ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ประสบการณ์หลอนที่อ่างเก็บน้ำ"พัทยา" PANTIP


สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแบ่งปันประสบการณ์หลอนที่อ่างเก็บน้ำแถวพัทยาค่ะ เวลาก็ล่วงเลยมานานมานานประมาณ 3-4 ปีแล้ว เลยอยากมาเล่าให้เพื่อนๆชาวพันทิปได้ทราบกันบ้าง ข้อมูลอาจจะมั่วๆบ้างเรื่องเวลากับจำนวนคนนะคะ เพราะมันนานแล้ว เราจำไม่ค่อยได้ว่ามีใครบ้าง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ แต่ส่วนเรื่องความหลอนที่เราเจอเนี่ย เป็นเรื่องจริงที่พวกเราประสบพบเจอมาจริงๆค่ะ
     
เรื่องนี้คือสมัยตอนที่เรายังเป็นเด็กสก๊อยคนนึงเนี่ยแหละค่ะ 5555 เชื่อวาหลายๆคนก็เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาเหมือนกัน เราเป็นเด็กพัทยา เราอยู่กับกลุ่มพวกพี่ๆกลุ่มนึง เขาก็โตๆกันแล้ว อายุประมาณ 20-30 ปีได้ พวกเขาจะขับรถเล่นไปสถานที่ตรงนั้นตรงนี้ในตอนกลางคืน เพื่อนั่งดื่มสุรากัน ชิวๆตามประสาวัยรุ่นที่กำลังจะโต แต่เราไม่ดื่มนะ เราไม่ชอบดื่มค่ะ เราแค่ไปนั่งเล่นกับพวกพี่เขาเฉยๆ ส่วนสถานที่ที่เราจะเล่าเนี่ย เป็นอ่างเก็บน้ำแห่งหนึ่ง แถวๆพัทยา แต่ก็ไม่ได้อยู่ในเมืองนะคะ จะอยู่นอกเขตพัทยาไปนิดนึง ขอไม่บอกสถานที่เนอะ เป็นอ่างเก็บน้ำที่ใหญ่อยู่พอสมควรนะคะ ซึ่งเราก็เคยมาที่นี่ ตั้งแต่เด็กๆแล้ว สมัยเด็กเราจะชอบมาเล่นน้ำกับครอบครัว พอเริ่มโตมาเป็นสก๊อยก็จะมากับกลุ่มวัยรุ่นแทน 55555 ตอนนั้นเราก็ไปกันตอนดึกๆ ช่วงเวลาน่าจะประมาณ เลยเที่ยงคืนไปแล้ว พวกพี่ๆที่ไปกัน ก็จะมีพี่ผู้ชาย 3-4 คน แล้วก็พี่ผู้หญิง อีกประมาณ 2 คน แล้วก็เรา กับเพื่อนผู้หญิงคนสนิทของเราอีก 1 คน ชื่อนิ่ม (นามสมมุติ) ตอนนั้นเราก็พากันขับรถไปที่อ่างเก็บน้ำ เรานั่งรถมอไซค์คันพี่ผู้ชายคนนึงเขาชื่อ เอก (นามสมมุติ) กับเพื่อนเรา อัดสามกัน นอกนั้นเขาก็นั่งซ้อนกันเป็นคู่ๆ

ก่อนที่จะถึงพวกพี่เขาก็แวะเซเว่นแถวๆอ่างเพื่อเตรียมเครื่องดื่มเตรียมสุราและน้ำแข็งตามปกติ พอเราขับรถไปถึงหน้าทางเข้า เราก็กลัวๆนะคะ เพราะข้างในมันมืดมาก แล้วก็เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าที่นี่มีเรื่องลี้ลับอยู่บ้าง พอเข้ามาข้างใน ก็จะเป็นถนนเล็กๆประมาณสองเลนส์รถทางยาวไปจนสุดขอบอ่าง ซ้ายมือเป็นอ่างเก็บน้ำ ขวามือก็เป็นป่า ซึ่งตรงถนนจำไม่ได้ว่ามีไฟข้างทางรึป่าว แต่ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นน่าจะไม่มีนะคะ เพราะจำได้ว่ามืด มีแค่แสงไฟรถมอเตอไซค์ของกลุ่มเรา อ่างนี้ก็จะมีวัยรุ่นมานั่งเล่นตอนกลางคืยอยู่บ้าง กลุ่มสองกลุ่ม ตอนนั้นเราไป วัยรุ่นอีกกลุ่มก่อนหน้าเราก็กลับกันพอดี เราเลยไปนั่งตรง สะพานริมทาง เราเรียกไม่ถูกเหมือนกันนะว่าเรียกสะพานรึป่าว แต่มันไม่ใช่สะพานข้ามแม่น้ำอ่ะ เพราะมันข้ามไม่ได้ มันเข้าไปนั่ง รึยืนโกรกลมได้ 555 พวกพี่ๆก็จองที่เลย เอาเครื่องดื่ม น้ำแข็ง แก้วน้ำ ไปวาง แล้วนั่งตั้งวงกัน เราก็นั่งเล่นอยู่แถวนั้น ไม่ได้อยู่ในวง พวกพี่เขาก็พากันดื่ม นั่งเล่นกัน จำไม่ได้ว่าตรงนั้นมีไฟ รึเอาไฟจากรถก็ไม่รู้นะ ตอนนั้นพี่ที่ชื่อเอก เขาเป็นคนมีของ แล้วเขาจะสัมผัสกับอะไรแปลกๆได้ตลอด ตอนนั้นเขาบอกว่าเขารู้สึกแปลกๆตั้งแต่เข้ามาแล้ว แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไร ก็คงคิดว่าพี่เขากลัวเลยหลอน

พวกเรานั่งเล่นกันไปได้สักพัก เพื่อนเราที่ชื่อนิ่มก็โทรสัพเข้า เลยขอตัวไปคุยโทรสัพ นิ่มเดินไปตามถนนที่มืดๆนั่นแหละ เพราะในกลุ่มพวกพี่เขาคุยกันเสียงดังแถมเปิดเพลงกัน แล้วนิ่มก็เดินหายไปในความมืดเลย แบบเรามองไม่เห็นตัวมันเลยอ่ะ ไม่รู้มันกล้าเดินไปคนเดียวได้ไง เราก็ปล่อยๆมัน ไม่กล้าเดินตามมันไป เพราะเรากลัว 5555 ตอนนั้นทุกคนเฮฮากันมาก คุยเล่นหัวเราะกันเสียงดัง สนุกสนาน เหมือนไม่กลัวกับความมืดและบรรยากาศในตอนนั้นเลย เวลาผ่านไปสักหนึ่งชั่วโมง พวกพี่เขาก็ยังนั่งสังสรรค์กันอยู่ เราก็นั่งเล่นอย่างเดียว สักพักเราเริ่มสังเกตุเห็นพี่เอกเงียบผิดปกติ จากที่ตอนแรกก็เฮฮาดี แต่อยู่ดีๆกลับนิ่งซะงั้น เราก้นึกถึงคำพูดพี่เขาตอนแรกว่า พี่เขารู้สึกแปลก เราก็เลยถามพี่เขาไปว่า เป็นอะไรรึป่าว   พี่เอกบอกกับเราว่า พี่เอกรู้สึกเหมือนมีคนกำลังมองพี่เอกอยู่ พี่เอกพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ตัวพี่เอกเกร็งๆ เหมือนกลัวอะไรสักอย่าง ตอนนั้นแหละ เราก็กลัวไปด้วยเลย แล้วพี่ทุกคนเขาได้ยินที่พี่เอกพูด พวกเขาเลยเริ่มเงียบๆ เริ่มกลัวๆกันล้ะ แต่เขาก็ยังนั่งดื่มกันต่อ แล้วพี่เอกก็ลุกขึ้นยืนเกาะขอบราวสะพาน มองไปรอบๆ ตัวแข็งๆสั่นๆ แปปนึงพี่เค้าก็อุทานออกมาดังๆว่า "เห้ย!!!" พร้อมกับเด้งตัวถอยหลังออกจากขอบราว ทำเอาทุกคนสะดุ้ง เราก็ถามว่า "เป็นอะไรๆ" ด้วยความตื่นเต้นคิดว่าพี่เอกต้องเจออะไรแน่ๆ แต่พี่เขาไม่ยอมบอก พี่เขาก็เงียบๆ แล้วบอกว่า "กลับกันเหอะ" พี่ทุกคนก็เริ่มรู้แล้ว เพราะพี่เอกเป็นคนที่ชอบเจอเรื่องพวกนี้อยู่ตลอด พี่ทุกคนเลยเตรียมตัวเก็บของ ทุกคนก็ต่างพากันกลัว

เรามองหาเพื่อนเราที่เดินไปคุยโทรสัพ ตั้งแต่ตอนแรก แล้วตอนนี้ยังไม่ยอมกลับสักที มันคุยโทรสัพกับแฟนมันไง คาดว่าคงจะทะเลาะกันรึป่าว เลยคุยนานขนาดนั้น แต่ไปหมกตัวอยู่ในความมืดเป็นชั่วโมงเนี่ย อยู่ได้ไง เราเลยหันไปถามคนอื่นว่า มีใครเห็นไอนิ่มมันบ้างไหม มันเดินกลับมาบ้างรึยัง ทุกคนก็บอกว่าไม่เห็นเลย เราเลยตะโกนเรียกชื่อมัน ไปทางมืดๆที่มันเดินไปนั่นแหละ เพราะเราไม่กล้าเดินไป เรียกได้แปปนึง มันก็เดินออกมาจากความมืดด้วยท่าทางเฉื่อยๆช้าหน้าซีดๆเหมือนจะร้องไห้  เราเลยถามมันไปว่า ทำไมไปนานจังวะ นิ่มมันเลยเราให้เราฟังว่า เมื่อกี้นิ่มคุยโทรสัพอยู่ ก็เดินคุยไปเรื่อยๆ แล้วไปเจอลุงคนนึงกำลังนั่งตกปลาอยู่ในที่มืด ซึ่งก็ไม่ได้ไกลจากตรงที่เราอยู่มาก แล้วลุงเขาก็คุยกับนิ่ม เราก็แบบเห้ย ลุงมานั่งตกปลาอะไรตอนดึกขนาดนี้ แล้วคือทางก็มืดมาก ตอนนั้นเรากำลังหวั่นๆจากพี่เอก มาเจอนิ่มมันเล่า เรายิ่งตื่นเต้นไปใหญ่ นิ่มมันก็เล่าต่อว่า นิ่มเดินคุยโทรสัพท์ไปเรื่อยๆ พอเห็นลุงเขานั่งตกปลาอยู่ ด้วยความสงสัยว่าลุงมานั่งอะไรในที่มืดขนาดนี้ แล้วนิ่มก็ไม่ได้เอะใจด้วยว่าลุงเขาจะเป็นคนหรือป่าว นิ่มเลยเดินเข้าไปถามว่า "ลุงมานั่งทำอะไรคนเดียวคะ" ในใจตอนนั้นเราคิดละ ว่าโหวอีนี่ กล้ามาก ตอนที่นิ่มมันเห็นมันเห็นเป็นเงาๆ ลุงแก่ๆ ตัวเล็กๆ นั่งหลังค่อมๆ ปักเบ็ดตกปลา กับมีถังน้ำที่มีปลาอยู่ในถัง เป็นถังเล็กๆอยู่ข้างตัวลุง ลุงเขาก็คุยกับนิ่ม บอกว่ามาตกปลา คุยกันได้สองสามประโยค (เราจำบทสนทนาของลุงกับนิ่มไม่ได้ ขออภัยด้วยนะคะ) นิ่มก็ได้ยินเสียงเราตะโกนเรียกมัน มันเลยหันหลังกลับมามองเรา ที่ตรงที่ๆเราอยู่พอมีแสงสว่างแต่ที่นิ่มยืนอยู่มันมืดมาก นิ่มมันเลยมองเห็นเราแต่เรามองไม่เห็นนิ่ม แล้วนิ่มก็หันไปหาลุง ปรากฏว่า ลุงไม่อยู่แล้ว ไม่เหลือแม้แต่ถัง กับเบ็ดตกปลาที่ปักอยู่ นิ่มหันมามองเราแค่วินาทีเดียวเองมั้ง คือลุงแกหายไปในพริบตา นิ่มเลยรีบเดินมาหาเรา พอนิ่มเล่าเสร็จ เราก็เล่าให้พี่ๆฟังกัน เขาก็เลยกลัวกัน รีบเตรียมขับรถกลับ ในตอนนั้นเราทุกคน มองไปรอบๆ ที่มีแต่น้ำ กับป่ามืดๆ ลมเย็นๆ  บรรยากาศนี่ชวนหลอนมาก มองไปทางไหนก็จินตนาการไปหมด เห็นอะไรดำๆก็จินตนาการว่าเป็นผีไปหมด

พวกเราเลยรีบขับรถกลับ เราก็นั่งซ้อนพี่เอกกับนิ่ม เรานั่งกลาง นิ่มนั่งหลัง ตอนที่ขับรถกลับ ยังไม่ทันออกจากที่ๆเรานั่งกันเมื่อกี้ได้ไกลนัก ซึ่งกว่าจะออกถึงหน้าประตู ทางก็ไกลอยู่เหมือนกัน พี่เอกเขาขับรถตามหลัง เป็นคันสุดท้าย อยู่ๆพี่เขาก็ทำท่าตกใจ พร้อมสะบัดขา ขับรถแบบเก้กังๆ พร้อมบิดคันเร่ง เราก็งง ก็ถามว่า ทำไม มีอะไรหรอ พี่เอกก็ยังไม่ตอบอะไรจนผ่านไปประมาณห้านาที เราก็ถามย้ำ ว่ามีอะไร ด้วยความอยากรู้ พี่เอกก็บอกว่า เมื่อกี้พี่เอกรู้สึกเหมือนมีคนมาจับขาพี่เอก พอพี่เอกหันไปมอง ก็เห็นเป็นผู้หญิงจับขาพี่เอกอยู่ พร้อมกับมองหน้าพี่เอก ตัวตั้งแต่อกลงไปลากไปตามพื้นถนน เลื่อนตามรถมอเตอไซค์ที่พี่เอกขับอยู่ พี่เอกเลยตกใจสะบัดขาออก แล้วผลัดกับมองไปข้างหน้า หันมาก็ไม่มีผู้หญิงมาจับขาแล้ว แถมมองตรงกระจกรถก็เห็นขาเด็กห้อยอยู่บนคอของพี่เอก แต่ยังดีที่พี่เอกแกควบคุมสติได้อยู่ ไม่อย่างนั้นตกใจรถล้มแน่ๆ  เรากับเพื่อนที่นั่งซ้อนอยู่นี่หลอนแทบจะร้องไห้

พอขับรถออกมานอกอ่างเรียบร้อยแล้ว เราเลยถามเขาว่า แล้วตอนแรกที่ร้องตะโกนอ่ะ เป็นอะไร เห็นอะไร พี่เขาเลยเล่าให้ฟังว่า ตอนที่พี่เอกรู้สึกว่ามีคนมองพี่เอก พี่เอกเลยลุกขึ้นมายืนจับขอบราว แล้วมองไปรอบๆเพื่อหาเจ้าของสายตาที่มองมาที่พี่เอก พอพี่เอกหันลงไปมองข้างล่าง พี่เอกเห็นหัวคน!! แค่หัวคน ไม่มีตัว แล้วไม่ได้เห็นแค่หัวเดียว เห็นหัวหลายๆหัวกองอยู่เต็มโขดหินด้านล่างแล้วมองมาที่พี่เอกเป็นสายตาเดียวกันหมด มองแบบเบิกตากว้าง สายตาดุดันน่ากลัว เหมือนคนอาฆาต พี่เอกเลยตกใจมาก เลยร้องตะโกนออกมา พร้อมเด้งตัวออก แล้วก็ไม่กล้าไปยืนตรงขอบราวและมองลงไปอีก เราฟังแล้วเราหลอนมาก เราคิดว่าดีนะ ที่เราไม่เจออะไร พวกพี่ๆเขาเลยพากันแยกย้ายกันกลับบ้านกัน หรือเขาไปดื่มกันต่อที่บ้านรึป่าวเราก็ไม่รู้ เพราะอารมณ์คงค้างน่าดู

แต่เรา พี่เรา กับเพื่อนเรา ก็ยังไม่กลับ เลยชวนกันไปอ่างเก็บน้ำอีกที่นึง ที่อยู่แถวๆพัทยานั่นแหละ ซึ่งตอนนั้นไม่รู้คิดยังไงกันนะ ไปกันสามคน! พี่เอกเลยขับรถไปอีกอ่าง ซึ่งจะบอกว่าทางที่ไปเนี่ย หลอนพอสมควรเลย ไฟข้างทางสลัวๆ แสงน้อยมาก มีป่าข้างทาง จนตอนที่ใกล้จะถึงอ่าง ทีนี้ไม่มีไฟข้างทางเลย ทางข้างหน้า เป็นป่าสองข้างทาง แล้วมืดมาก แต่ก็ขับรถไปเรื่อยๆ แบบช้าๆ พอกำลังจะเข้าทางที่มืดมากๆ นิ่มมันก็ซบหลังเรา ก้มหน้า แล้วบอกว่า เห้ย กลับๆ กลับเถอะ เลี้ยวกลับเลยๆ เราก้ถามนิ่มว่าเป็นอะไร นิ่มก็บอก เออ กลับก่อน เร็วๆ นิ่มทำเสียงเหมือนจะร้องไห้ พี่เอกเห็นท่านิ่มมันไม่ดีเลยเลี้ยวรถกลับ พอขับมาห่างจากตรงนั้นแล้ว นิ่มมันก็พูดเหมือนจะร้องไห้ว่า เมื่อกี้นิ่มเห็นลุงคนที่มันเจอที่อ่าง มายืนอยู่ข้างถนนตรงทางที่มืดๆ ถือถังเล็กๆถังเดิม ยืนยิ้มให้นิ่มอยู่ แล้วกวักมือเรียกมัน นิ่มเลยก้มหน้าไม่กล้ามอง แล้วรีบบอกให้กลับทันที เพราะไม่กล้าไปต่อแล้ว กลัวจะเจออีก นิ่มแทบจะร้องไห้ เราก็กลัว เราเลยบอกว่า เอองั้นเรากลับบ้านกันเหอะ พี่เอกก็เลยจะไปส่งเรากับนิ่ม

ตอนนั้นเราผ่านทางที่น่ากลัวมาก จะบอกว่าน่ากลัวแทบจะตลอดทางเลยก็ว่าได้ จนเราผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เป็นหมู่บ้านที่ร้างแล้ว และยังสร้างไม่เสร็จ เราเห็นเราเลยทักว่า ทำไมเขาปล่อยให้ร้างอ่ะ ทำไมไม่สร้างให้เสร็จ เราพูดตอนอยู่หน้าหมูบ้านพอดี พี่เอกก็ดุเรา บอกว่า เห้ย อย่าทัก เราก็แบบเอ้า ทำไมทักไม่ได้ ก็แค่หมู่บ้าน เราเลยเงียบๆไป พอขับรถผ่านตรงนั้นไปได้ไม่ไกลนัก อยู่ดีๆพี่เอกก็หันมามองหน้าเราแล้วรีบหันกลับ แต่เราก็ไม่ได้สนใจ กำลังหลอนตามทางอยู่ จนเข้าซอยที่มีบ้านคน มีคนรถวิ่งไปวิ่งมา มีแสงสว่างเยอะๆแล้ว พี่เอกก็พูดกับเราว่า รู้ป้ะว่าเมื่อกี้พี่เจออะไร เราก็ถามว่าเจออะไรอีกอ่ะ ? พี่เอกบอกว่า ตอนที่เราทักตอนอยู่หน้าหมู่บ้าน ผ่านหมูบ้านได้ได้แปปเดียว พี่เอกก็มองกระจกหลัง เห็นผู้หญิงผมยาวมานั่งแทนที่ที่เรานั่งอยู่ พี่เอกเลยหันมามองเรา ก็เห็นผู้ผญิงผมยาว ปากแดง แต่งหน้าขาวๆ ผิวขาว แถมหน้าอกใหญ่มาก มองหน้าพี่เอกตาถลน  พี่เอกเลยรีบหันหน้าหนี พอมองกระจกหลังอีกที ก็กลายเป็นเราแล้ว เราแค่นั้นแหละ เราหลอนมากกกกก คือมีผีมานั่งแทนที่เราหรอ แล้วเราหายไปไหนในตอนนั้น แต่ตอนนั้นเราไม่รู้สึกอะไรเลยนะ รู้สึกปกติ แต่หลอนเรื่องที่เกิดตอนแรกเฉยๆ จะบอกว่าคืนนั้นเนี่ย โดนทีรัวๆในคืนเดียวเลย แต่ดีนะที่เราไม่ได้เป็นคนโดน พี่เรากับเพื่อนเราเป็นคนโดน พี่เราก็จิตแข็งมากๆ โดนขนาดนั้นยังไม่เป็นอะไร เป็นเรานะหัวโกร๋นตั้งแต่เจอหัวแล้วจ้า ส่วนเพื่อนเราหรอ แทบร้องไห้ 5555 ดีนะที่ลุงแกมาดีๆ
 

ความหลอนเรื่องนี้ก็จบลงแค่นี้แหละค่ะ เพราะหลังจากนั้น เราก็ไม่กล้าไปตอนกลางคืนอีกเลย 5555 ประสบการณ์หลอนของเรายังมีมากกว่านี้นะ แต่เป็นสถานที่อื่น ไว้เราจะมาตั้งกระทู้ให้ใหม่ในครั้งหน้าเนอะ ตอนนี้เราไปล้ะ พิมทีเดียวจบเลย ไม่อยากค่อยๆพิมทีละตอน กลัวเพื่อนๆรอ เราไปล้ะ พิมพ์ผิดอะไรไปขออภัยด้วยนะคะ บวกกับเล่าเรื่องไม่เก่ง เว้นวรรค เว้นช่วงก็ไม่เก่งต้องขออภัยจริงๆ เนื้อเรื่องอาจไม่หลอนมากสำหรับเพื่อนๆ แต่ในสถานการณ์ตอนนั้นเราหลอนมาก55555


สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ