ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

"เที่ยวบินสยอง" เจอในห้องน้ำบนเครื่องไม่พอ ยังมาเจอตรงที่นั่งอีก!!


เหตุการณ์และเรื่องราวทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับโชคโดยตรง แต่ว่าเป็นเรื่องที่รุ่นพี่เล่าให้ฟัง เพราะว่าโชคก็ทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินแห่งชาติแห่งหนึ่ง ขอย้อนกลับไปเมื่อสัก 14 ปีที่ผ่านมา วันนั้นมีเที่ยวบินที่เดินทางออกจากประเทศไทย มุ่งหน้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เกิดเรื่องราวเหนือธรรมชาติกับชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนไทยเหมือนกัน

เรื่องราวทั้งหมดก็มีอยู่ว่า วันนั้นชายคนนั้น กำลังเดินทางกลับไปที่ประเทศอเมริกา เนื่องจากต้องกลับไปเรียนหนังสือต่อ เที่ยวบินในวันนั้นเต็มแทบจะทุกที่นั่ง หลังจากเครื่องบินพุ่งทะยานออกจากรันเวย์ของกรุงเทพ ชายคนนั้นรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินเพราะว่าเท่าที่มองดูแล้ว ผู้โดยสารเต็มแทบจะทุกที่นั่ง แต่ว่าแถวที่มี 3 ตัวที่เขานั่งอยู่นั้นมีเขานั่งอยู่แค่คนเดียว ก็รู้สึกสะดวกหน่อยที่ไม่ต้องมีใครมานั่งเบียดอยู่ข้างๆ หลังจากเครื่องทำการบินไปได้ประมาณสัก 5 ชั่วโมงก็ต้องมีการลงจอดที่สนามบินของประเทศแห่งหนึ่งเพื่อทำการเติมน้ำมัน หรือก็คือการพักเครื่องนั้นเอง ผู้โดยสารทั้งลำนั้นก็ลงจากเครื่องไปพักผ่อนในสนามบินเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อถึงเวลาที่กำหนดผู้โดยสารทั้งหมดก็กลับขึ้นเครื่องอีกครั้ง ชายคนดังกล่าวกลับขึ้นมาที่เครื่องรอบนี้ก็ต้องรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เนื่องจากการแวะพักที่สนามบินแห่งนี้ มีผู้โดยสารอีกท่านหนึ่งขึ้นมานั่งอยู่ข้างๆเขาด้วย ผู้โดยสารคนดังกล่าวนั้นเป็นชายแก่ เป็นชายชาวอเมริกัน อายุนั้นน่าจะเกิน 60 ปีขึ้นไปแล้ว

เนื่องจากชายไทยคนดังกล่าวนั่งอยู่ที่เก้าอี้ติดกับริมทางเดิน พอมีพนักงานต้อนรับบนเครื่องเดินนำชายแก่คนดังกล่าวมาที่นั่งแถวเดียวกับชายไทยคนนั้น ผู้โดยสารชาวไทยก็เลยลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อเปิดทางให้ชายแก่คนดังกล่าวเดินเข้าไปนั่งในเก้าอี้อีก 2 ตัวที่เหลือติดกับริมหน้าต่าง ชายแก่ชาวอเมริกันคนนั้นก็เลือกที่จะนั่งตัวที่ติดหน้าต่าง ซึ่งระหว่างกลางก็ยังคงมีที่นั่งว่างอยู่อีกหนึ่งที่ หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยนั้นเครื่องก็มุ่งหน้าออกจากสนามบินอีกครั้งนึงตรงสู่สหรัฐอเมริกา ผู้โดยสารชาวไทยก็นำหูฟังมาสวมเพื่อเปิดเพลงฟัง ในระหว่างนั้นเขาสังเกตได้ว่าชายสูงอายุท่านนั้นนั่งอยู่คนเดียว บางครั้งก็เหมือนกับมีการขยับปากพูดกับตัวเองคนเดียว ซึ่งผู้โดยสารชาวไทยนั้นจับประใจความไม่ได้ เนื่องจากตัวเขาเองก็กำลังสวม headphone ฟังเพลงอยู่

จนกระทั่งถึงเวลาเสริฟอาหารอีกครั้ง เวลาท้องถิ่นในขณะนั้นใกล้จะค่ำแล้ว นั่นก็คือฟ้าด้านนอกนั้นมืดแล้ว พนักงานต้อนรับบนเครื่องก็เริ่มเดินทยอยเสริฟอาหารไล่มาทีละแถว จนกระทั่งถึงแถวที่ชายไทยคนดังกล่าวนั่งอยู่ ผู้โดยสารชาวไทยคนนั้นก็เริ่มปรับเก้าอี้ขึ้นมานั่งในท่าเตรียมพร้อมที่จะทานอาหาร แล้วก็เริ่มปลดถาดอาหารที่ติดอยู่กับเก้าอี้ด้านหน้า แต่แล้วก็เริ่มแปลกใจอะไรบางอย่าง นั้นก็คือ ชายสูงอายุที่นั่งอยู่ติดกับหน้าต่างนั้นเริ่มปลดถาดอาหารออกมาจากเก้าอี้ด้านหน้าเหมือนกัน เพียงแต่ว่าชายสูงอายุดังกล่าวนั้นปลดถาดด้านหน้าของตัวเขาเองแล้วก็ด้านหน้าของเก้าอี้ ตัวที่ว่างอยู่ระหว่างกลางของทั้งสองคน!!

พอพนักงานมาเสิร์ฟอาหาร ผู้โดยสารชาวไทยก็ต้อง งงมากกว่าเดิม เนื่องจากว่าเสริฟอาหารทั้ง 3 ที่นั่ง โดยที่ตรงกลางไม่มีใครนั่ง แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะนึกว่าชายสูงอายุคนดังกล่าวอาจจะขอเพิ่มเป็น 2 ที่ ผู้โดยสารชาวไทยนั้นทานอาหารเสร็จก่อนชายสูงอายุ เลยล้มตัวลงปรับเก้าอี้ไปสู่ท่านอน เนื่องจากบินมาหลายชั่วโมงแล้วก็เริ่มที่จะง่วง จนชายคนนั้นหลับไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบได้ รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากปวดท้องอยากจะเข้าห้องน้ำ พอลืมตาตื่นขึ้นมาเครื่องบินทั้งลำตกอยู่ในความมืด เนื่องจากว่ามีการดับไฟให้ผู้โดยสารทั้งลำได้พักผ่อนนอนหลับ แสงสว่างเท่าที่มีก็มีอยู่แค่ตรงทางเดินซึ่งจะเป็นไฟล์เล็กๆเส้นยาวยาวๆ สว่างตลอดทางเดินไปสู่ห้องน้ำและประตูออกฉุกเฉินเท่านั้น

อย่างที่บอกไปแล้วว่าผู้โดยสารชาวไทยคนนี้นั้นนั่งอยู่ติดกับริมทางเดิน ระหว่างที่เขาเริ่มรู้สึกตัวแต่ว่ายังไม่ได้ลุกขึ้นจากที่นั่ง สายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างตรงกลางทางเดิน ที่พื้นตรงกลางทางเดินนั้นเขาเห็นเงา ลักษณะเป็นเงาดำๆตะคุ่มๆอยู่กลางทางเดินตรงพื้น เหมือนกับว่ามีใครสักคนกำลังจะโผล่หัว แล้วก็ยกมือขึ้นมาจากพื้นตรงกลางทางเดินของเครื่องบิน อยู่ห่างออกไปจากเขาเพียงแค่ 3-4 เมตรเท่านั้น ชายคนนั้นตกใจมากทะลึ่งตัวขึ้นมา จากท่านอนลุกขึ้นมานั่งจ้องดูดีๆอีกครั้ง คราวนี้กลับไม่เห็นอะไรเลย ผู้โดยสารชาวไทยคนนั้นพยายามปลอบตัวเองว่าอาจจะมาจากการฝัน หรือว่าตาฝาดเนื่องจากเพิ่งตื่นนอน หันไปมองทางด้านซ้ายมือของตัวเอง ชายสูงอายุชาวอเมริกันก็นอนหลับอยู่ข้างๆ มองไปรอบตัวผู้โดยสารท่านอื่นส่วนใหญ่ก็นอนหลับกันเกือบจะทุกคน มีแค่บางคนที่เปิดไฟอ่านหนังสือแค่ 2-3 คนเท่านั้น

ผู้โดยสารชาวไทยก็เลยตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินมุ่งหน้าตรงไปที่ห้องน้ำ พอไปถึงห้องน้ำ ชายไทยคนนั้นก็เริ่มลงมือล้างหน้าเพื่อให้หายง่วง แล้วก็เริ่มนั่งลงที่ชักโครกเพื่อจะทำธุระส่วนตัว ขอให้นึกภาพลักษณะห้องน้ำบนเครื่องบิน คือประตูห้องน้ำนั้นจะไม่ใช่ประตูที่ใช้เปิดออก เป็นประตูบานพับที่ใช้ผลักเข้าด้านใน ซ้ายมือก็คืออ่างล้างหน้า ถัดไปนิดเดียวก็คือโถชักโครก มีที่ว่างให้ขยับตัวได้นิดหน่อยเท่านั้น ในระหว่างที่ผู้โดยสารชาวไทยกำลังนั่งทำธุระส่วนตัวอยู่นั้นก็เกิดเรื่องชวนขนหัวลุกจนไม่สามารถจะลืมเรื่องนี้ได้ลง ในขณะที่นั่งอยู่บนโถชักโครกนั้น อยู่ดีๆก็มีสุภาพสตรีท่านหนึ่งน่าจะมีอายุแล้ว ลักษณะคือเธอเป็นชาวต่างชาติ มีผมสีบลอนด์ น่าจะมีอายุแล้ว ผมบางส่วนบนศรีษะจึงเป็นสีเทาออกสีดอกเลา ใบหน้านั้นมีรอยเหี่ยวย่นอยู่บ้าง สวมชุดยาวสีน้ำเงินเข้ม เดินทะลุประตูห้องน้ำตรงเข้ามา!!

โดยผู้หญิงคนนั้นเหมือนกับว่าจะไม่เห็นชายไทยคนดังกล่าวเลย เธอคนนั้นหลังจากเดินทะลุประตูห้องน้ำเข้ามาแล้ว เธอก็หันหน้าเข้าสู่กระจก ในมือของเธอมีกระเป๋าเครื่องสำอางค์เล็กๆติดมาด้วย แล้วเธอก็เริ่มแต่งหน้าโดยที่ถัดไปไม่ถึง 1 ฟุต ชายคนดังกล่าวยังคงนั่งอยู่บนโถชักโครก ชายคนนั้นกำลังนั่ง shock กับสภาพเบื้องหน้าที่เห็นอยู่ คราวนี้เขามั่นใจแล้วว่าเขาไม่ได้กำลังฝันอยู่ เนื่องจากเขาไม่กล้ามองหน้าผู้หญิงคนนั้นนานจึงก้มลงต่ำมองที่พื้น แต่การกระทำในครั้งนั้นก็ทำให้ชายคนดังกล่าว shock ยิ่งขึ้นกว่าเดิม อย่างที่ได้อธิบายลักษณะของห้องน้ำไปแล้วว่าแคบนิดเดียว พอชายคนนั้นก้มลงมองที่พื้นก็มองเห็นได้ชัดเจนเลยทีเดียวว่า หญิงสูงอายุคนดังกล่าวเท้าของเธอไม่ได้ติดกับพื้นเครื่องบิน นั่นก็คือเธอลอยอยู่เหนือพื้นประมาณซัก 10-15 ซม. ได้ ชายคนดังกล่าวจึงตัดสินใจหลับตาลงเพราะว่าไม่กล้าที่จะลุกออกมาในขณะนั้น เนื่องจากหญิงคนนั้นยืนบังประตูอยู่

เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ไม่ทราบได้ ชายไทยคนนั้นตัดสินใจลืมตาขึ้นมอง แต่ไม่เห็นอะไรแล้ว จึงรีบลุกขึ้นแต่งตัวแล้วก็ออกจากห้องน้ำทันที ข้างนอกทางเดินนั้นยังคงมืดอยู่ เขารีบเดินกลับไปที่นั่งของตัวเอง แต่ว่าในขณะที่กำลังจะถึงที่นั่งของตัวเองเพียงแค่ไม่กี่ก้าว สายตาก็มองไปเห็นเก้าอี้ตัวกลางที่ติดอยู่กับเก้าอี้ของเขาที่ก่อนหน้านี้มันยังว่างอยู่ แต่ว่าในขณะนี้มีคนมานั่งแล้ว คนที่นั่งอยู่ก็คือหญิงสูงอายุที่เขาเพิ่งจะได้เจอะเจอในห้องน้ำเมื่อครู่นี้นั่นเอง ผู้โดยสารชาวไทยคนนั้นตกใจสุดขีดรีบวิ่งไปหาพนักงานต้อนรับ แล้วก็เอะอะโวยวาย เล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ฟัง จนพนักงานต้อนรับอาวุโสต้องเดินมาคุยเอง พอชายไทยคนนั้นเริ่มได้สติพนักงานต้อนรับอาวุโสและอีก 2-3 คนก็ชวนกันเดินกลับไปที่นั่งของชายคนนั้น แต่ว่าครั้งนี้มีเพียงแค่ชายแก่สูงอายุนั่งติดริมหน้าต่างอยู่ลำพังเพียงคนเดียวเท่านั้น ผู้โดยสารชาวไทยที่กำลังขวัญเสียไม่กล้าเดินกลับไปใกล้ที่นั่ง มีแต่เพียงพนักงานต้อนรับอาวุโสเดินเข้าไปปลุกชายแก่คนนั้น แล้วก็คุยกันอีกพักหนึ่ง ชายแก่คนนั้นก็เริ่มร้องไห้ออกมา

ในเวลาขณะนั้นเหลืออีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงที่หมายแล้ว แต่ว่าผู้โดยสารชาวไทยก็ยืนยันที่จะขอเปลี่ยนที่นั่ง ไม่ขอกลับไปนั่งที่เดิมเป็นอันขาด พนักงานต้อนรับเอาวุโสก็เลยเปลี่ยนที่นั่งให้เขาไปนั่งตรงชั้น business แทน พอเครื่องถึงที่หมายพนักงานต้อนรับท่านอื่นก็บอกให้ผู้โดยสารชาวไทยคนนั้นรอสักครู่ แล้วพนักงานต้อนรับระดับอาวุโสและกัปตันก็เดินเข้ามาเล่าเรื่องราวทั้งหมด และกล่าวคำขอโทษกับชายไทยคนนั้น เรื่องทั้งหมดก็มีว่า ในตอนที่เครื่องแวะมาพักที่สนามบินอีกแห่งหนึ่งนั้นได้มีการจองตั๋วที่นั่ง 2 ที่มาก่อนหน้านั้นแล้ว เพื่อจะมุ่งหน้าเดินทางไปสหรัฐอเมริกา เป็นชายแก่ท่านหนึ่งแล้วก็ภรรยาของเขา แต่เนื่องจากว่าภรรยาของเขาเป็นโรคหัวใจเสียชีวิตกะทันหันและต้องการที่จะนำศพกลับบ้าน ทั้งคู่ได้อาศัยเครื่องบินลำนี้มาด้วยกัน เพียงแต่ว่าชายแก่นั้นนั่งอยู่ใกล้กับเขา ส่วนผู้หญิงนั้นเป็นศพโหลดมาใต้เครื่องบิน เรื่องราวทั้งหมดก็มีเท่านี้

ระวังนะครับสำหรับท่านที่เดินทางบ่อยๆ บางครั้งที่นั่งว่างๆข้างๆท่าน หรือว่าในห้องน้ำ อาจจะมีผู้โดยสารร่วมทางอยู่กับท่านโดยที่ท่านไม่รู้ตัวก็เป็นได้……

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...