ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

"จะไม่ขอขมากูดีๆใช่ไหม!!!"กรุจะหักนิ้วมือทุกนิ้ว...เจอผีสั่งให้รำเพราะไปสวมชฏาเล่น


สวัสดีค่ะ เรากลับมาอีกครั้งพร้อมกับประสบการ์ณที่เคยเจอ เรื่องในส่วนนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้วเช่นกันค่ะมาแบ่งปันประสบการ์ณขนหัวลุกของตัวเราเองอีกเช่นเคยค่ะ ห่างหายไปตั้งปีกว่าๆเพราะเข้ามหาลัยแล้วเลยไม่ค่อยจะมีเวลาส่วนมากจะทำได้แค่ตามอ่านกระทู้คนอื่นๆ ขอบอกว่าตรงนี้อีกครั้งว่าเรื่องนี้แล้วแตะความเชื่อส่วนบุคคลเพราะบางสิ่งบางอย่างเราก็ไม่ควรไปล้อเล่นกับมัน


ย้อนไปเมื่อตอนนั้นเราอยู่ป.3 เป็นช่วงที่ค่อนข้างทำใจได้กับเรื่องซิกเซ้นส์ของตัวเอง แต่ก็จะมีแอบกลัวๆบ้างเวลาที่เห็นแวบๆ เราขอแทนตัวเองว่าฟ้า รุ่นพี่นามสมมุติว่า พี่แก้ว และเพื่อนของเราว่า ไอ้กล้า 

พี่แก้วจะเป็นคนร่าเริง ชอบพูดจาตลกๆเป็นเด็กผู้หญิงที่แก่นนิดๆ และไม่ค่อยจะกลัวเรื่องผีเท่าไรเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเหมือนกับไอ้กล้า แต่กล้าจะเป็นคนไม่เชื่อแต่ก็ไม่ลบหลู่ เวลาที่มีคนชวนพี่แก้วเล่นผีถ้วยแก้วผีเหรียญพี่แก้วก็จะเล่นหมด แล้วชอบพูดท้าพูดให้ผีออกมา 

มีอยู่วันนึงในช่วงเวลาพักกลางวันของโรงเรียน เราทานข้าวกลางวันเสร็จที่โรงอาหารจึงกลับมานั่งเล่นที่ห้องเรียนกับเพื่อนบางส่วน แล้วจู่ๆก็มีไอ้กล้ามันเดินเข้ามาหาเราแล้วพูดว่า "เฮ้ย ไอ้ฟ้า มีเซ้นส์ใช่ป่ะ ช่วยกุหน่อยดิ้" หลังจากที่ไอ้กล้าพูดจบเราก็เราถามมันว่า "มีเรื่องอะไรอะไรอ่ะ? "ไอ้กล้ามันก็เลยพาเราไปหาพี่สาวของมันซึ่งคือ แก้ว เรียนอยุ่ป.6 พาไปที่ตึกเรียนของเด็กโต ในโรงเรียนของเรียนจะมีถึงแค่ประถม6 แยกเป็น ตึกอนุบาลอยู่ด้านหน้าร.ร และตรงกลางตึกของเด็กประถม1-3 ตึกหลังคือตึกของเด็กประถม4-6 และเป็นตึกที่มีห้องคหกรรมและห้องดนตรี ห้องเรียนจริยธรรมไว้สวดมนต์และจะมีพระเข้ามาสอน ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าเรียกวิชานี้ว่าอะไร 555555 เข้าเรื่องต่อ 

หลังจากที่ไอ้กล้าพาเรามาหาพี่แก้ว พี่สาวของมัน มันก็เลยบอกว่าพี่มันไม่ยอมเล่าอะไรแต่อยากพูดกับเราที่มีเซ้นส์ เราก็เลยถามพี่แก้วว่า "เรียกเรามา อยากจะคุยอะไรกับเราหรอ"  พี่แก้วที่มีสภาพหวาดระแวงบางอย่าง เขาหันซ๊ายหันขวานิดหน่อยแล้วดึงแขนเราให้นั่งลงตรงโต๊ะเรียนข้างๆ และเขาก็เริ่มเปิดปากเล่าแบบกลัวๆว่า เมื่อเดือนก่อนเขามีเรียนวิชานาฏศิลป์และวันนั้นมีสอนท่ารำไทยในระหว่างที่ครูประจำวิชาออกไปเข้าห้องน้ำ พี่แก้วเขาเหลือบไปเห็น โต๊ะที่วางพวกหัวโขนและชฎาอยู่ เขาเห็นว่าชฎาที่วางบนโต๊ะนั้นสวยดีอยากจะลองสวมลองเล่นเป็นนางรำ พี่แก้วจึงเดินไปหยิบชฎามาสวมบนหัวแล้วก็เริ่มรำไปมาแบบเล่นๆตลกๆให้เพื่อนๆดู แล้วก็นอนลงในท่ารำเอาหัวไถพื้นในขณะที่หัวมีชฎาสวมไว้ ไถๆบริเวณกลางห้อง และเพื่อนก็ทักว่าให้ถอดไปเก็บเถอะก่อนที่ครูจะกลับมาเห็น 


พี่แก้วจึงถอดแล้วเอาไปวางไว้ลวกๆที่เดิม พอเลิกเรียนก็แยกย้ายกันกลับบ้านตามปกติ ในคืนแรกพี่แก้วไม่เจออะไร แต่วันถัดมาในระหว่างที่พี่แก้วมาร.ร.ต้องเดินผ่านห้องนาฎศิลป์เพราะเป็นทางที่ใกล้กับห้องเรียน ประตูห้องนาฎศิลป์เป็นประตูกระจก ในขณะที่ก้าวเดินผ่านห้องนาฎศิลป์ จู่ๆก็มีเสียงดัง 

ปึง!!  เสียงเหมือนกับมีคนเอามือกระแทกกับประตูห้องนาฎศิลป์ พี่แก้วสะดุ้งตกใจมากจึงหันไปมองแต่ว่าในห้องนั้นกลับไม่มีใครมาทุบหรือกระแทกที่ประตูกระจกเลยแม้แต่ของแข็งก็ไม่มีปาเข้ามา พี่แก้วคิดว่าตัวเองคงจะหูฝาดไปเลยเดินเข้าห้องเรียนพอเดินเข้ามาวางกระเป๋านั่งที่โต๊ะปกติ จนกระทั่งหมดวัน ในวันนั้นแม่ของพี่แก้วมาจอดรถรอรับพี่แก้วและไอ้กล้า พี่แก้วมาถึงคนสุดท้ายพอขึ้นรถมา แม่พี่แก้วก็ทักว่า  "แก้ว แก้วพาใครมาน่ะลูก?" พี่แก้วงงๆเลยถามแม่ว่า "ใครไหน? หนูวิ่งมาคนเดียวนะแม่" "ก็ผู้หญิงใส่ชุดนางรำไงลูก เมื่อกี้เขาเดินมากับหนูจนหนูขึ้นรถเมื่อกี้ "

พี่แก้วรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆเลยหันไปมองด้านหลังรถแต่ว่าก็ไม่มีใครที่สวมชุดนางรำสักนิดพี่แก้วเลยคิดว่าแม่คงตาฝาดไปเอง แล้วหลังจากวันนั้นทุกครั้งที่พี่แก้วเดินผ่านห้องนาฎศิลป์หรือมีคาบเรียนวิชานี้ก็มักจะรู้สึกว่าเหมือนถูกใครจ้องมองตลอดเวลาเป็นความรู้สึกที่อึดอัดและกดดัน จนมาวันนึงที่พี่แก้วกลับขึ้นห้องหลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จ เห็นเพื่อนรุมที่โต๊ะพี่แก้ว เลยเดินมาที่โต๊ะตัวเองแล้วก็มีรอยขูดที่โต๊ะว่า 'มาขอขมากุเดี๋ยวนี้' เนื่องจากโต๊ะเรียนสมัยนั้นจะเป็นโต๊ะไม้ พี่แก้วรู้สึกตกใจก็เลยถามเพื่อนว่ามีใครมาแกล้งรึป่าว เพื่อนๆก็ต่างบอกว่าไม่ได้แกล้ง และตัวพี่แก้วเองก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องที่เอาชฎาไปเล่นในวันนั้น ก็เลยไม่ใส่ใจและยังใช้โต๊ะตัวนั้นอยุ่เหมือนเดิม และก็มาถึงจุดที่พี่แก้วนึกได้เรื่องที่เล่นชฏาคือในคืนวันเสาร์พี่แก้วกำลังนอนอยุ่ในห้องโดยเป็นเตียงสองชั้นพี่แก้วนอนเตียงล่างไอ้กล้านอนเตียงบน 


วันนั้นไอ้กล้ายังไม่เข้ามานอนยังนั่งดูทีวิกับแม่ จู่ๆพี่แก้วก็ได้ยินเสียงดนตรีไทยเล่นคล้อยผ่านหูขึ้นมาเบาๆและบวกกับได้ยินเสียงคนย่ำเท้าไปมาในห้องรู้สึกรำคาญนิดหน่อยเลยลืมตามาดูปรากฏว่าเป็น ผู้หญิงสวมชุดไทยมีชฎาสวมหัวอยุ่และเป็นชฎาอันเดียวกับที่พี่แก้วเคยเอาไปเล่น ผู้หญิงคนนั้นรำอยุ่ไม่ห่างจากเตียงพี่แก้วมากนักแต่จะรำหันหลังให้ตลอด พอพี่แก้วกระพริบตาเพื่อดูให้ชัดๆอีกทีก็หายไปซะแล้ว พี่แก้วจึงลุกขึ้นนั่งมองหารอบๆห้องแต่ก็ไม่มีอะไร แล้วก็มีมือเอื้อมลงมาจากเตียงด้านบนลงมาจับขอบเป็นมือสีขาวซีดๆที่นิ้วสวมเล็บฟ้อนรำไว้ "จะไม่ขอขมากุดีๆใช่ไหม!!!" จู่ใบหน้าของผู้หญิงที่สวมชฎาคนนั้นห้อยหัวโผล่ลงมาจากเตียงด้านบนห่างจากหน้าของพี่แก้วไม่กี่เซน แววตาอาฆาตอย่างรุนแรง น้ำเสียงเกรี้ยวกร้าดตะคอกลั่น ทำให้พี่แก้วรุ้สึกกลัวมากจึงแหกปากร้องกริ้ดๆถอยตัวไปขดด้านในสุดของเตียงชิดผนัง 


จนแม่และไอ้กล้าวิ่งเปิดประตูเข้ามาหาพี่แก้ว พี่แก้วก็ร้องไห้แหกปากไม่หยุดรู้สึกขวัญเสียมาก จนแม่ต้องมาปลอบ พี่แก้วเลยขอไปนอนกับแม่ พอมาตอนเช้าไอ้กล้าก็เลยถามพี่แก้วว่าเมื่อคืนเป็นอะไร ทีแรกพี่แก้วไม่ยอมเล่าจนไอ้กล้าถามว่า "โดนผีหลอกอ่อ่" พี่แก้วชะงักไปสักครู่แล้วยอมเปิดปากเล่าให้ไอ้กล้าฟังว่าไปเอาชฎาในห้องนาฎศิลป์มาสวมเล่น และเห็นผู้หญิงสวมชุดนางรำมาหาเมื่อคืนไม่รู้จะไปขอขมายังไงดี ไม่กล้าด้วยรู้สึกกลัว ไอ้กล้ามันก็เลยนึกถึงเราขึ้นมา  [เพราะเคยไปผจญโชคด้วยกันมาแล้วครั้งนึง เป็นเรื่องที่เคยไปท้าผี ถ้ามีโอกาสจะเอามาเล่าให้ฟังนะค่ะ ตอนเด็กจะต้องมีช่วงที่ชอบไปลองท้าผีเจอมั้งไม่เจอมั้งแต่ส่วนใหญ่พาเราไปจะเจอดีแทบทุกครั้ง 55555555555555] ไอ้กล้ามันก็เลยบอกพี่แก้วว่าจะลองถามเพื่อนคนนึงให้ดู (เรานั้นแหละ555) ค่อนข้างมีเซ้นส์ อาจจะช่วยได้ หลังจากที่พี่แก้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้เราฟัง เราก็คิดขึ้นมาหน่อยๆว่ามันคงไม่ง่าย และเราก็เป็นแค่เด็กป.3คงทำอะไรไม่ได้มาก เราก็เลยถามพี่แก้วว่าลองเล่าให้แม่ฟังยังเขาอาจจะช่วยได้นะ เรื่องแบบนี้ให้ผู้ใหญ่ช่วยจะดีกว่าเพราะพวกหัวโขนพวกชฎามันเป็นของมีครู เอาไปเล่นแบบนั้นมันเป็นการลบหลู่แล้วที่พี่แก้วทำนี้ลบหลู่มากๆ 


พี่แก้วก็ส่ายหน้าลูกเดียวเลยว่าจะไม่บอกแม่ กลัวแม่โกธรกลัวแม่จะไม่เชื่อ เราก็เลยถามว่า "แล้วจะให้หนุช่วยอะไรล่ะ" พี่แก้วเลยบอกว่า "ฟ้าช่วยไปคุยให้พี่หน่อยว่าขอขมาเนี่ยต้องขอยังไง ต้องทำอะไรบ้าง" เราก็เลยแบบโอเคๆแค่คุยสินะไม่ได้ไปทำอะไรเรื่องขอขมาเขาต้องทำเอง ก็เลยไปที่ห้องนาฎศิลป์กันไปกับไอ้กล้า พี่แก้ว และเรา สามคน พอไปถึงเราก็เข้าไปนั่งคุกเข่าตรงโต๊ะที่วางพวกหัวโขน เลยเอ่ยปากถามไปตรงๆว่า "หากให้ขอขมาแล้ว ให้พี่แก้วทำอะไรตอนนี้พี่เขากลัว" จากนั้นเราก็รู้สึกว่ามีคนมา

กระซิบที่ข้างหูว่า'ให้มันรำให้กุ....' เราก็เลยหันไปบอกพี่แก้วว่าเขาอยากให้พี่รำขอขมา พี่แก้วก็ส่ายหน้าแบบไม่เอาไม่รำกลัว ให้เรารำแทนให้หน่อย เราก็แบบเฮ้ย เราไม่ใช่คนทำนะจะให้เรามารำแทนได้ไง พี่แก้วก็ขอร้องเราอยุ่นานว่าช่วยรำให้ที พี่ไม่กล้าพี่อายคนอื่น 

เราก็แบบโอเคๆ ก็เลยลุกขึ้นยอมรำให้แต่ว่าไม่ได้รำเป็นอะไรหรอกนะได้แค่ตั้งมือยกแขนขึ้นรำไปมา แต่ว่ามันก็ไม่ง่ายขนาดนั้นจู่ๆเราก็รู้สึกว่ามีมือมาจับที่มือเรา จับดัดมือดัดแขนดัดขาเราเลยซึ่งค่อนข้างรู้สึกเจ็บๆ แล้วก็พูดใส่หูเราดังๆว่า 'กุไม่เอารำ กุจะเอามันรำ!! ' แล้วเราก็หยุดรำไปเพราะคิดว่าไม่ไหวนี่มันเกินกว่าตัวเราด้วยซ้ำ เราเลยบอกพี่แก้วว่า"เขาไม่ยอม เขาจะให้พี่รำ เพราะพี่เป็นคนกระทำไม่ใช่หนุ" 

พี่แก้วก็ไม่ลูกเดียวไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่รำ แล้ววันนั้นภารกิจขอขมาก็ล่มเพราะพี่แก้วไม่ยอมรำและไอ้กล้าก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะพี่สาวมันไม่เอาลูกเดียว หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ถัดมา จู่ๆกลางดึกไอ้กล้าก็โทรมาหาเราว่าพี่แก้วหายออกจากบ้านไป ไอ้เราก็ตกใจพี่เขาจะหายไปได้ไง ไอ้กล้ามันก็บอกไม่รู้จู่ๆก็หายไปเลยประตูบ้านเปิดทิ้งไว้ 

ในสมัยนั้นเราใช้มือถือรุ่นโนเกีย 6600 (มันจะมีเกมตบยุงซึ่งเราชอบมาก เหมือนเป็นกล้องถ่ายแล้วจะมีตัวการ์ตูนยุงบินผ่านไปมาให้เราตบมัน555555)หลังจากไอ้กล้าวางสายเราก็รู้สึกกังวลนิดหน่อยแต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องของเราหวังว่าจะตามหาเจอเร็วๆ ช่วงเวลา6โมงเช้า ก็มีลุงยามคนนึงเดินมาที่ตึกประถมเด็กโตมาเพื่อไขกุญแจเปิดตึก ลุงยามเดินผ่านห้องนาฏศิลป์เพื่อที่จะไปเปิดประตูอีกฝั่ง ตอนที่เดินผ่านแกก็รู้สึกถึงไอเย็นของเครื่องปรับอากาศ แล้วแกก็เลยหันมองเข้าไปในห้องนาฏศิลป์ "เฮ้ย!!" แกเห็นเด็กคนนึงสวมชฏาอยู่บนหัวแล้วนอนหงายอยู่ในท่าสะพานโค้ง หัวยันกับพื้นไว้ แขนขาหักบิดงอ กระดูกเข่าแทงออกมาจากผิวหนัง ข้อมือถูกบิดนิ้วหักเบี้ยวไปผิดทิศผิดทางเลือดไหลนองเต็มพื้นห้อง สองแขนยกขึ้นศอกยันพื้นสองมือประกบกันเหมือนพนมมือ หน้าหันไปทางโต๊ะหัวโขน ตาเหลือก ปากขยับพึมพำว่า 

"ขอโทษค่ะ หนูขอโทษ หนูจะไม่ทำอีกแล้ว... " 

ลุงยามเห็นจึงโทรเรียกรถพยาบาลมา พอแม่พี่แก้วทราบข่าวก็เลยรีบไปโรงพยาบาลพี่แก้วยังอยู่ในอาการช็อคก็เลยไม่สามารถเล่าอะไรได้ ส่วนเราก็มารู้จากไอ้กล้าอีกทีเรื่องที่เจอพี่แก้วในห้องนาฎศิลป์ เขาคงเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกที่พี่แก้วไม่ยอมมาขอขมาดีๆสักที หลังจากเหตุการ์ณนั้นพี่แก้วก็ไม่มาโรงเรียนหลายเดือนเพราะแขนขานิ้วหักหมดต้องใช้เวลารักษา เรื่องก็มีเท่านี้และล่ะค่ะ สิ่งของบางอย่างถ้าเกิดมันมีครูก็ไม่ควรเอามาเล่นเพราะว่าของเหล่านั้นอาจจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งลึกลับอาศัยอยู่ก็ได้ ให้เรื่องของเป็นอีกนึงกรณีไว้เป็นเครื่องเตือนใจนะค่ะ ไว้คราวหน้าหน้าจะมาเล่าเป็นเรื่องย่อยๆที่ไปผจญโชคกับเพื่อนมา และเรื่องสั้นๆที่พบเจอมาบ้างไม่ได้ร้ายแรงเท่าไร 


ขอบคุณที่อ่านนะค่ะ ขอตัวไปนอนก่อนล่ะพิมตั้งแต่ตี2เสร็จตี4ครึ่ง รู้สึกเมาๆถ้าพิมผิดไปก็ขออภัยด้วยนะค่ะ ไม่อยากให้คนอ่านขาดช่วงเลยตัดสินใจพิมให้จบรวดเดียว บ้ายบายค่าา @__@

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...