เรื่องนี้ผมได้ฟังมาจากรุ่นพี่และอาจารย์ในสาขาของผม ในตึก 2ชั้นบนสุดของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ จะมีห้องที่เป็นสตูดิโออยู่ ซึ่งเอาไว้ใช้ทำงานและบางครั้งก็เป็นที่รวมตัวๆของเด็กๆนักศึกษาเพื่อพบปะคุยกันตามภาษาเด็กๆ และมีห้องพักอาจารย์อยู่ติดๆกันอีกด้วย แต่ในช่วงแรกของการเปิดใช้ห้องนี้ มีเรื่องเล่าแปลกๆเกิดขึ้นกับรุ่นพี่และอาจารย์ที่ทำงานอยู่บนชั้นนี้ เพราะช่วงนั้นยังไม่มีกฏ”ห้ามใช้ห้องนี้เกินเวลา 1ทุ่ม” และก่อนที่อาจารย์จะกลับบ้านทุกครั้งถ้ายังมีเด็กๆนั่งอยู่ในห้อง ก็จะถูกเตือนทุกครั้งว่า “อย่าเกิน 1ทุ่มนะ” ไม่แน่ใจว่าเป็นการเตือนเพราะเป็นกฏของมหาลัย หรือ เป็นการเตือนเพราะเป็นห่วงว่าพวกผมจะเจออะไรกันแน่ หึหึ
เรื่องเล่าที่ผมได้ยินครั้งแรกนั้นคือรุ่นพี่ของผม ต้องอยู่ทำงานที่นั่นกันจนดึก เวลาน่าจะประมาณ 3ทุ่ม ที่นั่นจะมีคอมพิวเตอร์ไว้ให้นักศึกษาได้ทำงานกัน พวกเขาอยู่ทำงานกันมาตั้งแต่เย็น และอยู่ดีๆก็มีลุ่นพี่คนหนึ่งมีอาการแปลกๆ อยากรีบกลับขึ้นมาเฉยๆ เขารีบเร่งให้เพื่อนๆทำงานและถามอยู่ตลอดเลยว่าจะกลับได้หรือยัง จนทุกคนรีบเร่งและลงมาข้างล่างตึกกัน ทุกครั้งที่ลงมาจากตึก พวกเขาก็จะแวะมาสูบบุหรี่และคุยกันที่หน้าตึกเป็นประจำ แต่วันนี้รุ่นพี่คนนั้นก็มีท่าทีที่ลุกลี้ลุกลน บอกให้เพื่อนๆรีบกลับบ้านกัน จนทุกคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่กำลังเดินออกจากมหาลัย มีรุ่นพี่อีกคนถามขึ้นมาว่า “มึงเป็นอะไรวะ รีบกลับจังตั้งแต่ข้างบนแล้วนะ งานเสร็จแล้วหรอ” แต่ได้คำตอบกลับมาว่า เดี๋ยวกูเล่าให้ฟังที่ร้านข้าว
พอมาถึงร้านอาหาร เรื่องก็ถูกเผยออกมาว่า ในขณะที่กำลังทำงานกันอยู่ ด้วยความจดจ่อกับการตัดต่อ เขาใส่หูฟังอยู่แต่มีเสียงแปลกๆดังขึ้นตอนแรกก็นึกว่าเป็นเสียงจากในวีดีโอที่ถ่ายมา แต่ฟังดูดีๆ มันมาจากนอกหูฟัง เขาเลยถอดหูฟังออกมาและพยายามฟังว่ามันคือเสียงอะไร และมันก็ชัดขึ้น แต่ฟังไม่รู้เรื่อง เสียงนั้นดังมาจากข้างหลังเขา แต่ ตอนนั้นเขานั่งหันหลังพิงกำแพง เสียงยังดังอยู่แต่ดูเหมือนว่าคนอื่นจะไม่ได้ยิน เขาเลยเร่งให้เพื่อนออกมาจากตรงนั้นกัน เพราะเขาไม่รู้ว่าเสียงนั้นคืออะไร แต่ที่แน่ๆ เป็นเสียงผู้ชายพูดงึมงำๆเป็นภาษาแปลกๆ ทุกคนถึงกับขนลุก เริ่มหลอนและไม่ค่อยกล้าจะอยู่ทำงานกันจนดึกอีก ถ้าไม่จำเป็น
เรื่องที่ 2นั้นเป็นเรื่องที่อาจารย์ของผมเจอในขณะที่อาจารย์นั่งทำงานอยู่ ด้วยความจดจ่อกับงานและเพ่งแต่หน้าจอคอม หางตาของอาจารย์ก็เริ่มเห็นอะไรแปลกๆ เก้าอี้ของโต๊ะข้างๆ มันค่อยๆหมุน แล้วหมุนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ราวกับว่ามีคนนั่งและกำลังหันมาหาทางอาจารย์อย่างช้าๆ อาจารย์บอกว่าตอนนั้นรีบเก็บของและลงมาจากตึกเลยทีเดียว และเรื่องราวก็เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ มีเสียงคนเดินตรงโถงทางเดิน นึกว่าเพื่อนเปิดไปดูก็ไม่มีใครอยู่เลย เสียงชักโครกที่ดังมาจากห้องน้ำทั้งๆที่ไม่มีใครไปเข้าห้องน้ำ และเก้าอีกที่เลื่อนเองราวกับว่าตึกเอียง จนทุกคนเรียกผีตนนี้ว่า “ลุง”
แต่แล้วก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งไปถามป้าแม่บ้านที่อยู่ตึกนี้ เลยได้เรื่องมาว่า ก่อนที่เขาจะทำเป็นห้องนั้น มันเป็นชั้นโล่งๆ ไม่มีอะไร แต่ว่ามีศาลอะไรก็ไม่รู้ตั้งอยู่บนนั้น แต่ป้าก็ไม่รู้ว่ามาตั้งไว้ทำไม และตั้งมาตั้งแต่เมื่อไหร่ จนพอจะสร้างเป็นห้องก็ได้รื้อศาลออก และทำเป็นห้องให้พวกเราทำงานอย่างทุกวันนี้
บอกไว้ก่อนเลยว่าตอนนี้ผมจบมาจากที่นั่นแล้ว ถ้าเกิดว่าตอนนี้มีรุ่นน้องหรือใครที่เคยไปที่นั่นได้เขามาอ่านแล้วละก็ น่าจะรู้ว่าคือที่ไหน ถ้ามีเรื่องราวอะไรเพิ่มเติมละก็ ส่งมาเล่าสู่กันฟังที่เพจของเราได้นะ เรารอฟังอยู่ หึหึ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น