ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ใครมาแอบอยู่ใต้โต๊ะ...ประสบการณ์ขนหัวลุกจากโรงงานที่ปากน้ำ


"ลูกพ่อขุน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากโรงงานที่ปากน้ำ...ผมทำงานเกี่ยวกับการออกแบบให้กับโรงงานแห่งหนึ่งแถวสมุทรปราการ ห้องทำงานของผมอยู่ด้านในสุดของตัวตึก 3 ชั้น ซึ่งยาวเหยียดเหมือนอาคารโรงเรียน แถมห้องนี้ก็อยู่บนชั้น 3 อีกด้วย หลายคนอาจเห็นว่ามันน่ากลัวจนขนหัวลุก แต่ผมชอบเพราะว่ามันสวยดี

ตอนค่ำ ทุกคนจะกลับบ้านหมด เหลือแค่ยามกับภารโรง ไฟฟ้าบนตัวตึกก็เปิดอยู่ตรงระเบียงไม่กี่ดวง มันเป็นช่วงเวลาที่หัวคิดผมมักจะแล่น ดังนั้น ผมจึงมักอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพียงลำพังบนตึกอันเวิ้งว้าง
ห้องผมกว้างขวางไม่ใช่ย่อย เพราะไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวนี่ครับ เรานั่งทำงานกันหลายโต๊ะ ตอนกลางคืนก็ดับไฟบางส่วน เปิดสว่างแต่ตรงที่ผมนั่ง...เคยมีคนถามว่าไม่กลัวเรอะ? กลัวอะไรล่ะ? ถ้าเขาหมายถึงผีละก็ผมหัวเราะเลย โธ่! ก็ไม่เชื่อว่าผีมีจริงซะอย่าง แล้วจะต้องกลัวผีไปทำไม? ความลำบากลำบนของที่นี่มีอยู่ประการเดียว คือเวลาจะเข้าห้องน้ำต้องเดินไปไกลตามระเบียงยาว ไปลงบันไดทางสุดตึกโน่น เพื่อเข้าห้องน้ำรวมที่ชั้น 2 ทำไมไม่สร้างที่ชั้น 3 ด้วยก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ส่วนมากผมขี้เกียจ ถ้าต้องมาเข้าห้องน้ำผมก็จะรวบรวมข้าวของกลับบ้านเลย

คืนหนึ่ง กำลังเพลิดเพลินกับการออกแบบในจอ ฉับพลันก็มีเสยงเลื่อนเก้าอี้ดังครืด...ผมหันขวับไปดู ไม่มีใครแม้แต่คนเดียว!...เอ...แล้วเก้าอี้มันเลื่อนได้ไงหว่า? ความที่ไม่กลัวผี ผมก็เพียงแต่แปลกใจนิดๆ แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก แต่แล้ว ความรู้สึกมันบอกผมว่า ในห้องนี้ไม่ได้มีแต่เราคนเดียว...มันมีอะไรบางอย่างอยู่กับผมด้วย! เหมือนกับมีใครบางคนอยากเล่นจ๊ะเอ๋กับเรา แล้วเขากำลังแอบอยู่ใต้โต๊ะ

ผมผละจากจอคอมพิวเตอร์ แล้วเดินมองไปทั่วๆ ห้อง นึกขำว่าใครหนอมาเล่นตลก? จับตัวได้ละน่าดู! แต่ทว่าหาจนทั่วแล้วไม่มีใครเลยจริงๆ กระนั้นความรู้สึกว่าไม่ได้มีเราคนเดียวก็ยังติดแน่นเหมือนเดิม
ผมไม่เคยรู้สึกหลังเย็นแบบนี้เลย...ทำงานที่นี่มาตั้งปีแล้วนะ! แม้จะไม่กลัว แต่ก็หมดสมาธิ เพราะมัวแต่หันหน้าหันหลังเหลียวมองอยู่นั่นแหละ มันเสียววาบๆ ที่ข้างหลังเหมือนมีใครกำลังจ้องอยู่...ไม่เอาละ! เลิกดีกว่า วันนี้กลับบ้านก่อนแล้วกัน ไม่มีอารมณ์ทำงานแล้ว

ผมรวบรวมข้าวของประดามีใส่กระเป๋าหิ้ว แล้วลุกขึ้นไปปิดไฟ ปิดประตู ตลอดทางยาวของระเบียงค่อนข้างมืด แต่ผมชินเสียแล้ว ไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร ว่าแต่ใครนะ...เห็นหลังไวๆ เดินอยู่ข้างหน้าลิบๆ โน่น!
เขาอยู่ห่างผมไปเกือบสุดตึก เห็นได้ว่าเป็นด้านหลังของผู้ชายตัวสูง เดินโยกตัวหน่อยๆ แบบวัยรุ่นเก๋าๆ ที่ก้าวขาเนิบๆ ไม่เร่งรีบนัก ใครกันหว่า? แต่รู้ว่าไม่ใช่ขโมยขโจรที่ไหนแน่ ผมเดินเร็วๆ จนเกือบเข้าใกล้ เขาเลี้ยวลงบันไดช้าๆ ตามสบาย ผมก้าวตามลงไปติดๆ จนอยู่ห่างเขาไม่กี่เมตร และเมื่อเขาเดินผ่านแสงสว่างของนีออน ก็เห็นชัดว่าเขาแต่งชุดของคนทำงานที่นี่

คงลืมของ เลยขึ้นมาเอาของละมั้ง? ชายหนุ่มที่ผมเห็นแต่ด้านหลัง เดินเลี้ยวเข้าห้องน้ำชาย เอาละ...เดี๋ยวก็รู้หน้าตาว่าเป็นใคร? ผมเลี้ยวตามเพราะอยากเข้าห้องน้ำเหมือนกัน ห้องน้ำที่เปิดไฟไว้ดวงหนึ่ง โล่งว่าง ทั้งบริเวณอ่างล้างมือ โถปัสสาวะผู้ชายที่เรียงรายเป็นแถว และห้องสุขาที่เปิดประตูไว้ทั้ง 3 ห้อง ...มันโล่งโถง เปล่าเปลี่ยว ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ เลย! เป็นไปไม่ได้ ผมเห็นกับตาว่าเขาเดินเข้าห้องน้ำก่อนหน้าผมแป๊บเดียวเองแท้ๆ สมองหมุนติ้ว ม่านตาลายพร่า รู้สึกคล้ายวิงเวียน คลื่นไส้หน่อยๆ แล้วก็มีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากที่ไหนสักแห่งในห้องน้ำนี่...มันเบามาก แต่ฟังออกว่าเป็นเสียงเด็กหนุ่มๆ

เท่านั้นแหละ ผมขนลุกซ่าไปทั้งตัว...นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ ที่ผมกลัวผีขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจ!
ก้าวถอยหลังออกมาจากที่นั่นช้าๆ หัวใจเต้นโครมคราม อุ้งมือทั้งสองข้างชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ ปากคอแห้งผากแทบเป็นผง...ตึกนี้ไม่เคยดูยาวไกลแบบนี้มาก่อนเลย...ผมต้องเดินอีกไกลมาก ฝ่าความมืดตามลำพังไปที่หน้าประตูโรงงาน มันไกลจริงๆ ครับคุณ ไกลที่สุดในโลก! แต่ละย่างก้าวมันทั้งหนักทั้งฝืดเหมือนขาผมจะเป็นอัมพาต มันหนักอึ้งและก้าวไม่ค่อยออก กลัวว่าจะมีอะไรตามมาข้างหลัง...จะร้องแรกแหกกระเชอก็ไม่กล้า กลัวสติแตก จะวิ่งก็ไม่กล้าวิ่ง

ในที่สุดก็มาถึงป้อมยามหน้าประตู ยามกำลังคุยกับภารโรงอยู่ที่นั่น...พวกเขาเห็นสีหน้าผมก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ยามถามว่าขับรถไหวไหม? ผมต้องขอนั่งพักครู่ใหญ่ๆ ไม่มีใครหัวเราะผมหรอกครับ เขาคิดว่าผมรู้แล้วซะอีกว่าเมื่อสองวันก่อนมีคนงานผูกคอตายที่ต้นไม้ข้างรั้ว...เออใช่! ผมรู้แต่ดันลืมซะสนิท
ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่คนกลัวผี พุทโธ่เอ๊ย!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ