ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ประสบการณ์สยองขวัญ โลงแตกที่ลาว!!


เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ประเทศลาว เมื่อประมาณสิบสามปีที่ผ่านมา คุณตูนได้มีโอกาศไปเที่ยวที่ประเทศลาว เนื่องจากแฟนของคุณตูน เป็นคนที่มีเชื้อสายลาว แล้วลูกพี่ลูกน้องของแฟนเสียอยู่ที่ลาว แฟนจึงชวนคุณตูนกลับไปที่บ้านด้วย


บ้านแฟนจะอยู่ในเขตหลวงพระบาง เดินทางจากหลวงพระบางขึ้นเหนือไปอีกประมาณสิบห้ากิโลเมตร เรียกว่าบ้านมอม ซึ่งลูกพี่ลูกน้องของแฟนได้ผูกคอตาย ทั้งๆที่กำลังท้องได้หกเดือน ชื่อคุณจัน...วันที่คุณตูนและแฟนเดินทางไปถึง ก็เป็นวันที่สามของงานศพ จัดขึ้นที่วัด ลักษณะเป็นวัดป่า ไม่ได้เจริญอะไรมาก ตั้งศพไว้ในศาลาการเปรียญ ทำจากไม้ยกเสาขึ้นมาด้วยปูน ถัดไปด้านหลังจะเป็นป่า ช่วงเช้าและช่วงกลางวันจะไม่มีคนมาร่วมงานศพเลย จึงทำให้วัดดูค่อนข้างวังเวง คนจะเริ่มมาร่วมงานกันช่วงเย็น เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม คุณตูนและแฟนเดินเข้าไปทานข้าวที่เต้นท์ข้างวัด ซึ่งเป็นจุดไว้สำหรับทำอาหารแจกจ่ายในงาน เต้นท์ทำอาหารจะอยู่ติดกับป่าข้างวัด ซึ่งจะเป็นป่าทึบ มีเพียงรอยทางเดินเล็กๆตัดผ่านเข้าไปในป่า ในขณะที่คุณตูนนั่งทานข้าวอยู่กับแฟน ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง เดินฝ่าความมืดออกมาจากป่า


แฟนของคุณตูนบอกว่า ผู้ชายคนนี้ชื่อ คุณน้อย เป็นคนที่สติไม่ค่อยดี แม่ครัวก็ทักขึ้นว่า "อ่าวน้อย มาจากไหน กินข้าวมายัง มากับใครอ่ะ" คุณน้อยก็ตอบว่า "ยังไม่ได้กินเลย เนี่ยมากับจัน" แม่ครัวได้ยินแบบนั้นต่างตกใจจนตะหลิวหลุดจากมือ ต้องถามย้ำกันอีกครั้ง เผื่อว่าคุณน้อยจะพูดผิด แต่คุณน้อยก็ยังยืนยันคำเดิม "มากับจันๆ ขอข้าวกินหน่อย" ทุกคนก็เริ่มใจไม่ค่อยดี คุณน้อยก็เข้ามานั่งทานข้าวอยู่คนเดียว สักพักได้ยินเสียงคนเดินไปมาอยู่แถวๆป่าข้างเต้นท์ คุณตูนจึงหันไปมอง เห็นลักษณะเป็นเงาดำๆของผู้หญิง เหมือนกำลังอุ้มลูกอยู่ในอก แต่เห็นเป็นเพียงเงาลางๆ ยืนอยู่ในความมืด แม่ครัวที่กำลังทำกับข้าวอยู่ ก็ตะโกนถามออกไปว่า "ใคร" ผู้หญิงที่ยืนอุ้มลูกอยู่ในความมืดตอบกลับมาด้วยเสียงเย็นยะเยือกว่า "จัน จันเองป้า" สิ้นเสียงคำพูด แม่ครัวทั้งหมดทิ้งข้าวของ วิ่งหนีขึ้นไปบนศาลาการเปรียญกันอย่างอุตลุด


แฟนก็จับมือคุณตูนแล้ววิ่งตามแม่ครัวไปเช่นกัน เวลานั้นบนศาลามีพระที่กำลังสวดกันอยู่ ทุกคนวิ่งเข้าไปร้องโหวกเหวกโวยวายกันจนผู้คนแตกตื่น จนหลวงพ่อท่านต้องลุกขึ้นมาถาม แม่ครัวต่างแย่งกันเล่าสิ่งที่เจอมา พอพระได้ยินเช่นนั้นก็พากันกลัว สวดผิดสวดถูก อึดใจต่อมาด้านนอกมีลมพัดเข้ามาวูบหนึ่ง หอบเอากลิ่นสาบลอยเข้ามาเต็มศาลา ตามมาด้วยเสียงลั่นของอะไรสักอย่างดัง "เป๊ะ" ทุกคนต่างนั่งมองหน้ากันด้วยความวิตก คิดกันไปต่างๆนาๆ สักพักเสียงก็ดังขึ้นอีก แต่คราวนี้ดังกว่าเดิม "เป๊ะ" พร้อมกับโลงศพแตกหักจนศพกับน้ำแข็งที่อยู่ในโลง กลิ่งตกลงมาเกลื่อนพื้นศาลา ทุกคนแตกฮือ วิ่งหนีกันออกจากศาลาการเปรียญจนแทบจะเหยียบกันตาย ไปรวมกันอยู่ที่โบสถ์ พระรูปหนึ่งก็ได้ไปตามเจ้าอาวาสที่กุฏิ หลังจากเจ้าอาวาสมาถึง ก็ได้ฟังเรื่องทุกอย่าง ท่านก็พูดด้วยสีหน้าหนักใจว่า "ดูท่าโยมจันคงจะไม่เป็นสุขแน่"


ท่านก็ได้รวบรวมชายฉกรรจ์ที่มีความกล้าประมาณหกเจ็ดคน ไปช่วยกันยกศพขึ้นไปวางไว้บนโลงเหมือนเดิม เพื่อไม่ให้เป็นที่อุจาดตา โดยปกติจะต้องตั้งศพไว้ห้าวัน แต่ท่านเจ้าอาวาสให้เผาพรุ่งนี้เช้าเลย หลังจากรวบรวมชายฉกรรจ์มาได้เจ็ดคน ซึ่งคุณตูนก็เป็นหนึ่งในนั้น เดิมตามกันเข้าไปในศาลา แต่ยังไม่ทันได้ขึ้นไปด้านบน ไฟที่อยู่รอบๆศาลาการเปรียญก็ดับพรึบลงทันที คุณตูนใจหายแวบจนอยากจะวิ่งกลับไปรวมกับคนในโบสถ์ แต่ก็กลัวหน้าแตก ชาวบ้านจึงไปตามคนเช็คไฟมาดูไฟให้ หลังจากไฟติด คุณตูนและคนอื่นๆก็เดินกันขึ้นไปบนศาลา หลังจากที่ก้าวขาขึ้นไปเหยียบในศาลา ปรากฏว่าได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะชอบใจ อยู่แถวๆหลังม่านที่ตั้งโลงศพ พร้อมกับกลิ่นศพ ลอยอบอวลทั่วศาลา ทุกคนยืนอึ้ง ขาตายสนิท มองหน้ากันเลิ่กลั่ก รู้สึกถึงบรรยากาศอันเย็นเฉียบเหมือนอยู่ในโรงแช่เนื้อ ชั่วอึดใจ จากเสียงหัวเราะกลายเป็นเสียงร้องไห้ครวญครางปานจะขาดใจตาย เสียงมันเสียดแทงเข้าไปในหัวใจของคุณตูน จนรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ไม่เป็นสุข แต่ท่านเจ้าอาวาสไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น ท่านเดินนำเข้าไปยืนอยู่ข้างๆศพ แล้วเสียงทุกอย่างก็เงียบหายไป ทุกคนจึงช่วยกันห่อศพแล้วยกขึ้นไปวางไว้บนโลงศพเช่นเดิม แล้วกลับไปอยู่รวมกันที่โบสถ์


รุ่งเช้าจึงช่วยกันยกโลงศพเข้าไปในเมรุ หลังจากที่ทุกคนเดินลงมาข้างล่าง ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้ยินเสียงเหมือนเด็กกับผู้หญิงร้องไห้อยู่ในปล่องเมรุ จนท่านเจ้าอาวาสต้องเดินไปพูดที่ประตูเมรุว่า "โยมจัน โยมจันหมดบุญแล้วนะ ปลงได้แล้ว" และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด


เล่าโดย : คุณตูน

ขอบคุณ : กลุ่มเรื่องผีๆ-สาระดีๆ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...