่กล้าขึ้นห้อง) ตอนนั้นก็ประมาณเที่ยงคืนแล้ว พี่ๆเขาก็ถาม 'น้องอยู่ตึกตรงข้ามชั้นห้าใช่มั้ย(ร้านนี้มองขึ้นไปจะเห็นระเบียงห้องเรา) พี่เห็นน้องคนนี้(เรา)บ่อยๆนะ ชอบมานั้งที่ระเบียงกับเพื่อนอีกคนนึง' ดาวก็ถาม 'หนูหรอ' พี่เขาก็ตอบ 'ป่าวๆ อีกคนน่ะ ผมยาวๆ ชอบมานั้งระเบียงกับน้องพลอยแล้วนี่เขาไปใหนอ่ะ ไม่ลงมานั้งด้วยกันละ' เราก็หันหน้ามองกัน เราน่ะชอบไปนั้งเล่นระเบียง แต่ดาวจะไม่เพราะดาวกลัวความสูง ดาวเลยตอบ'พี่ พวกหนูอยู่ห้องนั้นกันแค่สองคน' พี่เขาก็เถียง 'บ้า เมื่อวานพี่ยังเห็นน้องเขาอยู่เลย ยังนั้งอยู่ระเบียงกับพลอยอยู่เลย' เราเลยแบบ พี่หนูมีอะไรจะเล่าให้ฟัง ละเราก็เล่าทุกอย่างให้พวกพี่ๆเขาฟัง รุ่นพี่ในกลุ่มนั้นคนนึงก็เลยบอกให้เราว่า 'เพื่อนพี่ก็เคยอยู่ห้องนั้นนะ อยู่เดือนเดียวแล้วก็ย้ายออกเลย ตอนแรกพี่ก็งง แต่ตอนนี้พี่เข้าใจละ' แล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุยกันไป จนใกล้เช้าก็แยกย้ายกันไป

หลังจากนั้นเราก็ทำตามที่คนทรงเคยบอกให้ทำอย่างเคร่งครัด ก็ไม่เคยโดนหลอกอีกเลย อย่างที่เขาว่ากันละค่ะ ถ้าเจออะไรแบบนี้อย่าไปไล่เขาอย่าไปร้ายกับเขา ให้ทำบุญให้แล้วดีกับเขา แล้วจะอยู่กันอย่างเป็นสุข แต่ทุกวันนี้เราย้ายออกจากห้องนั้นแล้วเพราะครบกำหนดปีนึงแล้ว (ห้องเก่าชั้นสาม 6 เดือน + ห้องชั้นห้า อีก 6 เดือน) ได้เงินประกันคืนแล้ว นี่เป็นเรื่องทั้งหมดที่เราเจอมาค่ะ
ปล.เรื่องทั้งหมดเป็นประสบการณ์จริงที่เราเจอมาจริงๆ เราขอไม่ระบุสถานที่เกิดเหตุใดๆ นะคะ
เครดิต twenty7one

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ