ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

หุ่นโชว์เสื้อสยอง...เมื่อต้องนอนกับหุ่น10ตัว ความหลอนจึงเกิดขึ้น


รินทร์ไม่ชอบพวกมันสักนิด หุ่นโชว์เสื้อ 10 ตัวถูกย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเธอราวกับเป็นเจ้าของใหม่ ใบหน้าแต่ละตัวยิ้มแย้มแต่ก็วอนโดนตบไม่ใช่น้อย พวกมันคือเศษซากที่หลงเหลือจากร้านตัดชุดสตรีที่เจ๊งไปตามกาลเวลาของแม่

“ทำไมแม่ไม่ขายต่อล่ะ” “มันขายไม่ได้น่ะลูก แม่ขอฝากไว้สักพัก” “สักพักของแม่มันนานแค่ไหน บ้านหนูไม่ใช่ที่เก็บขยะของแม่นะ!” รินทร์จ้องสีหน้าลำบากใจและหดหู่ของแม่อย่างไม่คิดสงสาร เธอยังแค้นไม่หายที่แม่ไล่ตะเพิดเธอออกจากบ้านตอนม.3เพราะสามีใหม่แม่ไม่ชอบเธอ พอเธอได้ดีแม่ก็มักมาขอเงินอยู่เรื่อย เธอยินดีให้เงินในฐานะลูกกตัญญูแต่เธอไม่ได้ยอมทุกอย่าง “หนูให้เวลาแม่ 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นถ้าแม่ไม่มาเอาหนูจะให้เทศบาลมาขนหุ่นน่าเกลียดพวกนี้ไปทิ้งให้หมด!”

นี่เป็นคืนแรกที่รินทร์นั่งกินข้าวโดยมีเพื่อนไร้ชีวิตอยู่ด้วย 10 ตัว แม้จะรู้ว่าพวกมันคงไม่เดินมาขอข้าวกิน แต่เธอก็อดระแวงไม่ได้ เธอเคยได้ยินตำนานผีญี่ปุ่นเล่าว่าสิ่งของที่มีอายุมากๆหลายสิบปีมักจะเกิดวิญญาณขึ้นมาได้เองและมีชีวิตจิตใจ ในหมู่พวกมันหุ่นที่เธอเหม็นขี้หน้าที่สุดเธอตั้งชื่อมันว่าอีสูง เพราะเป็นหุ่นที่สูงที่สุดที่ยืนอยู่หน้าหุ่นตัวอื่น มีรอยยิ้มกวนบาทาอย่างเหลือเชื่อ เธอเหลือบไปมองอีสูงจู่ๆก็รู้สึกกลัว ในเงามืดเธอคิดว่าอีสูงกำลังยิ้มให้เธอโดยเฉพาะ จะบ้าเหรอ หุ่นจะยิ้มได้ยังไง เธอปลอบใจตัวเอง พลางนึกเสียดายที่นนท์แฟนเธอซึ่งกู้ซื้อบ้านหลังนี้ร่วมกันไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดหลายวัน เธอปิดโทรทัศน์เก็บจานแล้วเข้าห้องนอนโดยไม่อาจเห็นว่า แอ๊ดดด หุ่นอีสูงค่อยๆบิดคอมองตามหลังเธอช้าๆ

กลางดึกรินทร์สะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าสี่ห้าคู่ ไม่สิ อาจเป็นสิบคู่กำลังเดินอยู่ภายในบ้าน ตึกๆๆๆๆ หากแต่เสียงนั้นฟังเหมือนเสียงแท่งแข็งๆกระแทกพื้นมากกว่าเสียงเดิน ถ้าเป็นโจรมันคงจะไม่แห่กันมาเยอะขนาดนี้ นอกเสียจากหุ่นโชว์เสื้อ 10 ตัวนั้นมีชีวิต! ไม่ เป็นไปไม่ได้ เธอสะบัดหัวแล้วหยิบไม้หน้าสามที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงปีนออกทางหน้าต่าง เธอยังคงได้ยินเสียงกระแทกประหลาดดังลั่นบ้าน ถ้ามันเป็นคนเธอจะฟาด ถ้ามันเป็นผีเธอก็จะฟาด เธอใช้กุญแจไขประตูบ้านเปิดออกแล้วเปิดไฟทันที พรึ่บ!

“ไม่มีใครเลย...” รินทร์กวาดสายตามองทั่วบ้าน หุ่นโชว์เสื้อทั้ง 10 ตัวยังคงยืนอยู่ตำแหน่งเดิมอย่างไม่ผิดเพี้ยน หรือเธอจะหูแว่ว? ไม่ เป็นไปไม่ได้ แต่บนพื้นไม่มีเศษดินหรือรอยเท้าว่ามีคนลอบเข้ามา เธอมองหน้าอีสูงแต่มันก็เชิดหน้าราวกับไม่สนใจเธอ เธอกลับเข้าห้องนอนด้วยความสงสัย คืนต่อมาเธอเอากล้องอัดวีดีโอตั้งไว้บนตู้ ผ่านคืนที่สองไปอย่างไม่มีอะไรทั้งสิ้น เช้าวันที่สามเธอโทรไปหาแม่ “แม่ หนูเปลี่ยนใจแล้ว พรุ่งนี้แม่ต้องมาเอาหุ่นพวกนี้ ไม่งั้นหนูจะขนไปทิ้งให้หมด” เธอมองหุ่นทั้ง 10 ตัว รู้สึกถึงความโกรธที่แผ่รังสีอำมหิตออกมาโดยเฉพาะจากอีสูง แต่เธอบอกตัวเองว่าเธอแค่คิดไปเองเท่านั้น

คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่รินทร์จะต้องนอนกับอีหุ่นอัปรีย์ทั้ง 10 ตัว เธอสบายใจมาก แต่แล้ว... ตึกๆๆๆๆๆ เสียงเดินปริศนาก็ดังขึ้นอีกครั้ง เธอลุกนั่งปาดเหงื่อที่ไหลออกมาทั้งที่แอร์เย็นเฉียบ คว้าไม้หน้าสามแล้วเปิดประตูห้องนอนออกไป “กรี๊ดดดด!” เธออ้าปากค้างเมื่อหุ่นโชว์เสื้อทั้ง 10 ตัวกำลังเดินไปมาในบ้านราวกับนางแบบบนแคทวอล์ค เชิดหน้าคิดว่าตัวเองสวย ระหว่างเดินก็ได้ยินเสียงข้อต่อหุ่นลั่นเอี๊ยดอ๊าดเสียดแก้วหู อีสูงหมุนคอมายิ้มให้เธออย่างน่ากลัว มันยกแขนแข็งๆชี้มาที่เธอ แล้วหุ่นอีก 9 ตัวก็เดินเข้ามาหาเธอราวกับปีศาจที่ใบหน้าไร้ความรู้สึก “อีหุ่นบ้าไปให้พ้น!” เธอเหวี่ยงแขนสุดแรงฟาดหุ่นที่เข้ามาใกล้ที่สุด หัวหุ่นกระเด็นไปกระแทกผนังแต่มันกลับไม่หยุดเดิน หุ่นตัวอื่นช่วยกันจับตัวเธอไว้ แต่เธอดิ้นสุดแรงแล้ววิ่งหนีเข้าไปในห้องนอนล็อคประตู เธอจะกระโดดออกทางหน้าต่างแต่มีหุ่น 2 ตัวมาเกาะกระจกข้างนอกไว้แล้ว

“นนท์ ช่วยฉันด้วย!” รินทร์โทรหานนท์แฟนหนุ่มที่ตอนนี้ไปสัมมนาอยู่ห่างไปหลายร้อยกิโลเมตรด้วยเสียงตื่นตระหนก “รินทร์เกิดอะไรขึ้น?” “หุ่นโชว์เสื้อ ผีหุ่นโชว์เสื้อ แม่เอามาฝากฉันไว้ 10 ตัว พวกมันลุกขึ้นมาเดินเองได้ มันอยู่นอกห้องนอน มันจะฆ่าฉัน คุณรีบกลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้เลยนะคะ” “รินทร์คุณพูดเรื่องหุ่นอะไร โอเค คุณทำใจดีๆไว้นะผมจะออกจากโรงแรมกลับไปบ้านเดี๋ยวนี้เลย” ไม่ทันได้ตอบจู่ๆสัญญาณโทรศัพท์ก็ขาดหายอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เธอมองประตู พวกมันช่วยกันทุบประตูปังๆๆๆๆ เธอตะโกนสุดเสียง “ใครก็ได้ช่วยด้วย!” แต่น่าแปลกที่เพื่อนบ้านไม่มีใครได้ยินเสียงเธอเลย ในที่สุด โครม! พวกหุ่นนรกพังประตูเข้ามาได้สำเร็จ พวกมันกรูกันเข้ามาจับเธอกดไว้กับเตียง อีสูงขึ้นคร่อมบีบคอเธอ เวลานี้เธอถึงได้เห็นชัดๆว่า อีสูงมันกำลังมองเธอด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว หุ่นตัวอื่นๆก็เช่นกัน เธอหายใจไม่ออกแต่ยังพยายามพูด “แค่ก.. อย่าฆ่าฉันเลย ฉันยอมให้พวกเธออยู่บ้านหลังนี้ต่อไปก็ได้” อีสูงเปลี่ยนจากสีหน้าโกรธเป็นยิ้มสยอง แต่ไม่ได้ลดแรงบีบที่คอเธอ หญิงสาวค่อยๆสิ้นสติไปทีละนิด ถ้านี่เป็นฝันร้ายก็ขอให้มันรีบจบเสียทีเถอะ

รินทร์ได้สติเมื่อแสงอรุณมาเยือนพร้อมกับเสียงของนนท์คนรักที่เธอรอคอยเขามาช่วย “รินทร์คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมหุ่นกองเต็มห้องนอนแบบนี้?” เธอขยับตัวไม่ได้ ทั้งที่อยากตอบเขาว่าเธอไม่เป็นไร แต่เอ๊ะ ทำไมนนท์ไปช่วยผู้หญิงคนนั้นล่ะ? ใครขึ้นมานอนบนเตียงฉัน? ไม่สิ นั่นมันร่างกายของฉัน แล้วฉันตอนนี้คืออะไรกัน “ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาลเอาไหม?” “ไม่เป็นไรค่ะ” รินทร์ตัวปลอมที่อยู่บนเตียงตอบ “ฉันดีขึ้นมากแล้วแค่เครียดนิดหน่อย คุณช่วยฉันขนหุ่นพวกนี้ไปทิ้งไว้หน้าบ้านก็พอ” รินทร์ตัวจริงพยายามก้มมองดูตัวเองแต่ทำไม่ได้เพราะลำคอแข็งทื่อ ที่แท้ตอนนี้เธอกลายเป็นหุ่นโชว์เสื้อ เธอกลายเป็นอีสูงไปแล้ว!

ผ่านไปหลายชั่วโมง แม่ให้คนงานมาขนหุ่นโชว์เสื้อแต่ละตัวขึ้นรถบรรทุกคันใหญ่ รินทร์อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาสักหยด ได้แต่พูดในใจ “แม่จ๋า วิญญาณหนูถูกขังอยู่ในหุ่นตัวนี้ แม่ช่วยหนูด้วย” เธอหันไปมองผีอีสูงที่ตอนนี้สิงอยู่ในร่างเธอ มันกำลังหอมแก้มนนท์ก่อนหันมายิ้มเยาะเย้ยเธอ “ไอ้หุ่นบ้า มึงคืนร่างกูมาเดี๋ยวนี้ นั่นนนท์แฟนกูมึงไม่มีสิทธิ์ไปหอมแก้ม” แต่มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย “แม่จะเอามันไปทำอะไรต่อเหรอคะ?” ผีอีสูงถามแม่เธอ “อ๋อ มีศิลปินเขาซื้อไปแยกชิ้นส่วนทำงานศิลปะจ้ะลูก ช่างมันเถอะ ไหนๆก็อยู่พร้อมหน้ากัน 3 คนแล้วเรามากินข้าวด้วยกันดีกว่าเนอะ” รินทร์มองอีสูงในร่างเธอหันมาแลบลิ้นใส่เธอก่อนโอบเอวนนท์ด้วยความรักใคร่ ตามด้วยแม่ที่ปิดประตูทิ้งท้าย เธอค่อยๆเคลื่อนห่างออกไปบนหลังรถบรรทุก ฝนตกลงมาเบาบางรดแก้มเธอราวกับน้ำตาที่เธอต้องสูญเสียทุกอย่าง เธออยากร้องไห้แต่ทำไม่ได้ อยากตะโกนแต่ทำไม่ได้ เธอมองดูบ้านที่เธอจะไม่มีวันได้กลับมาอีกจนมันลับหายไปจากสายตา...ขอบคุณ เรื่องผีที่คุณต้องอ่าน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ