ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

"มหาแป้น" เล่าเรื่องพิษรักแรงหึงของนางตานี


ลุงหยอดเดินเซนิดๆ ออกจากร้านเหล้าชานเมือง มุ่งหน้าไปทางหลังวัดพระศรีฯ ที่ร่มครึ้มด้วยดงกล้วยตานี บางทีก็หยุดมองท้องฟ้าแดงฉานที่ตะวันเพิ่งลับทิวไม้ไกลลิบไปหยกๆ แล้วยก 40 ดีกรีที่เหลือเกือบครึ่งขวดเทใส่ปาก


ตะแกส่งเสียงฮ่า...ออกมาอย่างผาสุก ไม่แยแสมะดันกับมะยมสดจิ้มเกลือเหมือนตอนนั่งซดเหล้าอยู่ที่ร้าน...สายลมพัดซ่ามาเย็นวูบ ลุงหยอดเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งยืนลับๆ ล่อๆ อยู่แถวดงกล้วยพอดี!

หรือจะเป็นไอ้หนุ่มวินที่มันปลูกกระท่อมอยู่ใกล้ๆ มีหน้าที่ดูแลดงกล้วยให้เจ้านาย สำหรับตัดขายส่งแม่ค้าที่ตลาดบางบัว...แต่เมื่อจ้องมองให้แน่ใจก็พบว่าเป็นผู้หญิงผมยาวรูปร่างสูงโปร่ง อกอวบพุ่ง สะโพกหนั่นหนาผึ่งผายกำลังยืนพิงต้นกล้วยอยู่เดียวดาย

"ใครวะ? ไม่เคยเห็นหน้า..." ชายชราพึมพำ ซดเหล้าเข้าไปอีกกร๊วบ...หมู่บ้านอยู่เลยดงกล้วยไปทางซ้ายมือ ถัดจากนี้ก็คือทุ่งนาเวิ้งว้าง...พวกอีสาวชาวบางก็ล้วนแต่รู้จักมักคุ้นทั้งนั้น ไม่ว่าบังอร พลับพลึง หรือว่าบัวเผื่อนที่เพิ่งเติบสาวมาได้สองปี ถึงจะผิวขาวสาวระหงแต่ดูอวบสะพรั่ง อะร้าอร่ามไปทั้งเนื้อทั้งตัว...เหมือนกับสาวแปลกหน้าที่แกเพิ่งแลเห็นหยกๆ 

อ้าว? มันหายไปไหนเสียแล้วล่ะ? หรือว่าจะเป็นนางตานี...ลุงหยอดขนลุกซ่า ใช้หลังมือขยี้ตาด้วยความตื่นเต้น แต่ก็มองไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นเสียแล้ว...หรือว่ามันจะเป็นนางตานีจริงๆ เพราะตอนเดินออกจากหมู่บ้านผ่านไปร้านเหล้าก็เห็นว่าตนหนึ่งเพิ่งจะ "ตายพราย" ไปวันสองวันนี่เอง!

ชายชราเทเหล้าลงคอพลั่กๆ แลบลิ้นเลียปากก่อนจะรีบเดินไปที่ตานีตายพรายต้นนั้น เหลียวซ้ายแลขวาแต่ก็มองไม่เห็นใคร...ด้วยฤทธิ์เหล้าที่ซ่านซ่าอยู่ในสายเลือด ลุงหยอดก้าวเข้าไปกอดรัดต้นกล้วยตานีพลางงึมงำว่า...ต้องโอ้โลมปฏิโลมยังงี้ละวะ เผื่อจะใจอ่อนมั่ง...บัดดลนั้นเอง! อะไรบางอย่างก็ยันโครมเข้าตรงกลางอก เล่นเอาร่างผอมกะหร่องของชายชราปลิวไปก้นจ้ำเบ้า ขวดเหล้ากระเด็นหลุดมือ ตะแกรีบคว้าของรักขึ้นมาได้ แล้วเดินจ้ำอ้าวพลางแช่งด่าไม่ขาดปาก...เห็นกูแก่ใช่ไหมวะเลยถีบกูเข้าให้? สงสัยมึงจะชอบหนุ่มกำยำอย่างไอ้วินล่ะซีวะ!


ยังดีที่เหล้าก้นขวดยังเหลือ...เกือบจะเทเข้าปากก็ชะงักกึก เมื่อมองเห็นร่างตะคุ่มๆ ของหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังกอดรัดกันอยู่ท้ายสวนกล้วยพอดี

"ไอ้วินโว้ย!" แกร้องตะโกนด้วยความเสียวสังหรณ์ เห็นคนทั้งสองผละจากกันหันมามอง
"อ้าว? อีเผื่อน ค่ำมืดแล้วไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่อง เดี๋ยวแม่มึงก็ตามมาแหกอกหรอก อีนี่!"
เสียงลุงหยอดไม่ใช่เบาๆ สาวเจ้ารีบหมุนตัวกลับ วิ่งตื๋อไปตามทางเดินแคบๆ ริมคันนา หายลับไปจากดงไม้ ชายชราเดินเข้าไปหาไอ้วินพลางส่ายหน้าอ่อนใจ

"กูขอเถอะวะ ตอนนี้น่ะ ไม่ว่านังอรหรือนังพลึงมึงเก็บเรียบมาแล้วทั้งนั้น! อย่า...ไม่ต้องถามว่ากูรู้ยังไง? แน่ะเฮ้ย! ไม่ว่าอะไรในทุ่งบางเขนนี่มันรอดหูรอดตากูไม่ได้หรอก...มึงก็รู้ว่ากูรักมึงเหมือนลูกเหมือนหลาน นังเผื่อนน่ะขอให้งดไว้ก่อน นึกว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวานก็แล้วกัน...เดี๋ยวก็โดนนางตานีมันหักคอเอาจนได้"

ตาหยอดพูดยืดยาวแล้วแหงนหน้ากระดกเหล้าเป็นครั้งสุดท้าย...พอดีไอ้วินโพล่งว่า
"มีผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มานอนกับฉันสองคืนแล้ว ชื่อแปล๊กแปลก...ชื่อตานี!"
ชายชราสำลักเหล้าพรวด ครางอ๋อย "ฉิบหายแล้ว! ต่อไปนี้มึงอย่ายุ่งกับนังเผื่อนเชียวนา มันเอาตาย! ตัวมึงก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วยรู้มั้ย?"

ไอ้หนุ่มหน้าเข้มอดหัวเราะไม่ได้ "คืนนี้บัวเผื่อนสัญญาว่าจะหลบแม่มาหาฉันนะลุง แล้วจะให้ทำยังไง?"

ตาหยอดทำท่าเหมือนจะล้มแผละลงทันใด!
"เมียสองต้องห้าม มึงก็รู้ นี่เป็นเมียผีกับเมียคน! เดี๋ยวก็แหกอกกันกระเจิงเท่านั้นเอง...เอางี้! ถ้านังเผื่อนมันแรดมาหาก็ไล่ให้มันกลับบ้านซะ บอกว่ามึงปวดหัวตัวร้อน เป็นไข้ เป็นหนาวอะไรก็พูดไป...เผื่อนางตานีเกิดโผล่เข้ามาเห็นเข้ามีหวังตายดับทั้งคู่! โธ่โว้ย..."

ยอดกล้วยไหวซ่าเสียงสะท้านใจ ลุงหยอดขนลุกเกรียว กำชับกำชาไอ้วินด้วยความห่วงใยอีกครั้ง ก่อนเหวี่ยงขวดเหล้าทิ้ง เดินโซซัดโซเซกลับบ้านใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว...


วันรุ่งขึ้นชายชรารีบจ้ำอ้าวมาที่กระท่อมริมดงกล้วย ใจหายวับเมื่อเห็นชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังออกันอยู่ที่นั่น ครั้นแหวกคนเข้าไปดูก็เข่าอ่อนยวบ เมื่อเห็นร่างของไอ้วินกับบัวเผื่อนนอนผ้าผ่อนหลุดลุ่ย รอบคอเขียวช้ำ...นัยน์ตาเบิกโพลงเหมือนเห็นภาพสยดสยองพองขนสุดขีดก่อนจะสิ้นใจ!


ขอขอบคุณ : www.CreditOnHand.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ