ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เย็นตาโฟสยอง...เป็นเรื่องที่พีคในพีคจนหลอนกันเลยทีเดียว


ช่วงทำงานฟรีแลนซ์อยู่กับบ้านสองสามปีที่ผ่านมา ผมอาศัยก๋วยเตี๋ยวของพี่พจน์แกสำหรับมื้อกลางวันเสมอ อันที่จริงก็รู้จักพี่พจน์แกมาตั้งแต่เด็กแล้ว พ่อแม่ผมซื้อที่ดินที่จัดสรรย่านนี้เมื่อสามสิบกว่าปีก่อนพร้อมๆ กับครอบครัวของพี่พจน์ ตั้งแต่ผมจำความได้ก็เห็นแกเข็นก๋วยเตี๋ยวขาย จากรถเข็นไม่กี่ปีแรกก็มาเป็นรถมอเตอร์ไซค์พ่วงเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตระเวนขายในย่านนี้ผ่านบ้านผมตอนกลางวันทุกวัน


ผมกินก๋วยเตี๋ยวแกมาเรื่อยจนกระทั่งหลังเรียนจบทำงานบริษัท สามปีแล้วออกมารับงานอิสระผมก็ได้อาศัยก๋วยเตี๋ยวแกกินเป็นมื้อเที่ยงแทบทุกวัน เพราะสะดวกดี อีกอย่างหลังจากพ่อเสีย เหลือผมกับแม่ แม่เองก็ตระเวนไปนอนบ้านพี่คนอื่นๆ ที่มีครอบครัวกันไปหมด บางทีก็ไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนเก่าตามวัดวา ไม่ก็ออกทอดผ้าป่าไปตามเรื่อง ผมก็ไม่ค่อยได้ทำอาหารกินเอง หากไม่อาศัยอาหารถุงตอนเย็น(เหลือกินข้ามมื้ออีกรอบ) ก็เลือกรับประทานตามร้านค้าต่างๆ ที่มีดาษดื่นหน้าปากซอย มื้อกลางวันได้อาศัยก๋วยเตี๋ยวพี่พจน์รองท้องเสมอจนคุ้นเคยกับแกมากขึ้นใน ช่วงสองสามปีที่ผ่านมา แต่งานใหม่ทำให้ผมต้องออกเดินทางและใช้ชีวิตต่างจังหวัด ไม่ค่อยได้กลับบ้านในช่วงเจ็ดแปดเดือนหลัง ผมห่างๆ ก๋วยเตี๋ยวของแกไปนาน


ค่ำ วันนี้หยุดพักผ่อนอยู่บ้าน ระหว่างนอนฟังเพลงได้ยินเสียงร้องตะโกน "ก๋วยเตี๋ยวมาแล้วครับก๋วยเตี๋ยว" ผมมองนาฬิกาบนผนังเป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว รู้สึกหิวขึ้นมา แต่ก็เอะใจ ปกติแกขายเฉพาะเช้าถึงบ่ายนี่ เดี๋ยวนี้แกขายตอนดึกด้วยหรือ หรือว่าจะขายไม่ดีเอามากๆ อย่างว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี แกคงขยันเป็นพิเศษ ผมนึกระหว่างเดินจากบ้านไปโบกมือเรียกแกให้หยุด ละแวกบ้านผม แต่ละหลังปลูกกันห่าง แต่ละหลังมีต้นไม้ขึ้นในเขตบ้านของตัวเองดูหนาเขียวครึ้ม ปกติก็เงียบเชียบอยู่แล้ว นี่ก็ปาเข้าไปสามทุ่มจึงเงียบเชียบกว่าเวลากลางวันอีก ผมออกจากบ้านพร้อมชามใส่ก๋วยเตี๋ยวแล้วสั่งเส้นเล็กเย็นตาโฟ แล้วมองไปรอบๆ อากาศเย็นชื้นดูเย็นยะเยือกชอบกลพี่พจน์แกทักทายเรียบๆ เย็นๆ ผิดไป "พักนี้ไม่ค่อยเห็นหน้านะ" ผมจ้องมองหน้าแก ปกติพี่พจน์แกออกจะแต๋วแหวว มักทักทายผมอย่างจีบปากจีบคอประหนึ่งผมเป็นหนุ่มหน้าตาดี แต่วันนี้กลับไม่ใช่


ผมตอบแกไปว่า "ทำงานต่างจังหวัดพี่ ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน" "แม่ก็ไม่ค่อยเห็น" พี่พจน์แกหมายถึงแม่ผม

"อ๋อ หลังๆ แม่ชอบเที่ยวครับ ไปนั่นไปนี่ ไม่ค่อยได้อยู่ติดบ้านเหมือนก่อน" ผมตอบแกแล้วรับชามก๋วยเตี๋ยวมาเตรียมเติมเครื่องปรุง ได้ยินเสียงรถขายโอเลี้ยงกาแฟเย็นก็หันไปดู หันกลับมาหาแก ปรากฏว่าแกหายไปล่ะ "เร็วจังแฮะ ยังไม่ได้เติมเครื่องปรุงเลย" ผมบ่นแล้วเดินเข้าบ้าน ระหว่างนั้นก็นึกขึ้นว่าวันนี้วันอะไร ค่ำขนาดนี้แล้วยังมีของมาพาเหรดขาย ค้นหาซองเครื่องปรุงพริก ป่นน้ำตาลสำเร็จรูปที่อาจจะเหลือติดครัวจนได้มาสองซอง เมื่อกลับมาที่ชามเย็นตาโฟ ผมตกใจแทบผงะ มันไม่ใช่ชามก๋วยเตี๋ยวแต่เป็นชามเลือดสีแดงเหม็นคาวมาก

เมื่อตั้งสติได้ผมก็ยกชามออกมายืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าบ้าน เตรียมจะเททิ้งแต่ก็มองหาภาชนะรองรับก่อน พี่คนขายกาแฟโอเลี้ยงคงเห็นผมหน้าตาตื่นจึงถามผมว่ามีอะไรหรือ "ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ผมซื้อจากพี่พจน์แก พอยกเข้าบ้าน ไหงกลายเป็นชามเลือดทั้งชาม" "โดนแล้ว" พี่คนขายกาแฟร้อง เมื่อเห็นผมหน้าตางุนงง จึงอธิบายเพิ่มเติม "พี่พจน์ตายมาสองเดือน แล้วมั้ง" ผมร้องอุทานตาโต "ตะกี้แกยังขายก๋วยเตี๋ยวให้ผม อยู่เลย" "ผม ก็ว่า เห็นคุณยืนพูดอยู่คนเดียว ยังนึกแปลกใจ" พี่คนขายกาแฟพูดต่อ "มีคนเจอหลายคนแล้ว บางทีก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำตกก็กลายเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือเลือด บะหมี่แห้งก็กลายเป็นชามหนอน" ผมไม่ค่อยอยากฟัง แต่แกคงอยากเล่าต่อ "คุณรู้ไหมแกตายยังไง หลายเดือนก่อนมีสิบล้อเข้ามาซอยของเราแล้วเกิดเบรกแตก แกจอดขายอยู่ดีๆ เลยถูกทับตาย โน่น หน้าโกดังขายของเก่าพอดี น่าสงสารแกมาก นี่คุณไม่รู้เลยหรือ เรื่องออกดัง"


ผมเดินเข้าบ้านอย่างนึก สงสารทั้งแกและตัวเอง ไม่น่าเลยพี่พจน์ เล่นผมแรงจริงๆ ระหว่างนั้นแม่ผมก็โทร.เข้ามา ผมเล่าให้แม่ฟังเรื่องผมโดนพี่พจน์หลอก แม่ตอบเสียงเรียบ "แกโดนสองเด้งแล้ว ไอ้คนขายโอเลี้ยงมันก็ตายพร้อมอีพจน์นั่นแหละ มันหลอกแกแท็กทีมเลย" ผมวางสายแม่ ไม่กล้าออกไปหน้าบ้านตอนกลางคืนอีกนานแน่นอน


เครดิต ข้อมูลจาก : หลอน นทธี ศศิวิมล

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ