ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เจอดีที่ทางเปลี่ยว นึกว่าผีจะวิ่งตัดหน้า ที่ไหนได้ กระโดดขึ้นมาซ้อนบนรถแทน!!


ผมเคยเจอผีข้างทางครับ(คนที่ชอบไปไหนคนเดียวตอนกลางคืนอ่านไว้นะ)...สวัสดีครับ เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริงที่ผมได้เจอด้วยตัวเองครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 4 ปีที่เเล้ว ตอนนั้นผมอยู่ ม.4 ณ โรงเรียนเเห่งหนึ่งโคราชครับ ช่วงนั้นเป็นช่วงเตรียมตัวจัดงานกีฬาสี (เเต่กลุ่มผมไม่ได้ช่วยทำอะไรเลย)  


พอเวลาผ่านไปเหลืออีก1วัน ก่อนจะถึงวันงาน เพื่อนเก่าของผมมาชวนผมไปกินเนื้อย่างบุฟเฟ่ที่นึงครับ ตอนเเรกผมว่าจะไม่ไป เพราะ รู้สึกไม่ค่อยอยากไป เเต่ถ้าไม่ไปเดี๋ยวจะโดนโวยอีก...อีกอย่างมันนัดเพื่อน ม.ต้นมาหมดด้วย ผมเลยต้องจำใจไปครับ พอไปถึงร้าน พวกผมกับเพื่อนๆก็กินเนื้อย่างเเล้วนั่งคุยกันด้วยความคิดถึง ก็ดูไม่มีอะไร เเต่พอจะกลับบ้าน เพื่อนผมคนนึงชวนผมกับเพื่อนอีกคนนึงไปเล่นที่บ้านมัน เพราะเราต้องไปโรงเรียนกันประมาณตี4-5ครับ ตอนนั้นก็ดึกเเล้วด้วย มันเลยบอก "เนี่ยไปเล่นไพ่ นอนดูหนังบ้านกูไป๊ จะได้ไปโรงเรียนเลยไม่ต้องนอน เดี๊ยวกูให้พ่อขับรถไปส่ง" เเต่ผมต้องไปส่งเพื่อนอีก2คนครับ (ตอนนั้นยังเด็กไม่ค่อยมีรถกัน) พอเช็คบิลเสร็จ ผมเลยขอยืมโทรศัพท์เพื่อนที่จะไปบ้าน (โทรศัพท์ผมพัง) เพื่อนบอกว่าจะไปจัดที่ไว้ให้ขี้เกียจไปกับผม ส่วนผมไปส่งเพื่อนอีก2คนกลับบ้าน...


สรุปผมต้องขี่รถไปบ้านเพื่อนคนเดียว พอไปส่งเพื่อนเสร็จ ผมไปซื้อไพ่ต่อที่เซเว่นครับ (ชวนไปเล่นไพ่เเต่ไม่มีไพ่ เจริญ) ระหว่างทางที่ไปบ้านเพื่อน บ้านเพื่อนของผมค่อนข้างไกล ทางไปท่าช้างครับ (ใครอยู่โคราชพอจะเดาทางออก) เป็นถนนใหญ่ ข้างทางก็พอมีบ้าน เเต่น้อยครับ บิดไปเกือบ100 เพราะอยากถึงบ้านเพื่อนไวๆ จนไปถึงทางตรงยาวครับ  ผมขี่รถไปแบบไม่ได้คิดอะไร ร้องเพลงไปด้วยขี่ไปด้วย ระหว่างที่กำลังขับอยู่ ผมก็ต้องตกใจ ไฟเกาะกลางถนนประมาณ10กว่าดวงข้างหน้าผมดับพรึ่บบบ!!! ดับเเค่ช่วงนั้นซะด้วย เเต่ตรงผมกับหลังจากช่วงนั้นติดครับ ใจก็เริ่มกลัวนิดๆ เเต่พยายามไม่คิด ยังไม่ทันไร ผมมองเห็น ผญ ครับ เธอยืนอยู่ข้างถนน(เเต่ยังไม่ขึ้นถนนมานะ) เขายืนอยู่ตรงข้ามกับเสาไฟเเรกที่ดับ เเต่เขามองไปทางเสาไฟเเรกนะ คิดในใจว่าคนรึเปล่าว่ะ เพราะมันมืดครับ บวกกับเธอใส่ชุดสีดำด้วย มองไม่ค่อยชัด


เเต่ผมก็ขี่ผ่านเธอมาได้ครับ ผมมองกระจกหลัง เค้าก็ยังหันหน้าไปทางเสาไฟอยู่ พอ ผมกลับมามองทางอีกที ผมเห็น เธอมายืนอยู่ บนถนนเเล้วครับ(เเต่ยืนอยู่ริมๆ) พอผ่านเธอไปได้ ผมรีบมองกระจกหลัง ทีนี้ เธอมองตามผม เเต่ผมปิดหน้าเเล้วก็มืดเลยไม่รู้ว่าน่าตาเป็นยังไง ผมเริ่มไม่เเน่ใจเเล้ว ว่าเค้าใช่..คนรึเปล่า ผมได้เเต่รีบบิดหนีด้วยความกลัว เเต่ไม่ทันเสียเเล้ว ครั้งนี้ เธอ มายืนกลางถนนเลยครับ ผมเลยชิดซ้ายเเล้วหลับตารีบขับหนี อีกนิดเดียวก็จะหลุดจากช่วงที่ไฟดับเเล้ว ผมผ่านเธอมาได้ ผมกลับไปมองกระจกข้างอีกรอบนึง.....เห็นเธอกำลังค่อยหมุนตัวกลับมาทางผม ผมเพิ่งสังเกตเห็น ว่าขาเธอหัก หักแบบไม่เป็นท่าเลย เธอพยายามที่จะหันตัวมาทางผม ผมรีบกลับมามองทาง เเต่ เธอ มาอยุ่ตรงหน้าผมเเล้วครับ  ผมเหยียบเบรคสุดชีวิต(ผมติดนิสัยไม่ชอบเบรคมือครับ)เเต่ไม่ทัน.....ผมชนเธอเข้าเสียเเล้ว ผมมาจอดตรงไฟดวงที่ดับดวงสุดท้ายพอดี ผมหายใจถี่พร้อมกับตกใจ ยืนค้างซักพัก ผมก็หันกลับไปมอง.....ในความมืด ไม่เห็นมีอะไรเลย เดี๊ยวมาต่อครับ นึกถึงทีไร ใจไม่ดีทุกที


ตอนนั้นอึ้งมาก ทำอะไรไม่ถูก สรุป เมื่อกี๊ชนอะไรกันเเน่ ผมตัดสินใจที่จะมองกลับไปข้างหลัง ในนั้นมันมืด มองอะไรไม่เห็น ผมคงต้องเดินลงดูใกล้.....เปลี่ยนใจ ยืนมองตรงนี้หล่ะ ผมมองอยู่นาน สายตาเริ่มชินกับความมืด ก็ไม่มีอะไร หรือผมคิดไปเอง เเต่ดีเเล้วที่มันมืด ถ้าไฟติดเเล้วเห็นชัดๆนี่คงเเย่ พูดไม่ทันจะขาดคำ ไฟที่ดับติดพร้อมกันครับ คิดในใจ กูโดนเเน่ๆ เเต่มันก็ไม่มีอะไร ผมพยายามมองดูดีๆ เผื่อว่าผมจะขับชนคน เเต่ดูดีเเล้วก็ไม่มี เลยไปขึ้นรถ เเล้วขับต่อไป ขับไปได้ไม่เท่าไร ไฟช่วงนั้นก็ดับ พร้อมกับ เสียงดังตุ๊บ มันเป็นเสียงเหมือนคนกระโดดขึ้นเบาะหลังครับ มันยวบลงไปเลย ผมรู้สึกได้ ผมเหลือบไปมองกระจกหลัง เเต่มันก็ไม่เห็นอะไร 


โล่งสุดๆ ดีใจยังไม่ทันไร ผมเห็นผมของ ผู้หญิง ปลิวไปตามลม เอ่าหล่ะ ผมโดนเเน่ ผม มองทาง พยายามไม่มอง เเต่เพื่อความเเน่ใจ เลยเหลือบไปมองกระจกใหม่ ก็เห็นเหมือนเดิม คราวนี้ตาไม่ฝาดเเน่ๆ ระหว่างที่กำลังอึ้ง เธอยื่นหน้ามาให้เห็นเลยครับ เธอหน้าซีกนึงเละ ตากับหน้าซีกที่เละ รวมกัน ผมก็เข้าไปเเทรกตามเนื้อหน้า เลือดไม่ต้องพูดถึง พร้อมกับ กระตุกเเละมีเสียงเบาๆว่า ฮิ...ฮิ ผมขยับตัวไม่ได้เลย อยากจะเห็นหน้าหนีเเต่มันอึ้งจนขบับไม่ได้เเล้ว คนที่เคยเจอผีจะๆ จะรู้เลยครับว่า 1 นาทีเหมือนเป็น ชั่วโมง  พอเริ่มขยับตัวได้ ผมไปก็จอดรถ เเล้ววิ่งสุดชีวิต ตอนนั้นนั่งร้องไห้เลยครับ กลัวไม่รู้จะกลัวยังไง เเต่เธอก็ยังนั่งอยู่เบาะหลังนะ กระตุกเเรงขึ้นเรื่อยๆด้วย ผมนึกได้ว่าเพื่อนให้ยืมโทรศัพท์ ผมโทรไปขอให้เพื่อนมารับ เพราะไม่ไหวเเล้ว ใกล้ถึงเเล้วด้วย เเต่เพื่อนบอกว่า พ่อไม่ให้ออกไป เพื่อนก็ถามเป็นอะไร เหมือนเธอจะรู้ เธอเห็นมามองผมเลยครับพร้อมสายตา ประมานว่าไม่รอดหรอก


ตอนนั้นโกดเพื่อน โกดเพื่อนที่ให้ไปส่ง โกดผีด้วย คิดว่ากูไปทำอะไรให้ว่ะ มาหลอกกูทำไม ผมฉุนขาดจะเดินไปด่าไปเเช่งเเม่ม เเต่พอเดินใกล้ถึงเธอ เธอก็หายไป ผมอึ้งเข้าไปใหญ่ ผมรีบขับรถต่อ ใช้สูตรเด็กเเว้นเลยครับ เอาตูดไว้เบาะหลังคิดว่าผี นั่งไม่ได้เเน่นอน พอยูเทินต้องเข้าไปในซอยอีก ซอยข้างๆเป็นป่าน่ากลัวมากบ้านก็ไม่ค่อยจะมี พอถึงหน้าบ้าน มีหมา 4-5 ตัวออกมาเห่า ผมก็รีบโทรบอกให้เพื่อนออกมา เพื่อนบอกว่าออกมารอนานเเล้ว สรุปผมไปผิดบ้าน บ้านเพื่อนต้องตรงไปอีกหลัง ผมรีบจะเดินไปขึ้นรถ เเต่สิ่งที่ผมเห็นผมไม่กล้าขึ้นเลย เพราะหมาพวกนั้นมันไม่ได้เห่าผม มันเห่าเบาะหลังผม เเต่ไม่มีคนนั่งผมวิ่งไปบ้านเพื่อน เเล้วก็ใช้ให้เพื่อนมันไปขี่มาให้ 


ผมเล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟัง เเต่เพื่อนต่างก็เงียบไม่พูดอะไร คืนนั้นหมาบ้านเพื่อนมันเห่าเบาะหลังผมทั้งคืนเลยครับ คนที่ชอบไปไหนคนเดียวก็ระวังนะครับ


ขอบคุณ : https://pantip.com/topic/33759310

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ