ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

"พี่ๆ อย่าลืมมาหาหนูก่อนเห็นหน้าลูกพี่นะ" โดนของเขมรเข้าคอ!!


เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องจริงที่ท่านผู้ฟังนั้นส่งเข้ามา แต่ว่าได้มีการขอละชื่อเอาไว้ ผมจึงจะไม่ขอบอกชื่อ  เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเป็นความเชื่อส่วนบุคคล และอยู่ที่วิจารณญาณของท่านผู้ฟังกัน อย่างที่เคยบอกเอาไว้ทุกครั้งก็อยากให้ฟังไปในทิศทางของความบันเทิงนะครับ 


เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดก็มีอยู่ว่า พี่ชายของผมทำงานรับราชการอยู่ที่จังหวัดตาก ด้วยความเป็นชาย แล้วก็ยังไม่ได้แต่งงาน เมื่อมีเวลาว่างก็มักจะออกไปสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอ ในกลุ่มของเพื่อนพี่นั้นมีสนิทกันอยู่ประมาณ 4-5 คน หนึ่งในนั้น ขอสมมุติชื่อว่าพี่เอแล้วกัน พี่เอเป็นคนที่แต่งงานแล้วแต่ว่ายังไม่มีลูก ก็เลยจะชอบไปสังสรรค์กับพี่ชายของผมอยู่เสมอ มีอยู่วันหนึ่งเป็นวันศุกร์แล้วก็เป็นวันเกิดของพี่เอด้วย พี่เอก็เลยเรียกบรรดาเพื่อนๆที่สนิทกันไปนั่งดื่มนั่งสังสรรค์กันที่อำเภอแม่สอด 

ทุกคนไปถึงก็ไปที่ร้านร้านหนึ่งซึ่งไม่ใช่ร้านประจำแต่ก็เคยไปหนังกันอยู่บ่อยๆ ร้านนั้นเป็นร้านเล็กๆ บรรยากาศค่อนข้างดี วันนั้นไม่ค่อยจะมีแขกกลุ่มอื่นเลย มีแค่กลุ่มพี่ของผมอยู่กลุ่มเดียว ก็ฉลองกันไป

จนเวลาย่างเข้า 4-5 ทุ่ม ทุกคนก็เริ่มที่จะเมากัน มีสาวเสริฟคนหนึ่งเดินมานั่งข้างๆพี่เอ น้องคนนั้นเหมือนกับว่าจะมาทำงานใหม่ เนื่องจากไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แล้วน้องคนนี้ก็พูดคุยกับพี่เอแต่ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน ภายหลังมารู้ว่า น้องคนนั้นเดินเข้ามาถามพี่เอว่า "พี่ วันนี้วันเกิดของพี่ใช่ไหม" พี่เอบอกว่า "ใช่ ก็เลยมาฉลองกับเพื่อนๆ" น้องคนดังกล่าวก็ถามอีกว่า" พี่มาที่นี่บ่อยไหม" พี่เอตอบว่า "ก็บ่อยอยู่" "พี่แต่งงานแล้วหรือยัง" "แต่งงานแล้ว แต่ว่ายังไม่มีลูก" แล้วน้องคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า "ถ้าเกิดงั้นเรามาเล่น

อะไรสนุกๆกันไหม เห็นว่าพี่ไม่ได้ใส่สร้อยพระ แต่ว่าก่อนที่พี่จะเห็นหน้าลูกของพี่เองนั้นพี่ต้องมาหาหนูที่นี่ก่อนนะ อย่าลืมนะพี่ ก่อนที่พี่จะได้ เห็นหน้าลูกของพี่เอ พี่ต้องมาหาหนูก่อนนะ" น้องคนนั้นพูดย้ำ จากนั้นก็เดินออกไปหน้าร้าน เด็ดใบไม้มา 1 ใบ แล้วก็เดินไปด้านหลังของพี่เอ วางใบไม้ใบนั้นตรงบริเวณต้นคอ แล้วก็เป่าลมลงไปบนใบไม้ พี่เอนั้นมาเล่าให้ฟังในภายหลังว่า วินาทีนั้นรู้สึกเย็นวาบขนลุกไปทั้งตัว อาการที่เมาอยู่นั้นก็หายเป็นปลิดทิ้ง นั่นคือเหตุการณ์ในคืนวันที่ฉลองวันเกิด

เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปอีกหลายเดือน จนทุกคนในกลุ่มลืมเรื่องพวกนี้หมดแล้ว หลายเดือนต่อมาพี่เอก็ได้รับข่าวดีว่าภรรยาที่อยู่ จังหวัดกำแพงเพชรนั้นตั้งท้อง ก็เลยฉลองกันใหญ่โต เวลาผ่านไปจนกระทั่งภรรยาพี่เอนั้นใกล้จะคลอดเต็มที พี่เอนั้นก็ปกติดี ไม่มีอาการผิดแปลกไปแต่อย่างใด จนกระทั่งภรรยาพี่เอเจ็บท้องใกล้จะคลอด ก็เลยต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลจังหวัดกำแพงเพชร พอพี่เอทราบข่าวว่า

ภรรยาตัวเองใกล้จะคลอดก็ดีใจมาก รีบขับรถลงมาจากจังหวัดตาก โทรศัพท์มาดูอาการของภรรยา ระหว่างทางกลับมานั้นพี่เอก็บ่นตลอดทางว่ามีอาการเจ็บคอ คันคอ พี่ชายของผมที่ร่วมเดินทางมาด้วยก็บอกว่า "เป็นหวัดละมั้ง เดี๋ยวก็หาย" ประมาณ 5 ทุ่มทุกคนก็เดินทางมาถึง รพ. แล้วก็รีบมุ่งหน้าไปหาภรรยาของพี่เอทันที

พอเห็นหน้าภรรยา พี่เอนั้นจู่ๆก็ไอขึ้นมาอย่างหนัก แล้วก็บอกว่าคันคอมาก จนกระทั่งไม่สามารถคุยได้ แกก็เลยรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ ทิ้งพี่ชายของผมเอาไว้กับภรรยาของแกแล้วก็แม่ของแก พี่เอนั้นหายไปนานมาก พี่ชายของผมก็เลยเดินตามไปดูอาการในห้องน้ำ พอเปิดประตู ห้องน้ำเข้าไปก็มองเห็นพี่เอนั้นยืนอยู่หน้ากระจกอ่างล้างหน้า มีเลือดกระเด็นเต็มไปหมด แล้วพี่เอก็ยังเอามือล้วงเข้าไปในลำคอ เหมือนกับ พยายามจะจับอะไรบางอย่าง หยดเลือดมันพุ่งออกมา พี่ชายของผมก็เลยรีบวิ่งเข้าไปหา แล้วก็เรียกพยาบาล พยาบาลนั้นรีบวิ่งมาช่วยเหลือ แล้วพี่เอก็เลยพูดกับพี่ชายของผมและพยาบาลว่า "ไม่รู้มีตัวอะไรหางยาวๆอยู่ในคอ" พี่เอพยายามเหมือนจะล้วงออกมาอยู่ หมอกับพยาบาล ก็เลยรีบพาตัวไปเอ็กซเรย์แล้วก็ไม่พบเจออะไรที่ผิดปกติ พบเพียงแต่ร่องรอยของบาดแผลที่พี่เอพยายามล้วงเท่านั้น หมอก็เลยฉีดยาให้อาการ นั้นสงบลง หลังจากนั้นสักพักอาการของพี่เอก็สงบและก็นิ่งลง


ภรรยาของเขาตกใจมาก ถามกับพี่ชายของผมว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ผมก็บอกกับภรรยาที่เอว่า "ไม่มีอะไรหรอก แค่เจ็บคอเฉยๆ" เวลาผ่าน ไปครู่หนึ่งพยาบาลก็เดินมาบอกกับพี่ของผมว่าคนไข้นั้นเรียกหา พี่ของผมก็เลยเดินเข้าไป แล้วพี่เอก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังถึงตอนเหตุการณ์ ในวันเกิดที่ฉลองกันแล้วมีน้องคนหนึ่งมาเล่นด้วยแบบนี้ นั่นก็คือสาวเสริฟคนนั้น พี่เอคิดขึ้นมาได้ก็เลยถามกับพี่ผมว่ามันจะเกี่ยวกันไหมกับเรื่องนี้ พี่ชายของผมบอกว่า "อ้าว แล้วทำไมพึ่งมาเล่าให้ฟัง" พี่ชายของผมก็เลยโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทอีก 4 คน เพื่อจะปรึกษากันว่าจะทำยังไง และแก้ไขเรื่องนี้แบบไหนดี แล้วก็ได้ข้อสรุปว่าพี่ชายของผมจะพาพี่เอกลับไปที่จังหวัดตากเพื่อไปเจอสาวคนนั้น โดยที่เพื่อนๆที่เหลือจะไป รอที่นั่นเลย พี่ชายและพี่เอจึงมุ่งหน้าเดินทางไปที่อำเภอแม่สอด ระหว่างทางไปนั้นพี่ชายของผมก็ถอดพระออกไปคล้องคอพี่เอเอาไว้ เพื่อให้พี่เขาสงบลง


พอรถนั้นไปถึงอำเภอแม่สอดทุกคนก็รวมตัวกัน แต่ว่าหาร้านนั้นไม่เจอ ลองถามชาวบ้านแถวนั้นดูเขาก็บอกมาว่าร้านนั้นเลิกกิจการไปแล้ว ส่วนสาวเสริฟคนนั้นเป็นสาวเขมร และเธอก็ได้เดินทางกลับบ้านของตัวเองไปนานแล้วเหมือนกัน เพื่อนของพี่ผมทุกคนตกใจมาก ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกันต่อดี มีเพื่อนพี่คนหนึ่งเลยเสนอขึ้นมาว่า "ถ้าเกิดอย่างนั้นลองพาที่เอไปหาพระดูก่อนดีกว่าไหม เผื่อว่าพระท่านจะช่วยได้"

ก็เริ่มจากพระในอำเภอแม่ระมาด พอถึงวัดพบกับพระ พระท่านก็บอกว่า "สายเกินไปแล้วโยม มันเอาไปถึงกระดูกดำแล้ว" หลังจากนั้นก็แวะหาพระตามวัดดังๆตลอดทางจนกระทั่งถึงจังหวัดกำแพงเพชร พระท่านนั้นบอกเหมือนกันแทบจะทุกรูปว่า "แก้ยากมาก แก้ไม่ได้ ทำได้แค่พรม น้ำมนต์ให้" จนโทรศัพท์ไปปรึกษากับแม่ที่เฝ้าภรรยาอยู่ที่โรงพยาบาลพร้อมกับเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง แม่ก็เลยบอกว่า "ให้รีบไปวัดข้างๆบ้านที่จังหวัดกำแพงเพชร รีบไปพบพระท่านก่อนที่ฟ้าจะมืด" ทุกคนได้ยินแบบนั้นก็ได้มุ่งหน้าเดินทางทันที

ในระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปนั้น พี่เอก็มีอาการแปลกๆบ้าง ส่วนใหญ่จะบอกว่ามีตัวอะไรสักอย่างอยู่ในลำคอ จนกระทั่งถึงวัดประมาณ 4 โมงเย็น ได้พบกับพระรูปนั้น แล้วก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้พระท่านฟัง พระท่านก็เลยให้นั่งในโบสถ์พร้อมกับทำพิธีอยู่นานประมาณชั่วโมงครึ่ง จากนั้นก็บอกให้พี่เออยู่บ้านแม่ก่อน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดนัก พร้อมกันนั้นก็ยังเอาสายสิญจน์ไปพันไว้รอบบ้านประมาณ 7 รอบ โดยลักษณะเป็น บ้านไทย มีใต้ถุนสูง มีนอกชาน มีบันไดขึ้นหน้าบ้าน ท่านสั่งว่าให้พี่เอนอนในบ้านล็อคกุญแจเลย ส่วนเพื่อนๆนั้นนอนอยู่หน้าห้องเฝ้าเอาไว้ ถ้าเกิดได้ยินเสียงอะไรก็ช่างห้ามเปิดดูเด็ดขาด ถ้าเกิดพ้นคืนนี้ไปได้ รอดแน่ พี่ผมก็ทำตามทุกอย่าง นอนรวมกันหน้าห้อง ตกลงกันว่าห้ามหลับ พวกเพื่อนๆจะคอยผลัดเวรกันเฝ้าทั้งคืน


พอพระอาทิตย์ตกดิน ความมืดเริ่มครอบคลุม เพื่อนของพี่คนหนึ่งก็ได้ยินเสียงมีคนกำลังเดินรอบบ้าน แต่ว่าพี่ผมนั้นไม่ได้ยิน พอตก เข้ากลางดึก อาจจะเป็นเพราะความเพลียจากการเดินทางพี่ชายของผมและเพื่อนทุกคนนั้นหลับสนิท ตื่นอีกทีก็เช้า เพื่อนพี่คนหนึ่งตื่นก่อนเห็นประตูห้องนอนเปิดก็เลยตกใจ รีบปลุกเพื่อนทุกคนที่เหลือให้ตื่นขึ้น พอทุกคนตื่นหมดแล้วก็รีบวิ่งเข้าไปดูภายในห้องแต่ว่าไม่เจอพี่เอ

เจอแต่รอยเลือด หยดเป็นทางออกจากห้อง ลงบันไดไป พี่ชายผมและเพื่อนทุกคนก็เดินตามรอยเลือดไป ออกห่างจากตัวบ้านประมาณ 500 เมตร ก็พบกับร่างของพี่เอนอนเสียชีวิตอยู่ ทุกคนที่เห็นภาพนั้นตกใจมากและก็แปลกใจมากด้วยว่าพี่เอนั้นถูกขังอยู่ในห้องออกมาจากห้องได้อย่างไร ทั้งที่ประตูห้องก็ถูกล็อคกุญแจอยู่ ลักษณะของพี่เอนั้นเหมือนกับว่าออกมาจากห้องได้แล้วก็หยิบมีดเหน็บที่ใส่ปลอกแขวนอยู่หน้าห้อง พยายาม เชือดคอของตัวเอง พร้อมกับเดินลงบันไดไป ไปเสียชีวิตห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตร

หลังจากนั้นจึงต้องโทรศัพท์เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมาทำคดี ระหว่างนั้นพี่ชายของผมกับเพื่อนก็เลยโทรศัพท์กลับไปบอกคุณแม่ ของพี่เอ และคืนที่พี่เอเสียชีวิตนั้นก็เป็นคืนเดียวกับที่ภรรยาของพี่เอนั้นคลอดทารกน้อยออกมาพอดี เหตุการณ์ในครั้งนั้นหาคําตอบไม่ได้ว่า สาวเสริฟชาวเขมรคนนั้นต้องการอะไรจากพี่เอ และทำอะไรกับพี่เอเอาไว้ แต่ว่าเพื่อนทั้งหมดในกลุ่มนั้นก็เลยถือโอกาส เลิกการดื่มเหล้ากัน แบบถาวร เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ