ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เข้าใจแล้วใช่ไหม ทำไมข้าถึงบอกว่าอย่าไปรับเธอ นี่กรุเห็นครั้งที่ 3 แล้วนะ...มันวิ่งมาเกาะหลังรถ!!


เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดไม่ได้เกินขึ้นกับคุณเอกโดยตรงแต่เป็นเรื่องที่เอกได้ฟังมาจากเพื่อนอีกทีหนึ่ง เรื่องมีอยู่ว่า


เอกมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชื่อว่าจิมมี่ จิมมี่นั้นอาศัยอยู่ที่ จ.ระยอง รูปร่างค่อนข้างท้วม อายุประมาณ 30 ต้นๆ มีเหตุการณ์อยู่เหตุการณ์หนึ่ง จิมมี่ได้ไปเที่ยวที่จังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ รวมกลุ่มกับเพื่อนๆไปกัน 3-4 คน โดยที่ทั้งหมดนัดกันเดินทางในเย็นวันศุกร์ จิมมี่เล่าให้ฟังว่า เย็นวันนั้นหลังจากที่จัดกระเป๋า แพ็คของเสร็จเรียบร้อยก็ออกเดินทาง โดยมีจุดหมายปลายทางคือที่จังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ ก่อนที่ทั้งหมดจะมารวมตัวและออกเดินทางได้ก็ปาเข้าไปประมาณ 2 ทุ่มเศษ มีเพื่อนคนหนึ่งอาสาเป็นคนขับรถให้ ส่วนจิมมี่ก็นอนอยู่ด้านข้าง เวลาผ่านไปสักพักหนึ่งจิมมี่ก็ตื่นขึ้นมาแล้วก็ถามกับเพื่อนที่กำลังขับรถอยู่ว่า “ตอนนี้ถึงไหนแล้ว ใกล้จะถึงหรือยัง” เพื่อนคนที่กำลังขับรถอยู่ นั้นก็ตอบกลับไปว่า “ยังเลย อีกไกล เอ็งนอนต่อไปเถอะ” และในขณะที่จิมมีกำลังจะล้มตัวลงนอนนั้น จู่ๆรถก็เบรคดังเอี๊ยด เพื่อนที่เหลืออีก 2 คนที่นั่งเฝ้าของอยู่ที่กระบะหลังถึงกับล้มตึง


จิมมี่เห็นแบบนั้นก็เลยถามกับเพื่อนคนที่ขับว่า “มีอะไรรึเปล่า” คนขับก็บอกว่า “เปล่าเปล่า ไม่มีอะไรหรอก สงสัยเขาคงจะวูบ” จิมมี่ได้ยินแบบนั้น ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก แต่ก็บอกกับเพื่อนที่ขับรถอยู่ว่า “เอางี้ เดี๋ยวเปลี่ยนให้ใครมาขับแทนจะดีกว่าไหม” เพื่อนคนที่ขับอยู่ก็บอกว่า “อย่าเลย ข้าพอไหวอยู่ แต่ว่าขออะไรอย่าง ช่วยนั่งเป็นเพื่อนหน่อยข้ากลัวจะวูบอีก” จิมมี่ก็เลยไม่นอนต่อ อยู่นั่งคุยกับคนขับไปเรื่อยๆ พอขับไปได้สักพักนึงท่าทางของเพื่อนคนขับนั้นก็เปลี่ยนไป จากที่คุยกันอยู่ดีๆ แต่ว่าตอนนี้สีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนไป ไม่ยอมพูด ในตอนนี้เหมือนกับว่าความเงียบได้เข้ามาปกคลุม จิมมี่สังเกตเห็นว่าสีหน้าและก็แววตาของเพื่อนคนขับนั้น ดูจริงจังมากขึ้น ราวกับว่าเพื่อนคนนี้กำลังตั้งใจขับรถอยู่


เส้นทางของถนนค่อยๆวิ่งผ่านไป ทันใดนั้นเอง ข้างหน้าห่างจากรถไกลพอสมควร ก็มีหญิงสาวอยู่ข้างทางขวามือของคนขับ จิมมี่นั้นมองดูแว้บหนึ่ง เป็นผู้หญิงหน้าตาดีใส่เสื้อสีฟ้า กางเกงขายาวรัดรูปสีขาว ยืนโบกไม้โบกมืออยู่ ในตอนนั้นในใจก็คิดว่า ดึกป่านนี้แล้ว ทำไมถึงได้ออกมายืนโบกรถแบบนี้คนเดียว ด้วยความที่เป็นห่วงกลัวจะเกิดอันตรายขึ้น จิมมี่จึงบอกกับคนขับว่า “เห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้า หรือเปล่า มายืนทำอะไรดึกๆดื่นๆ กลัวจะเกิดอันตรายได้ เอ็งลองขับรถเข้าไปใกล้ๆแล้วถามเธอดูดีกว่าว่าจะไปไหน เราจะไปส่ง” แทนพี่เพื่อนคนขับจะขับไปรับหญิงสาวตามที่จิมมี่ว่า เพื่อนคนขับนั้นกลับเร่งเครื่องผ่านหน้าผู้หญิงคนนั้นไป สร้างความแปลกใจให้กับจิมมีไม่น้อย


และก็เหมือนกับว่าเพื่อนคนขับนั้นจะเข้าใจว่าจิมมี่จะพูดอะไรต่อ ก็เลยชิงบอกก่อนว่า “อย่าไปสนใจเลย เชื่อเถอะ อย่าไปสนใจ” จิมมีได้ยินแบบนั้นก็ไม่ค่อยพอใจนัก แต่ว่าก็ไม่อยากทะเลาะกันเรื่องผู้หญิงที่เป็นใครก็ไม่รู้ จึงได้แต่เก็บความไม่พอใจระคนสงสัยนี้เอาไว้ จนกระทั่งรถนั้นวิ่งมาได้สักระยะหนึ่งก็มีสิ่งที่ทำให้จิมมี่ต้องอ้าปากค้าง นั่นก็คือ เบื้องหน้าที่ไฟรถส่องไป มีหญิงสาวในชุดสีฟ้า กางเกงสีขาวคนเดิมยืนอยู่ริมถนน เป็นไปไม่ได้แน่ๆ ก็ตอนที่เจอหญิงสาวคนนี้ก่อนหน้านั้นระยะทางมันก็ผ่านมาเกือบจะ 50 กม. เข้าไปแล้ว ไม่มีทางที่เธอจะโผล่มาตรงจุดนี้ได้ ตอนนี้จิมมี่คิดในใจว่า รู้แล้วว่าทำไมเพื่อนถึงบอกว่าอย่าไปสนใจ ครั้งนี้นั้นเพื่อนคนขับก็เร่งเครื่องหนีอีกตามเคย เท่าที่จิมมี่สังเกตได้ รถนั้นก็น่าจะเหยียบได้ประมาณซักร้อยกว่าเข้าไปแล้ว


พอรถแล่นผ่านหญิงสาวผู้นั้นไป เพื่อนคนขับก็พูดขึ้นว่า “เข้าใจแล้วใช่ไหม ทำไมข้าถึงบอกว่าอย่าไปสนใจ อย่าไปรับเธอ นี่กรุเห็นครั้งที่ 3 แล้วนะ” จิมมี่อุทานออกมาว่า “หมายความว่าไง! ” เพื่อนคนขับจึงตอบว่า “ก็ที่ครั้งแรกเหยียบเบรคจนหัวทิ่มก็เพราะว่า จู่ๆผู้หญิงคนนี้ก็โผล่มาตัดหน้ารถ แล้วก็หายไป

รวมกับที่เจอเมื่อกี้ครั้งนี้ก็ 3 ครั้งพอดี” จิมมี่จึงถามว่า “ก็ไหนบอกว่าวูบไง” เพื่อนคนขับก็เลยบอกว่า “ที่พูดอย่างนั้นเพราะไม่อยากให้ เพื่อนๆกลัว” ระหว่างที่เพื่อนทั้งสองคนกำลังสนทนากันอยู่นั้น กลับกันเพื่อนอีก 2 คนที่กำลังนั่งอยู่ท้ายกระบะก็เคาะกระจกที่กั้นระหว่างคนขับ ดัง ตึ้งตึ้ง!! ตึ้งตึ้ง!! แหกปากร้องโวยวายอะไรสักอย่าง เพื่อนที่เป็นคนขับจึงเหลือบตามองไปที่กระจกส่องหลัง จิมมี่เองนั้นก็หันกลับไปมองตามเพื่อน สิ่งที่เห็นทำให้ทั้งสองคนแทบช็อก นั่นก็คือ หญิงสาวนางนั้นเธอกำลังวิ่งตามรถของพวกเขามา ทั้งๆที่รถในขณะนั้นเหยียบตั้งร้อยกว่า

ไม่มีทางที่คนธรรมดาจะวิ่งทัน แต่ว่าในระหว่างนั้นเธอก็ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยเรื่อยกำลังจะเอื้อมมือมาจับรถได้อยู่แล้ว เพื่อนที่นั่งอยู่ท้ายรถตัดสินใจ หยิบของที่อยู่ท้ายรถกระบะปาเข้าใส่ร่างของหญิงสาวคนนั้น แต่ก็ไม่ได้ผลหญิงสาวคนนั้นกำลังวิ่งเข้าใกล้ตัวรถขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับลักษณะ ที่เธอพยายามจะเอามือมาจับรถเอาไว้ และก่อนที่หญิงสาวคนนั้นจะมาถึงตัวรถแค่นิดเดียว จิมมี่จึงตัดสินใจตะโกนบอกออกไปว่า “มีอะไรให้ช่วย ก็บอก แต่อย่ามาหลอกอย่างนี้เลย พวกเรากลัว ถ้าอยากได้บุญจะทำไปให้”สิ้นเสียงตะโกนของจิมมี่ ร่างของหญิงสาวก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาทุกคน ผู้โดยสารทั้ง 4 คนทั้งรถนั้นต่างก็โล่งอก


ที่เธอหายไปแล้ว วันรุ่งขึ้นก็ได้รีบไปทำบุญให้ตามที่ได้พูดออกไป โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอคนนั้นเป็นใคร เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้…



เครดิต : กระทู้พันทิป The Shock Story 2013 หลายเรื่อง สำหรับอ่าน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...