ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

มันคลานออกมาจากตู้!! เรื่องหลอนโรงแรมที่อุบล


เรื่องนี้เกิดเมื่อไม่นานมานี้ค่ะคือนู๋เป็นคนอุบลค่ะแต่ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองค่ะ จะอยู่นอกเมืองค่ะ อยู่ศรีเมืองใหม่ค่ะ

เรื่องเกิดเมื่อประมาน ช่วงเดือน กันยายน2560ค่ะคือนู๋ทำงานเป็นครูผู้ช่วยค่ะเลยต้องเข้ามาเรียนที่มหาลัยเอกชนแห่งหนึ่งที่อยู่ในตัวเมืองค่ะเพราะบ้านอยู่ไกลจึงทำให้เวลาสอบต้องเข้ามาเช่าห้องนอนในตัวเมืองค่ะก็ลองไปพักแล้วหลายที่ค่ะแต่ก็ปกติทุกที่จนมาเจออยู่2ที่ค่ะแรกมากๆสุดๆไปเลยค่ะ...ที่แรกจะเป็นโรงแรมที่อยู่กลางเมืองค่ะแถวหลังโลตัสค่ะเพราะเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่กลางเมืองค่ะเรากับแฟนและลูกสาวอายุ2ขวบรวมเป็น3คนค่ะหลังจากนั้นสามีก็เข้าไปถามว่ามีห้องว่างไหมพนักงานบอกเหลือ1ห้องครับชั้นล่างสุดสามีบอกพนักงานเอาครับหลังจากนั้นสามีก็เอาของเข้าเก็บในห้องพักเรียบร้อยเราก็พากันไปทานข้าวที่โลตัสหลังจากนั้นก็กบับมาที่ห้องประมาน 20.00น.เราก็เลยอาบน้ำก่อนโดยให้สามีดูลูกรอข้างนอกเราก็อาบน้ำปกติเราเป็นคนชอบอาบน้ำเย็นค่ะเลยไม่เปิดเครื่องทำน้ำอุ่นเราก็อาบน้ำไปปกติ

จนตอนเราล้างน่าเราต้องหลับตาฟอกสบู่เสร็จก็เลยเอามือคล่ำไปที่ที่เปิดน้ำพอเปิดปุ๊บน้ำที่พุ่งใส่เราเป็นน้ำร้อนค่ะเราร้องลั่นจนสามีวิ่งมาดูเราแล้วพาเราเดินไปล้างน่าที่อ้างพอล้างเสร็จสามีเราถามว่าร้องทำไมเราตอบไปว่าน้ำร้อนลวกแล้วสามีบอกว่าใหนน้ำร้อนเครื่องยังไม่ได้เปิดเลยเราก็เลยบอกว่าน้ำร้อนลวกแล้วเอาหลังมือและน่าให้แฟนดูปรากฎว่าแดงมากจนต้องเอายาสีฟันทาเราเลยชวนสามีไปพักที่อื่นแต่สามีเราบอกว่าแค่คืนเดียวเองอดทนเอาหลังจากนั้นเราก็มานั่งดูหนังกับลูกที่โซฟาข้างๆเตียงตอนนั้นสามีเราอาบน้ำเราดูทีวีอยู่ปรากฎว่าลูกสาวเราอามือชี้ไปที่เตียงแล้วพูดว่า. เตียงนั่ง"ผิเล่าะ" คือลูกเรายังพูดไม่ชัดเราก็เลยบอกว้าไม่อะไรหรอกลูกแต่ในใจเราคิดว่าอยากย้ายห้องแต่สามีไม่ยอมเลยต้องทน.

เวลาประมาน21.30เราก็พาลูกนอนโดยให้นอนโดยเปิดไฟและประตูห้องน้ำไว้เหตุการก็ปกติดีจนถึงเวลา 23.57-01.30น.เรากำลังหลับแล้วครึ่งหลับครึ่งตื่นเหมือนเห็นเป็นผู้หญิงเดินออกมาจากตู้แล้วหยุดที่ปลายเตียงแล้วมองมาที่ลูกเราแล้วเหมือนค่อยๆคลานมาหาลูกเราๆเหมือนฝันหรือจริงไม่รู้ เราเลยตัดสินใจพยามยกเท้าขึ้นมาเพื่อจะถีบตอนนั้นเท้าเราหนักมากๆเราจึงตั้งใจดีๆท้องบทสวดมนต์ อิติปิโส จากนั้นเราเลยรวบรวมกำลังแล้วยกเท้าถีบไปเต็มแรงความรู้สึกเหมือนโดนช่วงอกทำให้ร่างนั้นกระเด็นตกเตียงแล้วเราก็ตื่นขึ้นมาจนนอนไม่หลับเลยนอนมองลูกกับสามีนอนแล้วสักพักประตูตู้เสื้อผ้าก็ค่อยๆเลือนออกแล้วเราเห็นเงาดำของผู้หญิงเดินมานั่งมองสามีเราตอนนั้นเรากลัวมากเรามองได้สักพักเค้าก็พยายามเหมือนจะหอมเเก้มสามีเราก็เลยรีบลุกขึ้นไปเปิดไฟแล้วหั้นมาดูปรากฎว่าไม่เห็นเราเลยไปปลุกสามีขึ้นมา

ปรากฏว่าคำแรกที่สามีพูดกับเราคือกลับบ้านเราเลยรีบจะปลุกลูกปรากฎว่าลูกเราตัวร้อนหนักมากเราเลยให้สามีเก็บของขึ้นรถเพื่อจะพาลูกไปหาระหว่างที่สามีออกไปด้านนอกอยู่ๆไฟในห้องก็ดับเราก็เลยพูดขึ้นว่า...ไม่ว่าวิญญานที่เจอเป็นใครเราบอกว่าพรุ่งนี้จะทำบุญไปให้แต่ไฟก็ยังไม่มาแล้วสามีเราเดินมาเคาะประตูเรียกเราว่าล็อคทำไมเราเลยร้องบอกสามีว่าไม่ได้ล๊อคแต่ประตูก็เปิดไม่ออก..ตอนนั่นยอมรับกลัวมากแต่ตัวลูกเราก็ร้อนมากเราอุ้มลูกอยู่บนเตียงด้วยความโกรธจึงพูดว่า...จะผีหรืออะไรไม่รู้ถ้ามึงเก่งจริงมึงคงไม่ตายเป็นผีหรอกเลยหลับตาสวดมนต์หลังจากกำลังสวดได้3คำประตูห้องนำ้ปิดเองดังปั่ง ไฟจึงติด สามีเราเปิดเข้ามาอุ้มลูกแล้วรีบพาเราขับรถออกไปข้างน่าเพื่อคืนกุญแจ

เราก็เลยมองไปที่กระจกมองหลังด้านซ้ายเหมือนเห็นเป็นผู้หญิงยืนมองเราใต้ต้นไม้ด้วยความกลัวเลยไม่มองอีกจนขับรถออกมาถึงถนนใหญ่ปรากฎว่าตัวลูกสาวเราปกติไม่ร้อนแล้วส่มีเราจึงพาเรากลับบ้าน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ