ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

“เอ็งออกไปเดี๋ยวนี้เลย เข้ามาในสวนของข้าทำไม”...เมื่อGPSนำทางไปเจอผี


เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อสองปีที่ผ่านมา คุณเพชรมีเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กอยู่สองคน ชื่อคุณเอกับคุณเดี่ยว เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว คุณพ่อของคุณเอได้เสียชีวิต และจัดงานศพที่บ้าน ซึ่งอยู่คนละอำเภอกับคุณเพชรและคุณเดี่ยว


คุณเพชรและคุณเดี่ยวจึงเดินทางไปบ้านคุณเอโดยที่ไม่รู้จักเส้นทางมาก่อน แต่คุณเอก็ได้บอกทางไว้คร่าวๆ คุณเพชรจึงขับรถไปตามทางที่คุณเอบอก โดยมีคุณเดี่ยวนั่งมาด้วย จนไปถึงจุดหนึ่งที่คุณเพชรชักเริ่มไม่มั่นใจ จึงได้ให้คุณเดี่ยวเปิดจีพีเอสในโทรศัพท์ดู และตามจีพีเอสไป เป็นถนนใหญ่หลายเลน สักพักจีพีเอสพาเข้าไปในซอยเล็กๆ เป็นถนนลูกรัง ไม่มีไฟ สองข้างทางจะเป็นสวนอ้อยที่เก็บเกี่ยวแล้ว จึงเห็นเป็นลานโล่งกว้าง


คุณเพชขับรถเข้าไปได้ระยะนึง ประมาณสิบนาที เจอทางสามแยกตัววาย จีพีเอสบอกให้เลี้ยวไปทางซ้าย คุณเพชรจึงได้เลี้ยวซ้าย แล้วตรงเข้าไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอสามแยกอีกที มีต้นจามจุรีใหญ่ๆอยู่ตรงทางแยก กิ่งก้านแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ จีพีเอสก็ยังบอกให้เลี้ยวซ้ายเหมือนเดิม ขับไปได้สักระยะ ก็ไปเจอเข้ากับโรงงานอะไรสักอย่าง ดูเก่าๆโทรมๆ ใหญ่มาก อยู่ทางด้านซ้ายมือ เลยโรงงานไปหน่อยนึง จะเป็นดงอ้อยสูงท่วมหัวทั้งสองข้างทาง มีซอยอยู่ทางซ้ายมือ เป็นซ้อยเล็กๆที่รถผ่านเข้าออกได้แค่คันเดียว


จีพีเอสบอกให้เข้าไปในซอยนั้น คุณเพชรและคุณเดี่ยวที่ไม่รู้ทาง จึงจำเป็นต้องตามจีพีเอสไปเรื่อยๆ ตอนนั้นเวลาประมาณหกโมงเย็น ท้องฟ้าชักเริ่มมืดลงทุกที คุณเพชรขับตรงเข้าไปเรื่อยๆ ส่วนถนนก็ชักจะแคบลงที่ละนิด จนด้านข้างของตัวรถชนกับใบอ้อยส่งเสียง “แกร่งๆๆๆ” ไปตลอดทาง คุณเพชรขับรถเข้าไปได้ไม่นาน มีลุงแก่ๆคนนึง ผิวคล้ำๆ เดินถือมีดยาวออกมาจากดงอ้อยข้างทาง คุณเพชรต้องหยุดรถจนตัวโก่ง ลุงคนนั้นเอามีดชี้หน้า แล้วบอกว่า “เอ็งออกไปเดี๋ยวนี้เลย เข้ามาในสวนของข้าทำไม”


คุณเพชรตกใจมาก จึงได้ถอยรถยาวออกมา แล้วสบถคำหยาบแบบอารมณ์เสียอยู่ในรถ จนออกมาจากซอยแคบๆได้ จึงคิดว่าจะขับรถกลับไปทางเดิมก่อน ระหว่างทางก็บ่นให้เพื่อนฟังไปเรื่อยๆ เพราะยังฉุนไม่หาย จนกลับมาถึงสามแยกที่มีต้นจามจุรี ปรากฏว่าเห็นลุงแก่ๆคนที่ถือมีด นั่งอยู่บนต้นจามจุรี ลักษณะตอนแรกที่เห็นเป็นคนผิวคล้ำๆ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนตัวซีดขาวเหมือนไม่มีเลือด ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความโกรธ จ้องหน้าคุณเพชรเขม่น


คุณเพชรใจหายวูบ สั่นไปทั้งตัวเพราะความกลัววิ่งกระจายไปทั่วร่างกาย นึกในใจว่า อย่ากระโดดลงมานะ พอขับรถใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ลุงที่นั่งอยู่บนต้นไม้ทำท่าจะกระโดดลงมาใส่ คุณเพชรตกใจจนเหยียบคันเร่งมิด จนรถพุ่งออกไปข้างหน้า ใจเต้นตึบๆอยู่ตลอดเวลา พยายามมองกระจกหลัง แต่ก็ไม่เห็นสิ่งใดตามหลังมา มีแต่ความมืดที่เกาะอยู่ทั่วบริเวณ จนมาถึงทางสามแยกตัววาย แต่ด้วยความที่ยังตกใจต่อเหตุการณ์ที่เจอ จนไม่สามารถคุมรถได้ในขณะนั้น จึงพุ่งลงข้างทาง


คุณเพชรและเพื่อนตกใจมาก รีบลงจากรถ ปรากฏว่ารถพุ่งไปชนเข้ากับศาลไม้ข้างทางจนพังเละทั้งศาล คุณเพชรใจสั่นตลอดเวลา พยายามคุมสติ ถอยรถออกมาจากข้างทาง แล้วขับรถกลับไปที่ถนนใหญ่

คุณเพชนขับรถกลับไปทางเดิมประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ยังออกไม่พ้นจากสวนอ้อยโล่งเตียน มืดทึบและเงียบสงัดไปทั่วบริเวณ บางครั้งไฟหน้ารถก็เบาบ้าง สว่างบ้าง เหมือนกับมีเงาอะไรบางอย่าง วิ่งมาบังอยู่ตรงโคมไฟหน้ารถ เป็นระยะๆ

ความเงียบและเหตุการณ์ที่ผิดปกติต่างๆ สร้างความกดดันและความกลัวของคุณเพชรให้ทวีคูณยิ่งขึ้น จนสุดท้ายคุณเพชรทนต่อไปไม่ไหว จึงได้หยุดรถแล้วเดินลงมาก้มกราบขอขมาอยู่ตรงกลางถนน

จากนั้นก็เดินขึ้นรถ แล้วขับต่อไปได้ประมาณห้านาที ก็เจอคุณเอ ขับรถส่วนทางเข้ามาพอดี จึงได้พากันออกไปจากที่นี่ พอไปถึงที่งานศพ คุณเพชรและคุณเดี่ยวก็ได้ขอตัวกลับบ้านก่อน เพราะยังคงใจสั่นไม่หาย บอกคุณเอว่าเดี๋ยวจะมาอีกทีวันเผา

คุณเพชรกลับมาถึงบ้าน ก็มีอาการไข้ขึ้นสูง ได้แต่นอนอยู่กับที่ แล้วคืนนั้น คุณเพชรฝันว่ากำลังยืนอยู่ตรงที่เอารถไปชนศาล มียายแก่ๆคนนึง นอนอยู่ข้างศาล เลือดเต็มตัว แล้วชี้หน้าคุณเพชรในขณะที่นอนจมกองเลือดอยู่ พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังสำลักเลือดว่า “เอ็งชนข้าทำไม ไหนเอ็งบอกว่าจะเอาศาลมาทำให้ข้าใหม่” แล้วยายแก่ๆก็ค่อยๆพลิกตัวนอนคว่ำ ใช้สองมือคลาน ลากลำตัวที่มีแต่เลือดเข้ามาหาคุณเพชร เลือดไหลออกจากปากตลอดเวลา และเหมือนจะมีเสียงหลุดออกมาว่า “เอ็งรีบมาเลยนะ”


คุณเพชรตกใจตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองยังนอนอยู่ในห้อง คิดว่ามันคงเป็นแค่ฝัน คงไม่มีอะไร ช่างมันก่อน จึงได้ลงไปหาอะไรทานข้างล่าง พอเดินลงมาถึงชั้นล่าง ผ่านประตูหน้าบ้าน ปรากฏว่ายายแก่ๆในฝัน ยืนชี้หน้าอยู่ตรงประตู ทำปากขมุบขมิบเหมือนกำลังสาปแช่ง คุณเพชรตกใจจนผงะล้มลง แล้วยายคนนั้นก็หายไป คุณเพชรจึงรีบไปเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้คุณพ่อฟัง คุณพ่อก็ได้พาคุณเพชรกลับไปยังสถานที่เกิดเหตุ และทำพีธีตั้งศาลให้ใหม่ หลังจากกลับมาถึงบ้าน อาการของคุณเพชรก็ดีขึ้น จนเกือบจะหายเป็นปกติ


แล้วได้โทรไปเล่าเหตุการร์ที่เจอมาทั้งหมดให้คุณเอฟัง คุณเอบอกว่า ผู้ชายคนที่ถือมีดยาวคนนั้นหนะ คือพ่อของคุณเอ โดนงูกัดตายอยู่ในดงอ้อยแถวๆนั้น ตอนที่ไปนอนเฝ้าอ้อยตอนกลางคืน เพราะชอบมีขโมยแอบมาตัดเอาอ้อยไปขาย และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ