ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สยองตึกเช่าย่านพระราม2


เรื่องที่เรานำมาเล่านี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเพื่อนเราและครอบครัวของเขาคะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับตึกเช่าแห่งนึงในย่านพระราม 2


ซอยนี้จะเป็นซอยใหญ่ติดกับถนนเลยคะ ที่พักอาศัยแถวนี้เป็นตึกแถวแทบทั้งหมด บ้างก็ 4 ชั้น 5 ชั้น แตกต่างกันไปคะ ครอบครัวของเพื่อนเราเขาไม่มีบ้านเป็นของตัวเองคะ เขาต้องย้ายออกจากบ้านเช่าหลังเก่าเพราะเจ้าของบ้านจะขายบ้าน พ่อของเพื่อนเราตัดสินใจย้ายมาอยู่กับน้องชายเขาที่เช่าอยู่ตึกนี้คะ เพราะมีหลายชั้น แบ่งกันอยู่แชร์ค่าเช่าจะได้ถูกลง สมมติว่าเพื่อนเราชื่อ “พิมพ์” นะคะ พ่อก็พาแม่และพิมพ์เขามาดูที่ตึก โดยชั้นล่างอาของพิมพ์เป็นร้านเกมคอมฯ คะ พอขึ้นมาอีกชั้นจะเป็นชั้นลอย เอาไว้เก็บของ เป็นชั้นโล่งๆไม่มีห้อง ไม่รก พอขึ้นไปอีกเป็นชั้น 2 คน อาของพิมพ์กับแฟนนอนชั้นนี้ ถัดไปเป็นชั้น 3 คะ มี 2 ห้อง คือห้องที่ติดกับบันไดทางขึ้นมาจากชั้น 2 ( ขอเรียกห้องนี้ว่าห้องใหญ่นะคะ )


หน้าห้องใหญ่นี้มียันต์ติดหน้าห้อง5 แผ่นใหญ่ๆคะ ทั้งยันต์ไทย จีน และห้องตรงข้ามที่ติดกับบันไดทางเดินขึ้นไปชั้น 4 ( ขอเรียกห้องนี้ว่าห้องเล็กนะคะเพราะขนากห้องเล็กกว่าห้องตรงข้ามมาก ) แม่พิมพ์เห็นห้องเล็กก็เลยบอกว่าให้พิมพ์มานอนห้องนี้แล้วกัน เล็กๆดี เหมาะกับนอนคนเดียว อาของพิมพ์ก็พูดขึ้นมาว่าไม่ได้นะ ห้องนี้นอนไม่ได้ แม่ของพิมพ์ก็เอะใจว่าทำไมถึงนอนไม่ได้ แต่อาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ พิมพ์ก็เลยได้นอนห้องใหญ่ ส่วนพ่อกับแม่นอนห้องข้างบนชั้น 4 คะ ก่อนย้ายเข้าไปอยู่แม่ของพิมพ์คุยกับพ่อว่ามันแปลกๆนะ ทำไมห้องนั้นถึงนอนไม่ได้ พ่อพิมพ์ก็บอกว่าคงไม่มีอะไรหรอก นอนห้องใหญ่ก็ดีแล้วกว้างๆ มีระเบียงด้วย 


คืนแรกที่ย้ายเข้าไปอยู่คะ พิมพ์เล่าว่าปกติไม่เคยนอนคนเดียวเลยนี่เป็นครั้งแรก ตอนนั้นเวลาประมาณ 3 ทุ่มคะ พิมพ์อาบน้ำเตรียมตัวนอนแล้วเพราะเหนื่อยกับการจัดเก็บของ พิมพ์นอนหลับไปคะ พิมพ์เล่าว่ามีเสียงคนมาบิดลูกบิดประตูเหมือนพยายามจะเปิดเข้ามา พิมพ์ก็ตกใจตื่นคะหยิบโทสับมาดูเป็นเวลาเกือบๆเที่ยงคืนแล้ว พิมพ์บอกว่าตื่นมาก็ยังได้ยินเสียงนั้นอยู่แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะคิดว่าอา หรือแม่คงจะมาเช็คว่าหลับไปรึยัง เช้ามาพิมพ์ก็ถามว่าเมื่อคืนใครไปบิดลูกบิประตูห้องหรอ คำตอบของคนในบ้านคือไม่มีคะ อาเข้านอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม ส่วนพ่อแม่ก็หลับเวลาเดียวกับพิมพ์ พิมพ์ก็งงคะเพราะมั่นใจมากว่าไม่ได้ละเมอ วันต่อๆมาก็ยังเมื่อเสียงแบบเดิมเวลาเดิมคะ คราวนี้หนักขึ้นเพราะเหมือนพยายามดันประตู มีเสียงเหมือนมีอะไรกระแทกประตู เหมือนต้องการจะเข้ามา พิมพ์กลัวคะ ไม่กล้าลุกไปเปิดไฟดู ได้แต่นอนคลุมโปง เกิดเหตุการณ์แบบนี้เรื่อยๆ จนบางครั้งพิมพ์มาบ่นที่ รร. ว่าเมื่อคืนแทบไม่ได้นอนเลย


พิมพ์เล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟังคะ แม่พิมพ์ก็ไม่สบายใจกลัวว่าลูกสาวจะเจออะไรก็เลยพาพิมพ์ไปทำบุญคะ หลังจากนั้นพิมพ์ก็หลับไม่ได้สบายขึ้น แต่เสียงแคะประตูกับเสียงเหมือนคนกระแทกประตูก็มีให้ได้ยินบ้างเป็นบางคืน วันนึงมีคนเก็บขยะเดินเข้ามาคุยกับอาของพิมพ์ว่าขยันจังเลยเปิดร้านทั้งวันทั้งคืน รวยแล้วมั้ง อาของพิมพ์ก็อึ้งคะ เพราะร้านเกมของอาเปิดถึงแค่เที่ยงคืนเท่านั้น นึคือว่าดึกสุดๆแล้ว ปกติถ้าลูกค้าไม่ได้เล่นอะไรต่อ 5 ทุ่มก็ปิดร้านแล้วคะ อาของพิมพ์ก็เลยบอกคนเก็บขยะว่าผมปิดร้านตั้งแต่ 5 ทุ่มนะลุง ดึกสุดก็ไม่เกิดเที่ยงคืน ลุงตาฟาดรึป่าว ลุงแกก็เถียงคะ จะตาฟาดอะไรฉันยืนเก็บขยะหน้าร้าน ข้างในมีผู้หญิงผมยาวกับเด็กนั่งอยู่บนเก้าอี้ อาพิมพ์ก็ไม่ได้พูดอะไรกลับไป ( อาของพิมพ์ไม่มีลูกนะคะ เพราะแฟนอามีความผิดปกติที่มดลูกทำให้ไม่สามารถมีลูกได้ )


จากเรื่องที่คนเก็บขยะเล่าให้ฟัง แม่พิมพ์ก็ไม่สบายใจคะบวกกับสิ่งที่พิมพ์เจอด้วย แม่เริ่มสงสัย อาก็เงียบคะไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟัง พ่อพิมพ์เองก็ว่าแม่คิดมากไปรึป่าว ไม่มีอะไรหรอก ต่อมาพิมพ์ได้ลูกแมวจรจัดมาเลี้ยงคะ พิมพ์เลยเอาขึ้นมาอยู่ที่ห้องด้วยเพราะห้องของเทอกว้าง ตอนหัวค่ำพิมพ์จะเปิดประตูห้องแล้วดูทีวี แม่ก็จะอยู่ชั้นลอยคะ ทำกับข้าว อากับแฟนจะอยู่ชั้นล่างดูร้านเกม ส่วนพ่อพิมพ์ทำงานกลับดึกคะ ระหว่างที่พิมพ์ดูทีวีอยู่ ลูกแมวที่อยู่กันก็มีอาการแปลกๆคะ อยู่ๆมันก็เดินเข้าไปใกล้ๆประตูห้องแล้วร้องขู่ พิมพ์เหนก็งงว่าแมวเป็นอะไร พิมพ์จึงเรียกแมวให้กลับมานั่งข้างๆคะ แต่มันไม่ยอมมายังคงร้องขู่แล้วทำท่าทางเหมือนกลัวอะไร พิมพ์เลยเดินไปอุ้มแมวมาแล้วพูดว่าไม่เหนจะมีอะไรเลยร้องทำไม เพราะข้างนอกก็ไม่มีใครเลยคะ ชั้น 3 ที่อยู่ก็มีแค่พิมพ์กับแมว ตอนนั้นเองพิมพ์ก็ไม่ได้คิดอะไรคะเพราะคิดว่าลูกแมวคงยังไม่คุ้นรึป่าว   แต่ก็ไม่ใช่ครั้งเดียวคะที่แมวแสดงอาการแบบนี้ บางครั้งแมววิ่งหนีไปทางประตูระเบียงเหมือนกับว่ามีใครไล่มัน ทั้งๆที่ก็ไม่ใครคะ พิมพ์เองก็เริ่มกลัว และไม่กล้าอยู่ชั้น 3 คนเดียว บางครั้งพิมพ์ต้องเปิดไฟทั้งชั้นเพื่อลดความน่ากลัวคะ


มีอยู่ครั้งนึงที่พิมพ์เล่าว่าเทอเดินขึ้นบันไดจากชั้น 2 มาชั้น 3 อยู่ๆก็เหมือนมีอะไรพักพิมพ์ให้ตกบันได แต่โชคดีที่มือพิมพ์จับราวบันได้ไว้ทันแต่เอวของพิมพ์ก็กระแทกกับราวบันที่ที่เป็นส่วนโค้ง ทำให้เทอเจบไปหลายวันเลยคะ พิมพ์บอกว่ามั่นใจว่าไม่สะดุดหรือลื่นอะไรทั้งนั้น แต่ถามว่าอะไรผลักเทอตกบันไดเทอก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ แม่พิมพ์ก็สั่งให้ระวังเวลาเดนขึ้นลงคะ เหตุการณ์ก็เปนปรมาณนี้มาเรื่อยๆจนพิมพ์ชินทั้งเรื่องเสียงบิดลูกบิดประตูห้องนอนของพิมพ์ เรื่องที่คนในระแวกบ้านเหนร้านเกมของอาเปิดตอนตี 3 ตี 4 ซึ่งความจริงปิดตั้งแต่เที่ยงคืนคะ ถึงจะเหลือลูกค้าแต่ก็จะบอกว่าร้านจะปิดลูกค้าก็จะกลับบ้านคะ อาพิมพ์เปิดร้านที่ตึกนั้นมาเป็นเวลา 7 ปีค่อนข้างสนิท ลูกค้าที่มาเล่นส่วนใหญ่เปนลูกค้าประจำคะ วันนึงที่พิมพ์ซื้อขนมข้างบ้างบ้านอยู่เขาก็ถามว่าเปนยังไงอยู่ได้ไหม ปกติดีไหม พิมพ์ก็งงแต่ก็ตอบไปว่าคะ อยู่ได้ ไม่มีอะไร ป้าที่ขายของก็บอกดีแล้วๆ แกก็พูดว่าพิมพ์เปนเดกดีไม่มีอะไรมาทำร้ายพิมพ์ได้หรอก เนื่องจากร้านขายของข้างบ้านพิมพ์เปนป้าคนจีนแก่ๆ 2 คนคะ บางครั้งที่ไปซื้อของพมพ์ก็ไปช่วยป้าแกยกของ จัดของอยู่เปนประจำ พิมพ์เป็นผู้หญิงตัวเล็กนะคะแต่เทอมีน้ำใจกับทุกคนมาก ช่วยอะไรได้เทอก็ช่วย


จากนั้นเหตุการณ์ก็ไม่มีอะไรมาก อาจจะด้วยเพราะพิมพ์ชินกับการอยู่ที่นี่แล้ว จนมาวันนึงคะ เหตุเกิดขึ้นที่ชั้น 4 เปนชั้นที่พ่อกับแม่ของพิมพ์นอนอยู่ วันนั้นก่อนนอนแม่ของพิมพ์ก็ล็อกห้องปกติโดยล็อกกลอนที่ลูกบิดและกลอนที่เปนกลอนล็อกยาวๆเราก็ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร อยู่ๆคืนนั้นพ่อพิมพ์ก็เกิดร้อนคะ ลุกขึ้นมาอาบน้ำตอนตี 3 ห้องน้ำชั้น 4 ตำแหน่งจะตรงกับห้องเล็กชั้น 3 ( ห้องที่ตรงข้ามกับห้องนอนพิมพ์) หลังจากที่พ่อพิมพ์อาบน้ำเสดอยู่ๆก็มีเสียงบิดลูกบิด แมพิมพ์ก็ตกใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรๆ แล้วอยู่กลอนที่เปนกลอนบยาวมันเด้งออกจากตัวล็อกเองมีเสียงดังป๊อก แม่พิมพ์เริ่มใจไม่ได้ละคะ แม่พิมพ์เลยลุกไปล็อกกลอนยาวอีกที พ่อพิมพ์กลับมานอนที่เตียง เสียงบิดลูกบิดยังคงดังอยู่เรื่อยๆ เริ่มทำให้เกิดความรำคาญคะ พ่อพิมพ์จึงลุกขึ้นไปใช้มือตบประตู1ครั้งแล้วล็อกกลอน แล้วกลับมานอน จากนั้นก็ไม่มีเสียงอะไรอีกเลย พ่อพิมพ์บอกกับแม่ว่าอย่าเล่าเรื่องนี้ให้พิมพ์ฟังนะเพราะเดี๋ยวพิมพ์จะกลัว เช้ามาห้องเล็กที่ชั้น 3 มีน้ำขังคะ เนื่องจากท่อระบายน้ำที่ต่อมาจากชั้น 4 เกิดรั่ว ทำให้มีน้ำขังในห้องเล็กที่ชั้น 3 แม่พิมพ์ก็จัดการกวาดเกบให้เรียบร้อยเหมือนเดิม


นอกจากนี้พิมพ์ยังเล่าว่าเวลาไปอาบน้ำบนชั้น 4 (ปกติเทออาบชั้น 2 คะ ) วันนั้นเทออยากลองอาบชั้น 4 เพราะชั้น 4 มีอ่างอาบน้ำ ตามประสาผู้หญิงคะ อยากแช่นั้น ขัดตัว แต่มันไม่เปนอย่างที่คิดคะ พิมพ์รู้สึกว่าระหว่างอาบเหมือนมีคนมองจ้องอยู่ตลอดเวลา ทำให้เทอเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ กลัวด้วย เทอจึงรีบอาบแล้วรีบลงมาคะ


พิมพ์เล่าต่อว่าเวลาที่นอนไม่ว่าจะเปนหลับกลางวัน หรือกลางคืน บางครั้งรู้สึกเหมือนมีอะไรมากระชากเทอ ความรู้เหมือนมีคนมาดึง ทำให้เทอตื่นกลางดึก หรือตื่นเวลาที่หลับพักผ่อนตอนกลางวันเปนประจำ พิมพ์บอกว่าแม่ว่าเหมือนมีใครมาดึงพิมพ์ให้หลุดออกจากร่างเลย ความรู้สึกมันแบบนั้น ทำให้พิมพ์สะดุ้งตื่นทุกครั้ง แม่พิมพ์เริ่มกังวลใจ เพื่อนแม่พิมพ์เลยพาไปหาร่างทรง คำตอบที่ได้คือ ร่างทรงบอกว่ามีผู้หญิงตายทั้งกลม (เราเรียกถูกไหม - -*) เขาอยู่ที่นั้นมานานมากจนกลายเปนเจ้าที่ของที่นั้นไปแล้ว ให้เขาออกไม่ได้หรอก ทำได้แค่ทำบุญ หรือเอาของไปเซ่นไหว้ แม่พิมพ์ก็ชอคไปเลยคะ กลับมาบ้านเลยเรียกอามาคุย อายอมเล่าให้ฟังคะ ( ก็เรื่องมันมาขนาดนี้แล้วอะ) อาบอกว่าได้ยินมาจากคนที่อยู่รอบๆตึกนี้ว่าเคยมีคนตาย ตึกนี้เคยเปนตึกที่เฒ่าแก่ทำเกี่ยวกับเยบผ้ามีคนงานเยอะแยะ แต่ด้วยเศรษฐกิจไม่ดีช่วงนึงต้องปิดกิจการไป มีผู้หญิงท้องแก่คนนึงยังไม่ย้ายออกเพราะรอสามีมารับ ลูกจ้างคนอื่นๆทยอยออกจนหมด ทำให้เจ้าของตึกเข้าใจว่าไม่มีคนอยู่จึงล็อคประตูจากด้านนอก 


พอมารู้อีกทีก็ตอนที่สามีของผู้หญิงคนนั้นมารับพบว่าเทอกลายเปนศพแล้ว หลังจากนั้นเจ้าของตึกก็ทำบุญ เชิญพระมาสวด เชิยซินแสมา แต่เหมือนจะไม่มีประโยชน์เพราะผู้หญิงคนที่ตายยังอยู่ในตึกนั้น ห้องเล็กชั้น 3 คือห้องที่พบศพเทอคะ อาเล่าต่อว่าใครมาเช่าที่นี่ก็อยู่ได้ไม่นาน บางคนขนข้าวของออกไปตอนกลางดึกก็มี มีครั้งนึงที่เจ้าของตึกจ้างคนงานมาทำสายไฟใหม่ที่ตึก คนงานก็นอนห้องเล็กนั้นคะ นอนกับภรรยาเขา คนอื่นๆที่เป็นลูกน้องเขาก็นอนอีกห้อง เขาเล่าว่าแฟนนอนฝั่งซ้ายมือ กลางคืนเขาหันไปทางขวา (เท่ากับนอนหันหลังให้แฟน) เขารู้สึกเหมือนมีคนนอนอยู่ข้างๆอีกฝั่งก็เลยลืมตาแล้วมอง ปรากฏว่าไม่ใช่แฟนเขาคะ เปนเงาๆผู้หญิงผมยาว ผิวดำ เท่านั้นแหละคะแกลุกขึ้นปลุกแฟนกับลูกน้องขนของกลับเลย ตอนนั้นเวลาประมาณตี 2


หลังจากนั้นครอบครัวของพิมพ์ก็เริ่มไม่สบายใจที่จะอยู่ที่นี่คะ ประกอบกับว่าเจ้าของตึกเขาอยากได้ตึกคืน คือตอนแรกที่เขาให้ช่างมาทำใหม่เพราะจะให้ลูกชายอยู่ แต่เพราะเกิดเรื่องไม่ค่อยบวกกับใครมาเช่าก็อยู่ได้ไม่นาน มีอาของพิมพ์ที่อยู่ได้นานที่สุด เขาจึงตัดสินใจมาขอให้ย้ายออก ครอบครัวพิมพ์ไม่ค่อยลำบากคะเพราะของน้อย แต่อาพิมพ์นี่สิ ไหนจะของส่วนตัว คอมในร้านอีก เมื่อพิมพ์ย้ายออกจากที่นั่นมาแล้วแม่พิมพ์ก็เล่าเรื่องคืนนั้นที่พ่อลุกขึ้นมาอาบน้ำตอนตี 3  พ่อพิมพ์ก็พูดว่าไม่เคยคิดนะว่าเรื่องพวกนี้จะมาเจอกับตัว ตอนแรกพ่อพิมพ์มีความเชื่อแบบกึ่งคะว่าผีมีจริงหรือไม่มีจริง 


พ่อบอกว่าวันนั้นกลับบ้านมาเดินขึ้นบันไดชั้น 4 ประตูห้องอยู่ต่อจากบันได้เลยคะ พ่อพิมพ์เหนเงาผู้หญิงผิวสีดำ ดำมากๆ ผมยาวปิดหน้า ชุดขาวยืนอยู่ตรงทางเข้าประตู ( ชั้น 4 มีหิ้งพระของพ่ออยู่คะ พ่อของพิมพ์ชอบสะสมพระ)  พ่อพิมพ์ก็ตกใจนะคะแต่ก็ทำเปนไม่สนใจแล้วเดินผ่านผู้หญิงคนนั้นแล้วเข้าห้องไป(ใจแข็งมาก) เราได้ฟังเรื่องนี้จากพิมพ์ก็ขนลุกเลยคะ เราเคยไปทำงานกลุ่มบ้านพิมพ์ตอนที่พิมพ์อาศัยอยู่ที่ตึกนั้น แต่ไปตอนกลางวันแล้วอยู่แค่ชั้นล่งที่เปนร้านเกมกับชั้นลอยคะ เราคิดว่าที่พ่อพิมพ์เหนผู้หญิงคนนั้นอาจจะด้วยเพราะพ่อพิมพ์มีเซ้นถึงได้เจอกับตัวเลย ไม่มาเปนเสียงเหมือนที่คนอื่นๆเจอ ส่วนอากลับแฟนเขาไม่เคยขึ้นมาบนชั้น 3 เลยคะ อยู่แค่ชั้น 1 แล้วก็ขึ้นมานอนชั้น 2 แค่นั้นจริงๆ อาจเพราะอารู้ประวัติที่นี่เลยไม่ขึ้นมาอยู่


เรื่องที่พิมพ์เล่าให้เราฟังก็มีเท่านี้คะ พิมพ์ยืนยันว่าเปนเรื่องจริงที่เจอเองกับตัว ผิดพลาดอะไรต้องขออภัยด้วยนะคะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ