ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ศาลทางเปลี่ยว


เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณตังเมครับ คุณตังเมเล่าว่า.. เราอาศัยอยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษค่ะ เมื่อประมาณ 7 ปีก่อน เรากับเพื่อนคนหนึ่งในหมู่บ้าน จะชอบชวนกันไปขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวแถวหมู่บ้าน หรือไปหมู่บ้านอื่นช่วงเวลาหลังเลิกเรียน บางครั้งยังแอบพ่อแม่ขี่ออกไปเที่ยวตอนดึกๆ ก็มี

เพราะช่วงนั้นวัยกำลังเกเรค่ะ.. มีอยู่วันหนึ่ง เพื่อนเราคนนี้มันก็โทรมานัดว่าจะออกไปหาพี่สาวที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล พี่สาวมันเพิ่งคลอดลูก เลยจะไปดู ไปผูกแขนรับขวัญหลาน (ประเพณีคนบ้านนอก)
ประมาณเกือบ 2 ทุ่มพวกเราก็เดินทางออกจากหมู่บ้านกัน โดยเราเป็นคนขี่ เพื่อนเป็นคนซ้อน หมู่บ้านของพี่สาวเพื่อนเราจะห่างไปประมาณ 5 กิโลเมตร เราไปแบบไม่รีบ ค่อยๆ ขี่ จะบอกว่าเส้นทางสมัยนั้นเปลี่ยวมาก เป็นป่าสลับทุ่งนา นานๆ จะเจอหมู่บ้านที ก็ขี่ไปคุยไปหัวเราะกันไปเรื่อย ตอนนั้นไม่ได้กลัวอะไรเลย จนสักพัก เรากวาดสายตามองไปตามไฟหน้ารถ ไปเห็นเหมือนชายแก่กำลังเดินจากข้างทางมาบนถนน เห็นแต่ไกลเลย เพราะช่วงนั้นมันเป็นทุ่งนา เราขี่ไปใกล้จนจะถึงชายคนแก่คนนั้น สิ่งที่เห็นคือชายแก่คนนั้นล้มตัวลงกับพื้น แล้วคลานบนถนน

ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนกับว่าตัวเองขี่รถช้ามาก ไปไม่ถึงตัวชายคนแก่คนนั้นสักที แล้วเราก็ต้องตกใจสุดขีดเพราะเราเริ่มเห็นว่าร่างของชายแก่คนนั้นมีแค่ครึ่งตัวบน!! และช่วงที่จะขี่ผ่านตัวชายคนแก่นั้น แบบว่าใกล้มากๆ เหมือนเขาพยายามจะเอื้อมมือมาจับขาเรา พร้อมกับพูดว่า ‘ไปด้วย..’ เสียงนั้นมันช่างหลอนมาก เรากับเพื่อนนี่กรี๊ดลั่นเลยช่วงที่ขี่ผ่านชายแก่ ก็มีรถมอเตอร์ไซค์อีกคันหนึ่งแล่นผ่านตัวชายแก่คนนั้นไปดื้อๆ แล้วพอเราขี่พ้นไป หันหลังกลับไปดู กลับไม่เห็นชายแก่คนนั้นแล้ว เราก็งง ว่าตกลงที่เราเห็นเมื้อกี้คืออะไร? เราพูดกับเพื่อนว่า ‘มึงๆ เมื่อกี้คนหรือเปล่า เขาโดนรถชนเปล่าวะ เราต้องไปช่วยเขาไหม?’ เพื่อนมันรีบสวนกลับมาว่า ‘โอ้ยยยย เชี่ยมึง! เห็นขนาดนั้นมึงยังคิดว่าคนอีกเหรอ? ถ้ามึงเลี้ยวกลับ กูจะเขวี้ยงโทรศัพท์มึงทิ้งเดี๋ยวนี้เลย!’ จากนั้นเราก็รีบขี่ไปจนถึงบ้านพี่สาวของเพื่อน ไปถึงพวกเราต่างพากันวิ่งเข้าบ้านร้องไห้ตัวสั่น

จนพี่สาวกับแม่เพื่อนถามว่า ‘เป็นอะไร ไปทำอะไรมา?’ เราบอกว่าโดนผีหลอก เขานิ่งไปสักพัก ก่อนจะถามเราว่า ‘พวกเธอขี่รถมา ได้บีบแตรบอกศาลไหม?’ เราก็คิดในใจว่าศาลอยู่ตรงไหนวะ ทำไมเราไม่เห็น? เขาบอกว่า ‘เจอกันมาหลายคนแล้ว..’ เราก็ไม่ฟังอะไร นั่งร้องไห้อย่างเดียว ไม่กล้ากลับบ้าน เลยโทรให้พี่ชายมารับ..สักพักพี่ชายเราก็มาถึง เราก็เล่าให้พี่ชายฟังอีก แล้วก็ลาพี่สาวเพื่อนกับแม่เขาเสร็จสรรพ ถึงตอนกลับ พี่ชายเราบอกว่าให้นั่งกันเต็มๆ เบาะนะ อย่าเหลือที่ว่าง เดี๋ยวจะมีอะไรมาซ้อนได้ ส่วนพี่ชายเราเขามากับเพื่อน ให้เพื่อนซ้อนท้ายมาด้วย ขากลับเราขี่ตามพี่ชาย เห็นพี่ชายบีบแตรตรงที่ที่เราเห็นชายคนแก่นั้น เราก็ลองสังเกตดูข้างทางรอบๆ เลยไประยะหนึ่ง มีศาลไม้ใหญ่เบ้อเร่อจ้าาา!! แต่มีต้นไม้รกบังหน้าศาลอยู่พอสมควร เราก็เลยบีบแตรตาม พอกลับถึงบ้าน แม่กับพี่ชายรุมบ่นเรายกใหญ่ สำนึกผิดแทบไม่ทัน เหตุการณ์นี้ทำเอาเราเข็ดไปอีกนาน เวลาเดินทางดึกๆ จะไม่กล้าคุยกันจนลืมสังเกตศาลข้างทางอีกเลยล่ะค่ะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ