ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เจอดีทุกคืนก่อนตีหนึ่งสิบห้านาที...ใครเคยมองผ่านตาแมวแล้วเจอดีกันบ้าง!!


เป็นเรื่องราวที่รุ่นน้องเล่าให้ฟัง ชื่อคุณแจ็ค เหตุการณ์เกิดขึ้นที่คอนโดแห่งหนึ่ง แถวลาดพร้าว คุณแจ็คได้ย้ายมาเรียนต่อในกรุงเทพ และได้เช่าอยู่ที่คอนโดแถวลาดพร้าว

ตอนโดแห่งนี้มีทั้งหมดสิบสองชั้น คุณแจ็คเช่าอยู่ที่ชั้นสิบเอ็ด ซึ่งห้องที่คุณแจ็คเช่าอยู่ เจ้าของได้มาซื้อไว้ แล้วปล่อยให้เช่าต่อ เป็นแค่ห้องโล่งๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ คุณแจ็คก็ได้เอาฟูกมาปูนอน และขนข้าวของเครื่องใช้เล็กๆน้อยๆ มาวางในห้อง ในคืนแรก อาจเป็นเพราะแปลกที่ จึงทำให้คุณแจ็คนอนไม่ค่อยหลับ แต่ในขณะที่กำลังข่มตานอน ทุกอย่างเงียบสนิท ในความเงียบนั้น คุณแจ็คได้ยินเสียงลิฟท์ดัง "ติ๊ง" มาไกลๆ ตามด้วยเสียงรองเท้ายางถูกับพื้นดัง "เอี๊ยด..เอี๊ยด..เอี๊ยด" และเสียง "เกร๊ง..เกร๊ง..เกร๊ง" ผ่านที่หน้าห้อง

คุณแจ็คลองเปิดมือถือเพื่อดูนาฬิกา พบว่าเป็นเวลาเที่ยงคืน สี่สิบห้านาที ซึ่งมันก็ดึกมากแล้ว จึงพยายามข่มตานอน จนเคลิ้มหลับไป คืนต่อมาก็ยังคงนอนไม่กลับ พลิกตัวไปมาอยู่นาน สักพักก็ได้ยินเสียงลิฟท์ดัง "ติ๊ง" ตามด้วยเสียงเดินดัง "เอี๊ยด..เอี๊ยด..เอี๊ยด" พร้อมกับเสียง "เกร๊ง..เกร๊ง..เกร๊ง" เสียงมันเหมือนกับเหล็กกระทบกัน และเมื่อคุณแจ็คดูเวลา ก็เห็นเป็นเวลาเที่ยงคืน สี่สิบห้านาที

คืนที่สาม คุณแจ็คยังคงนอนไม่หลับอีกตามเคย จึงลุงขึ้นมานั่งเขียนงาน เพื่อให้มันง่วง และได้เปิดประตูหน้าห้องทิ้งไว้ ให้มีลมโกรกเย็นๆ ในระหว่างที่กำลังนั่งเขียนงานอยู่ คุณแจ็คก็ได้ยินเสียง "ติ๊ง" ตามด้วยเสียง "เอี๊ยด..เอี๊ยด..เอี๊ยด" พร้อมๆกับเสียง "เกร๊ง..เกร๊ง..เกร๊ง" เสียงนั้นดังมาจากหน้าลิฟท์ จนมาถึงหน้าห้อง คุณแจ็คหันไปมองทันที เห็นเป็นน้องผู้หญิงคนนึง ตัวเล็กๆ ผิวขาวผมยาว ใส่ชุดนักศึกษา หน้าตาหน้ารักมาก สะพายกระเป๋าข้าง และมีลูกกระพรวนติดอยู่ที่กระเป๋า

คุณแจ็ครู้สึกชอบผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาตั้งแต่แรกเห็น และคิดว่าน้องผู้หญิงคงจะไปทำงาน หรืออะไรสักอย่าง ถึงได้กลับมาในเวลาเดิมทุกๆวัน คืนต่อมาคุณแจ็คเปิดประตูห้องไว้เหมือนเดิม พอถึงเวลา ก็จะได้ยินเสียงน้องผู้หญิงเดินมาจากลิฟท์ จึงแกล้งทำเป็นหยิบไม้กวาด มากวาดแถวๆหน้าประตูห้อง พอน้องผู้หญิงเดินผ่านมาถึง คุณแจ็คแกล้งทำเป็นพูดว่า "กลับดึกจังเลยนะครับ" น้องผู้หญิงก็ส่งยิ้มหวานมาให้ คุณแจ็คเห็นแบบนั้นก็รู้สึกดีใจ ที่น้องไม่ได้ทำท่าทีรังเกียจ แถมยังยิ้มให้อีกด้วย

คืนต่อมา คุณแจ็คก็ทำแบบเดิม ไปยืนรอส่งยิ้มให้ที่หน้าห้อง จนเริ่มอยากรู้ว่าน้องอยู่ห้องไหน คืนถัดมา คุณแจ็คก็ไปยืนรอส่งยิ้มให้เหมือนเดิม พอน้องเดินผ่านหน้าห้องไป ก็แอบชะโงกหน้ามองตามหลัง
เห็นน้องยืนอยู่ตรงสุดโถงทางเดินหน้าห้อง แล้วหันกลับมามองคุณแจ็ค พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ แล้วพยักหน้า คุณแจ็คก็ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร จึงได้ยกนิ้วขึ้นชี้ที่หน้าตัวเอง เป็นเชิงว่าเรียกกันเหรอ
น้องผู้หญิงก็พยักหน้าตอบ แล้วกวักมือเรียก ทำให้คุณแจ็ครู้สึกหัวใจพองโต มีสาวน่ารักที่แอบชอบกวักมือเรียก จึงไม่รอช้า เดินจ้ำเข้าไปหาทันที ไม่สนใจแม้แต่จะใส่รองเท้า

จนใกล้จะถึงตัวน้องประมาณสองช่วงแขน แต่อยู่ดีๆ น้องก็หันหลังให้คุณแจ็ค แล้วเลื่อนหน้าต่างที่อยู่ตรงกำแพงสุดท้ายเดินขึ้น แล้วกระโจนพรวดลงไปข้างล่างทันที คุณแจ็คร้องตะโกนด้วยความตกใจ รีบวิ่งตามไปดู ในหัวนึกภาพร่างของน้อง ต้องตกลงไปกองอยู่บนพื้นข้างล่างแน่ๆ แต่เมื่อคุณแจ็คชะโงกหน้าออกไปดูนอกหน้าต่าง กลับไม่พบร่างของใครเลย เป็นเพียงแค่ลานจอดรถธรรมดา คุณแจ็คพยายามหาดูจนทั่วบริเวณ เพราะน้องอาจจะไปติดอยู่ตรงจุดไหนสักที่ แต่เมื่อลองหาดูจนทั่ว ก็ไม่พบร่างของน้องไปติดอยู่ที่ไหน คุณแจ็คค่อยๆเดินถอยหลัง เริ่มสับสนกับเหตุการที่เกิดขึ้น คิดในใจว่า สิ่งที่เห็นเมื่อครู่มันคืออะไรกันแน่ คุณแจ็คกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าห้อง ปิดประตูแล้วนั่งขดตัวอยู่บนเตียง ถามกับตัวเองว่าเราเจออะไรกันแน่

คืนนั้น คุณแจ็คนั่งขดตัวกัดเล็บตัวเองทั้งคืนเพราะความกลัว จนรุ่งเช้า พอไปถึงมหาลัย ก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนๆฟัง มีทั้งคนที่เชื่อและก็ไม่เชื่อ คุณแจ็คบอกกับเพื่อนว่า อยู่ไม่ได้ กลัวมาก จะขอไปนอนกับเพื่อนที่ห้องด้วย แต่ไปอยู่ห้องเพื่อนได้แค่สองสามวัน ก็ต้องกลับมานอนที่ห้องตัวเองอีกเหมือนเดิม เนื่องจากห้องของเพื่อนค่อนข้างแคบ และอยู่กันหลายคน จึงเกิดความแออัดไม่สะดวกต่างๆ เพื่อนก็เลยบอกว่า "เอางี้แจ็ค กูสองคนจะไปนอนห้องด้วย ไปดูเลยว่ามันเป็นยังไง อย่างน้อยอยู่กันสามคน คงไม่เป็นไร" คุณแจ็คก็ตกลง จึงได้ย้ายไปนอนห้องคุณแจ็คกันสามคน

จนถึงเวลาเที่ยงคืนสี่สิบห้า ปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีเสียงลิฟท์ ไม่มีเสียงคนเดิน ไม่มีเสียงอะไรทั้งนั้น เพื่อนก็บอกว่า "โอเค นี่แค่คืนแรก อาจจะยังไม่มีอะไร คืนที่สองอาจจะมี" แต่เมื่อถึงคืนที่สอง ก็ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น คืนที่สามก็เช่นกัน เพื่อนจึงฟันธงกันว่า "แจ็ค มันไม่มีแล้วล่ะ เจออะไรไม่รู้ แต่มันไม่มีแล้ว" คุณแจ็คยังไม่รู้สึกคลายความกังวล แต่เมื่อเพื่อนจะกลับ ก็ไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด คิดว่าคงต้องลองวัดดวงดูเอง

คืนต่อมา คุณแจ็คยังคงนอนไม่หลับอีกเหมือนเดิม บรรยากาศมันแตกต่างกับตอนที่มีเพื่อนมานอนด้วยแบบคนละเรื่องกันเลย รู้สึกใจหวิวๆ และเงียบเชียบ แต่ในความเงียบนั้น คุณแจ็คได้ยินเสียงลิฟท์ดัง "ติ้ง!!" มาไกลๆ ทำให้คุณแจ็คหูผึ่งทันที คิดปลอบใจตัวเองว่า คงจะเป็นผู้อาศัยอื่นๆในชั้นนี้ สักพักมีเสียงดัง "เอี๊ยด..เอี๊ยด..เอี๊ยด" ผสมกับเสียง "เกร๊ง..เกร๊ง..เกร๊ง" คุณแจ็คขนลุกซู่ไปทั้งตัว เสียงนั้นดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เชื่องช้า จนมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องของคุณแจ็ค ภายในห้องปิดไฟมืด แต่โถงทางเดินด้านนอกยังคงเปิดไฟสว่าง คุณแจ็คมองลงไปที่ช่องเล็กๆใต้ประตู ปรากฏว่าเห็นเป็นขาคนสองข้าง ยืนอยู่หน้าห้อง โดยหันหน้าเข้าประตู

คุณแจ็คใจหายวาบ ความกลัวมันเริ่มปะทุขึ้นในใจเรื่อยๆ จนเหงื่อกาฬผุดขึ้นทั้งตัว รีบดึงผ้าห่มขึ้นคลุมหัว แล้วนั่งกอดเข่าตัวสั่นอยู่บนเตียง หวาดกลัวต่ออะไรสักอย่าง ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้อง ภาวนาอยู่ในใจว่าขอให้สิ่งนั้นรีบๆเดินผ่านหน้าห้องไปสักที แต่สิ่งที่ได้รับจากการขอภาวนาคือ เสียงลูกบิดประตูห้องมันดัง "แกร่กๆ..แกร่กๆ" เหมือนมีคนพยายามจะเปิดประตูเข้ามา ทำให้คุณแจ็คกลัวจนจับใจ ถึงแม้ว่าจะล็อกห้องอยู่ก็ตาม คุณแจ็คเอาแต่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม รู้สึกว่าเสียงมันได้เงียบหายไปสักพัก จึงค่อยๆดึงผ้าห่มออกดู แต่สิ่งที่เห็นทำให้คุณแจ็คผวาจนหยุดหายใจไปชั่วขณะ ยังคงเห็นเท้าคนยืนอยู่หลังประตูเหมือนเดิม แต่ที่เพื่มมาก็คือ มีหน้าคน ค่อยๆแนบลงมามองที่ช่องใต้ประตู จนเห็นลูกกะตาสีขาวๆข้างหนึ่ง

ซึ่งตามหลักสรีระแล้ว เป็นไปไม่ได้ในเวลาที่ยืนหันหน้าเข้าหาประตู แล้วจะสามารถเอาหน้าแนบลงที่ช่องใต้ประตูได้ คุณแจ็ตจ้องมองสิ่งแปลกประหลาด ที่ยืนอยู่อีกด้านของประตูด้วยความสยดสยอง
หน้าที่แนบลงมาใต้ประตูกลอกลูกกะตาไปมา เหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่างภายในห้อง สักพักก็ค่อยๆดึงหัวกลับขึ้นไป แล้วเดินผ่านหน้าห้องไปอย่างช้าๆ "เกร๊ง..เกร๊ง..เกร๊ง" คุณแจ็คยังคงมองตาค้างอยู่ที่ช่องใต้ประตู เหมือนคนที่สติหลุดออกจากร่างไปแล้ว

รุ่งเช้า คุณแจ็ครีบโทรไปหาเจ้าของห้อง แล้วขอย้ายออกทันที และขอเงินมัดจำคืนครึ่งหนึ่ง เจ้าของห้องถามถึงเหตุผล คุณแจ็คจึงเล่าเรื่องที่เจอมาให้เจ้าของห้องฟัง เจ้าของห้องพูดออกมาว่า "นี่ยังอยู่อีกเหรอเนี่ย" คุณแจ็คถามต่อทันทีว่าหมายความว่ายังไง ก็ได้ความว่า เมื่อประมาณสองปี ก่อนที่เจ้าของห้องจะมาอยู่ที่นี่ มีนักศึกษาชายหญิงคู่หนึ่ง เช่าอยู่ที่ชั้นสิบเอ็ด แล้วเกิดมีปากเสียงกัน จนฝ่ายชายไล่ฝ่ายหญิงออกนอกห้องแล้วล็อคประตูห้อง ทิ้งให้ฝ่ายหญิงอยู่นอกห้องคนเดียว จึงเกิดความน้อยใจ ก็เลยไปกระโดดตึกตายที่หน้าต่างสุดทางเดิน

หลังจากนั้น คนที่อยู่ชั้นสิบเอ็ด มักจะได้ยินเสียงผู้หญิง เดินร้องไห้อยู่หน้าโถงทางเดิน ในเวลาเที่ยงคืนสี่สิบเอ็ดนาที จนคนย้ายออกกันทั้งชั้น เจ้าของคอนโดจึงนิมนต์พระมาทำพิธิ หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีใครได้ยินเสียงของน้องผู้หญิงอีก จนคุณแจ็คมาเจอเข้ากับตัว อาจจะเป็นเพราะดวงสมพงศ์กัน และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ