ผมเป็นนิสิตคณะ IT ( มหาวิทยาลัยทางภาคอีสาน ที่มี มอเก่า กับ มอใหม่ ) ถ้าเป็นคนรุ่น 4 - 5 ปีก่อน อาจพอจะทราบว่า ตึกเดิมของคณะ IT คือ ตึก B ในปัจจุบันนั่นเอง เหตุการณ์ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วง ซัมเมอร์ เมื่อ สาม สี่ ปีก่อน ช่วงนั้น ห้อง B 100 เปิด ให้บริการคอมพิวเตอร์ฟรี และเปิดวิชาเลือกเสรี ขึ้น มีการสอนทั่วไป และ ต้องการ นิสิต ช่วยงาน ช่วงซัมเมอร์ และให้ค่าตอบแทน เป็นการจ้างงาน และนั่งเองเป็นจุดเริ่มต้น ของเรื่องสยอง ตัวผมเพิ่งอยู่ปี 2 ก็ได้สนใจสมัครเข้ามาช่วยงาน เพราะตัวเอง ก็มีความรู้ด้สนนี้ เลยอยากมาหา ประสบการณ์ผม กับ พี่เจ้าหน้าที่ ก็ช่วยกันฝึกสอน นิสิต ทั่วไป ซ่อมคอมเปิดโปรเจคเตอร์ไมโครโฟน ฯลฯ ละแล้ว เรื่องสยองก็เกิดขึ้น ในเย็นวันหนึ่ง วันนั้นผมเลิกค่ำ ช่วยงานอาจารย์จนมืด ก่อนกลับ ผมนั่งรอเพื่อนมารับอยู่หน้าตึก เลยได้นั่งคุยกับยามท่านหนึ่ง พอเจอหน้าแก ก็ทักมาแต่ไกลเลยว่า เฮ้ย ไอ้หนุ่ม กลับดึก ไม่กลัวผีเหรอ ผมสะดุ้งละซิครับ ฟ้าก็มืดแล้ว ฝนก็ตกอีก ลุกก็ทัก ไม่เข้าเรื่องเล้ย ผมเลยตอบไปว่า ผีเผอที่ไหนลุง อย่ามาอำผมดิ ผมกลับดึกนะบางวัน พูดแล้วก็เหมือนย้อนใส่ตัว แกก็เริ่...
หลวงพ่อคูณเล่าให้ฟังตอนออกธุดงค์ ..ผีมารอใส่บาตรทุกเช้า..อีกหมู่บ้านพร้อมใจกันมาขอส่วนบุญกันมากมาย..อาหารผีนี้ก็แซ่บหลายอยู่.. ครั้งนั้น……หลวงพ่อคูณเริ่มจาริกธุดงค์ออกจากวัดถนนหักใหญ่ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา มุ่งหน้าสู่จังหวัดหนองคาย เส้นทางธุดงค์ของหลวงพ่อคูณยึดเอาแนวชายดงชายเขาอันเปล่าเปลี่ยวเป็นเส้นทาง โคจร จะหยุดยั้งปักกลดบำเพ็ญสมณธรรม ก็ถือเอาทำเลชัยภูมิซึ่งห่างไกลชุมชนหมู่บ้านพอสมควร หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ เดินเท้าไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงจังหวัดหนองคาย จากนั้นก็อาศัยเรือข้ามแม่น้ำโขงไปขึ้นยังฝั่งลาว ราชอาณาจักรลาวสมัยนั้น ความเจริญมีอยู่แค่เมืองหลวงคือนครเวียงจันทน์เท่านั้นเอง เลยจากเขตเมืองหลวงไปแล้วก็คือป่าเขาลำเนาไพรซึ่งยังเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ ชาวลาวดำเนินชีวิตด้วยความเป็นอยู่เรียบง่าย ทำไร่ทำนาแค่พอกินพอใช้ไปวันๆ แต่ประชาชนซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นคนยากจนส่วนใหญ่นี้ต่างมีจิตศรัทธาเลื่อมใสใน พระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง หลวงพ่อคูณไม่ เคยเข้าไปในประเทศลาวมาก่อน แต่ท่านไม่รู้สึกปริวิตกแม้แต่น้อย เพราะจุดหมายปลายทางของพระธุดงค์กรรมฐานนั้นคือการไปให้ถึงโมกขธรรมอันสูง...