ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

อ๋อง เด็กพิเศษ THESHOCK


เรื่องนี้เกิดเมื่อกรปิดเทอม 3 เดือน แล้วไปอยู่กับป้าที่ลพบุรี บ้านป้าเป็นสวนมะลิ ตอนเด็กๆ กรเคยไปบ้านป้าบ่อย แล้วรู้จักเด็กอยู่คนนึงชื่อ อ๋อง อายุมากกว่าประมาณ 3 ปี แต่อ๋องเป็นดาวซินโดรม หรือเด็กพิเศษ เพื่อนๆ เลยเรียกไอ้เอ๋อ เด็กๆ จะชอบแกล้งอ๋อง อ๋องเลยไม่ค่อยพูดกับใคร แต่อ๋องชอบช่วยเหลือคน 

วันหนึ่งรถจักรยานของอ๋องยางแบน เพื่อนก็ล้อ กรขับมอไซด์ผ่าน เลยชวนไปด้วย แต่อ๋องไม่ยอมไป กรไปเล่าให้ป้าฟัง ป้าบอกว่าอ๋องไม่คุยกับใคร ต้องซื้อขนมไปให้ และอ๋องไม่รับเงินจากใคร ต้องเอาแรงงานมาแลก กรพยายามเข้าไปเล่นด้วย จนอ๋องสนิทด้วย กรสอนอ๋องเล่นหมากฮอส จนรู้ว่าอ๋องมีความพิเศษ เล่นเก่งกว่ากรอีก ทุกเช้าอ๋องจะมาช่วยกรเก็บมะลิ อ๋องอาศัยอยู่ที่วัด กรจะเอาขนมมาไว้ที่ใต้โต๊ะหมากฮอสซึ่งมีช่องอยู่ แล้วบอกอ๋องว่าถ้าอยากกินขนมก็ให้มาเอาตรงนั้น วันหนึ่งกรไปเจอพี่เก่งที่ทำงานอยู่มูลนิธิ แต่อ๋องไม่เคยรู้จักมาก่อน อยู่ดีก็ไปชี้ที่พี่เก่ง แล้วบอกว่า เมียๆๆ ซึ่งผิดนิสัยคนที่ไม่กล้าคุยกับใคร เมียพี่เก่งจะทำงานอยู่ต่างจังหวัดหลังจากนั้นประมาณ 3 ชั่วโมงเพื่อนที่ทำงานของเมียโทรมาบอกว่า เมียโดนตีนผีแทงเข้าไปในนิ้ว พี่เก่งตกใจต้องรีบไปเยี่ยมเมีย ซึ่งกรอาสาทำงานแทน โดยบอกชาติที่ทำงานกับเก่งไว้ว่าถ้ามีอะไรให้โทรเรียกได้ตลอด 

วันหนึ่งกรไปชวนอ๋องไปเที่ยว หาอะไรกิน แล้วกรถามว่าอ๋องซื้อของไปฝากที่บ้านมั้ย อ๋องเลยไปซื้อของ แต่ไปนานมาก ก็จะไปตาม แต่พอดีอ๋องเดินมา แต่อ๋องยืนคุยกับใครแล้วเปิดกล่องข้าวที่ซื้อมา เลยถามว่าจะเอาข้าวให้ใครกิน อ๋องชี้ไปที่ยืนเมื่อกี้ แล้วบอกว่าให้คนนั้น เค้าหิว ( พูดแบบติดอ่าง) สักพักมี ว.เข้ามาว่ามีรถเกิดอุบัติเหตุ มอไซด์จนกับกระบะ คนขับมอไซด์เสียชีวิต ส่วนคนซ้อนบาดเจ็บสาหัส แต่ปรากฏว่าคนตายหัวขาด ตอนที่กรกับชาติลงมาจากรถก็ลืมอ๋องว่าอยู่บนรถ ปรากฏว่าหาหัวคนตายไม่เจอ กรต้องกลับมาหยิบไฟฉายที่รถ เจออ๋องอยู่ บอกอ๋องลงมาช่วยหา แต่อ๋องบอกว่า กลัวๆๆๆ แล้วกรเลยบอกว่าไม่ช่วยหาไม่ได้กลับบ้านนะ อ๋องเลยพูดขึ้นมาว่า ล้อๆๆๆๆ กรก็ไปหาต่อโดยไม่คิดอะไร แต่พอส่องไปที่ล้อรถสิบล้อ ที่เป็นล้อคู่ ปรากฏว่าศรีษะถูกบีบอยู่ตรงนั้น ซึ่งสภาพเละตุ้มเป๊ะ ทุกคนก็พากันเอาศพขึ้นรถ ซึ่งกรก็ถามอ๋องว่านั่งเบียดมานั่งข้างหน้ามั้ย แต่อ๋องบอกว่าไม่เป็นไรนั่งได้

พอขับรถไป กรสังเกตุเห็นอ๋องทำปากขมุบขมิบเหมือนคุยกับใคร พอชาติถามไอ้เอ๋อพูดอะไร อ๋องก็บอก เปล่าๆๆๆ เรื่องคืนนั้นก็ผ่านไป วันต่อมาอ๋องก็มาเล่นกับกรเหมือนเดิม พอตอนเย็นกรชวนอ๋องไปเตะบอล อ๋องจะไปด้วย แต่ต้องไปกวาดลานวัดก่อน กรชวนอ๋องขึ้นรถมอไซด์ แต่อ๋องไม่ยอมขึ้น แต่ไปจักรยานตัวเอง แล้วบังคับให้กรซ้อนจักรยานไป ทิ้งมอเตอร์ไซด์ไว้ พอดีเพื่อนกรเห็นรถกรจอดอยู่ ก็เลยเอาขับไปซื้อของที่ตลาด ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุขาหักครึ่งนึง เพราะโซ่มอเตอร์ไซด์ขาดไปตีในล้อ มีวันหนึ่งช่วงสามทุ่มกรหิวข้าวมาก แต่หิวเลยจะไปกินก๊วยเตี๋ยว ก็ขับมอเตอร์ไซด์ไป พอดีไปเจออ๋องนั่งอยู่ศาลา อ๋องก็บอกไปด้วย พอถึงแยกกรจะเลี้ยวซ้าย อ๋องกระชากเสื้อกรอย่างแรง จนจอดรถ แล้วบอกว่าไม่ไปๆๆ กลับๆๆ จนกรต้องยอมเลี้ยวขวาไปกินข้าวต้ม 

พอขากลับเจอรถมูลนิธิเล่าให้ฟังว่า มีวัยรุ่นยิงกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวที่กรจะไปกินที่แรก โดยร้านนั้นมีแค่สองโต๊ะปรากฏว่าลุงที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวถูกยิงตาย กรก็เลยคิดว่าถ้าไม่ใช่ลุงต้องเป็นกรแน่ๆ กรเลยถามอ๋องว่าที่เป็นแบบนี้แกล้งเป็นใช่มั้ย อ๋องบอก เปล่าๆ เป็นๆ มีไรๆๆ พอผ่านไปประมาณเดือนหนึ่ง มีเหตุให้มูลนิธิไปทำงาน ตอนที่ขับไป อ๋องบอกปวดฉี่ให้จอด ทั้งๆ ที่ไม่เคยให้ฉี่ แต่อ๋องลงไปนานมาก กรเห็นอ๋องมองไปชั้น 4 ห้องริมสุด แล้วขับรถต่อไป ปรากฏว่าสักพักมี ว.มาแจ้งว่ามีผู้หญิงถูกฆาตกรรม อยู่ตรงห้องนั้น ที่อ๋องฉี่แล้วมองขึ้นไป กรเลยถามอ๋องว่าเราเป็นเพื่อนกันใช่มั้ย ถ้าเป็นเพื่อนกันให้บอกว่าเห็นอะไร อ๋องบอกเห็นคนเรียก เฮ้ยๆ เลยมอง

มีอยู่วันหนึ่งเป็นวันพระใหญ่ กรถามหลวงตาว่าอ๋องเป็นใครมาจากไหน หลวงตาบอกว่าอ๋องมาอยู่ตั้งแต่เด็กกับแม่ พ่อเค้าตาย แล้วแม่ก็ได้สามีใหม่ ซึ่งติดเหล้ามาก แต่อ๋องรักพ่อเลี้ยงมาก แต่พ่อเลี้ยงจะตีอ๋องตลอด วันหนึ่งอ๋องเข้าไปในป่าหลังวัด ไปลากเอาเด็กผู้หญิงคนหนึ่งออกมาอายุประมาณ 4 ขวบ แต่หน้าอ๋องหน้าเต็มไปด้วยเลือด พ่อของเด็กที่ไปตามหาเห็นอ๋องคิดว่าอ๋องจะข่มขืนลูก ก็กระทืบอ๋อง หลวงตาที่รู้เหตุการณ์ ก็พยายามอธิบาย เรื่องคือมีเด็กดมกาวจะลากเด็กไปข่มขืน แล้วอ๋องไปช่วย พออ๋องกลับบ้าน พ่อเลี้ยงอ๋องก็คิดว่าอ๋องจะข่มขืนเด็ก จึงทุบตีและมัดอ๋องไว้ 3-4 วันไม่ให้กินข้าวกินน้ำ หลวงตาก็นึกขึ้นได้จึงไปตามแล้วบอกว่าอ๋องว่าอย่าตีอ๋อง อ๋องเป็นคนดี อ๋องเป็นคนรักพ่อเลี้ยงมาก พ่อตีเค้าก็จะเข้าไปกอด พอวันหนึ่งพ่ออ๋องตาย แต่อ๋องไม่รู้ก็ยังคอยอุ้มพ่อขึ้นบ้านแล้วก็ป้อนข้าวป้อนน้ำ

มีอยู่วันหนึ่งกรต้องเตะบอล แต่พอดีกรใส่ทองอยู่ เลยเอาไปฝากอ๋องไว้ พอเตะบอลเสร็จกรหาอ๋องไม่เจอ ไม่คิดว่าอ๋องขโมยทองแน่นอน สักพักชาติมารับกรไปทำงาน แต่กรเป็นห่วงอ๋องจึงชาติให้พาไปรับอ๋องที่บ้าน แต่ปรากฏว่าไปรับแล้วอ๋องไม่อยู่ เลยตัดสินใจไปทำงานต่อ แล้วไปถึงจุดเกิดเหตุ เห็นอ๋องยืนอยู่ไกลๆ จึงเข้าไปถามว่าไปไหนมา ตัวเปียกเลยนะ อ๋องบอก หนาวๆ แล้วขอไปกับรถมูลนิธี ก่อนถึงสี่แยกใหญ่ อ๋องทุบกระจก แล้วบอกจอดๆๆ แต่ชาติไม่ยอมจอด อ๋องตัดสินใจ ดึงบุหรี่ออกจากปากกรแล้วเขวี้ยงทิ้ง ชาติจึงเบรครถกระทันหัน จังหวะนั้นได้ยินเสียงโครมมม ปรากฏว่ารถทัวร์ชนกลับรถกระบะ ในจุดที่ชาติกับกรกำลังจะไป กรกับชาติก็ลงไปดู เสร็จงานก็กลับบ้าน แต่กรลืมเอาทองกับอ๋อง เช้ามาเลยไปไปรออ๋องที่ศาลา อ๋องก็ไม่มา กรเลยเปิดช่องใต้โต๊ะหมากฮอส ปรากฏว่าเห็นทองห่ออยู่ในกระดาษทิชชู่อยู่ เลยสงสัยว่าอ๋องไปไหน สักพักมีคนโทรมาแจ้งว่ามีคนจมน้ำ

ปรากฏว่าเป็นอ๋อง เหตุการณ์คือมีเด็กเล่นน้ำกัน แล้วเด็กผู้หญิงเป็นตะคริว ไม่มีใครช่วย อ๋องกระโดดลงไปช่วยทั้งๆ ที่ว่ายน้ำไม่เป็น พอเด็กขึ้นมาได้ด้วยความตกใจ ก็พากันวิ่งกลับบ้าน แล้วอ๋องก็จมน้ำตาย ซึ่งตายตั้งแต่เมื่อวาน แต่เมื่อคืนอ๋องยังไปกับกรอยู่เลย
ขอบคุณ : THESHOCK

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ