ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ไม่รู้จะอธิบายยังไง!!


เรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อวันศุกร์ (28-10-59) ตอนช่วงประมาณสามทุ่ม ขณะที่ผมกำลังลงลิฟอยู่มีสายเข้ามือถือผม ผมก็รับสายตามปกติ เสียงในสายพูดกับผมแบบขาดๆ หายๆ และก็ไม่แสดงเบอร์โทรเข้า


ผมก็คิดว่าเป็นเพราะกำลังลงลิฟสัญญาณอาจไม่ดี แต่จับใจความว่าเป็นเพื่อนผมคนนึงตั้งแต่สมัยเรียนประถมโทรมา


ผม : สวัสดีครับ

คนโทรมา : นัทป่าว… ใช่นัทไหม…
ผม : ใช้ครับ ใครครับเนี่ยะ
คนโทรมา : เรา โดม เอง ยังจำเราได้ไหม
ผม : โดม… อ๋อ เออๆๆ จำได้… ว่าไงเพื่อน เสียงแปลกๆ เป็นอะไรหรือเปล่า
คนโทรมา : คือย่าเราเสียว่างๆ ก็มานะ
ผม : อ่อ เออๆ เสียใจด้วยนะ เด่วเอาเป็นว่าจะไปเสาร์นี้แล้วกันนะ
คนโทรมา : อืมๆ ขอบใจมากเพื่อน แล้วเจอกันนะ…. ตรู๊ดๆๆ
ผม : อ้าววว วางสายเฉย…

พอวันเสาร์ (29-10-59) ผมก็ออกเดินทางไปบ้านของ โดม ซึ่งอยู่จังหวัดกาญจนบุรี แต่กว่าผมจะทำธุระเสร็จกว่าจะเดินทางไปถึงก็ประมาณ สองทุ่มแล้ว…พอไปถึงบ้านของโดมผมก็เจอพ่อของโดม ผมก็ท้าวความให้ท่านฟัง แล้วก็ถามหาโดมเพื่อนผม พ่อของโดมบอกว่าโดมอยู่ที่วัดซึ่งวัดห่งจากบ้าน 30 กว่ากิโล ไว้พรุ่งนี้เช้าจะพาไปคืนนี้นอนกันที่บ้านก่อน ผมก็ไม่ได้คิดอะไรก็ ครับๆ ไปตามประสา บ้านโดมเป็นบ้านไม้สองชั้นเก่าๆ หลังไม่ใหญ่มาก พอเข้าไปในบ้านสิ่งแรกที่เห็นคือ โลงครับ โลงศพย่าของโดม ตั้งอยู่ชั้นล่างของบ้าน พ่อเอาของกินมาให้ผม และก็บอกผมว่ามาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำก่อนก็ได้ เดี๋ยวจะได้มานอนพักผ่อน ผมมองไปรอบๆ เห็นแม่ของโดมนั่งหน้าเศร้าหันหน้ามาทางผม ผมก็ยกมือไหว้


แม่โดมก็พยักหน้ารับ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พ่อมาถามผมว่าจะนอนตรงไหนจะได้เอาที่นอนให้ พอดีผมเห็นชั้นล่างมีเตียงไม้ไผ่อยู่ ผมเลยบอก พ่อครับเดี๋ยวผมนอนตรงนี้ก็ได้ พ่อถามผมนอนได้นะ ไม่กลัวนะ ผมก็อ่อ… ได้ครับพ่อสบายมาก…. (แต่ในใจก็เสียวๆ อยู่) ต่างจังหวัดนอนกันเร็วครับ สี่ทุ่มนิ่ก็เงียบกันหมดล่ะ ด้วยที่ผมทำงานมาเหนื่อยบวกกับการเดินทางมาจาก กทม มา เมืองกาญ มันทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยและเผลอหลับไป… นัทๆ เสียงเรียก เบาๆ ใกล้ๆ หูผม ตอนกลางดึกทำให้ผมค่อยๆ ลืมตาแล้วลุกขึ้นมาดูรอบๆ ตัวผมว่าใครมาเรียกแต่ก็ไม่เห็นใคร พอดูแล้วไม่มีใครผมคิดว่าตัวเองคงฝันหรือหูแว่วไปเอง ก็เลยว่าไม่มีอะไรนั้นนอนต่อดีกว่าอากาศยิ่งหนาวๆ อยู่ ฝนข้างนอกก็ตก แต่จังหวะที่ผมกำลังจะเอนตัวลงนอนหางตาผมเหลือบไปเห็นที่โลงย่าของโดม ฝาโลงครับค่อยๆ แย้มออกด้านบน ทันใดนั้นสิ่งที่ผมไม่อยากเชื่อตาตัวเองเลย


ว่าผมจะเห็นคือ มือครับ มือจริงๆ ยืนออกมาจากในโลง มาหยิบไข่ต้มในถ้วยที่วางไว้ข้างโลง เอาแล้วเว้ยยยยย…. เจอแล้ววว… ผมชาเลยครับเหมือนตัวเองขยับไม่ได้ แล้วก็ได้ยินเสียงผู้หญิงมาพูดใกล้ๆ หูผม

“นอนเถอะ ดึกแล้ว” แล้วก็เหมือนโลกมันมืดไป ผมสลบไปเลยครับ… มาสะดุ้งตื่นอีกที่เช้าแล้วครับ พ่อของโดมมาเรียก วันนี้จะย้ายศพย่าของโดมไปไว้ที่วัด ญาติๆ ก็ช่วยกันเอาโลงย่าของโดมขึ้นรถหกล้อไปที่วัด พอมาถึงที่วัด พ่อของโดมก็มาถามผมว่าจะไปหาโดมไหม ผมก็ตอบไปซิครับพ่อ แล้วพ่อก็ถามผมว่าเมื่อคืนนอนหลับสบายไหม ผมก็ได้แต่พยักหน้า…พ่อโดมพาผมเดินอ้อมศาลาไม้เก่าๆ วัดนี้เป็นวัดป่าครับไม่ค่อยเจริญ พอถึงศาลาไม้เก่าๆ อีกหลังพ่อบอกกับผมว่านี่ไงโดม สิ่งที่ผมเห็นคือ โลงครับและก็รูปเพื่อนที่ชื่อโดมตั้งอยู่ข้างหน้า… ผมพูดไม่ออกเลยครับ รู้สึกว่าความกลัวมันเริ่มเข้ามาในหัวสมองผม

พ่อโดมบอกกับผมว่า โดมขี่มอเตอร์ไซต์ไปชนกับท้ายรถสิบล้อตายได้สามวันแล้ว ผมนิ่ยิ่งอึ้งเลย ย่ารู้เข้าก็ตรอมใจตายตามไปด้วย… ผมเลยถามพ่อโดมแล้วแม่ล่ะครับ ไม่เห็นท่านมาด้วย พ่อโดมบอกกับผมว่าแม่โดมเสียไปตั้งแต่ต้นปี… ตอนนี้ทั้งบ้านก็เหลือพ่อคนเดียวเนี่ยะล่ะ ยังไม่รู้จะได้ตามพวกเค้าไปวันไหนเลย… ผมอึ้งเลยครับทำอะไรไม่ถูก… พอช่วงบ่ายๆ ผมรู้สึกว่าตัวผมเองเริ่มไม่ไหวแล้ว ก็เลยลาพ่อโดมกลับมา กทม.. กลับมาถึงอาบน้ำเสร็จสลบเลยครับ ไข้กิน…




ขอบคุณแหล่งที่มา : https://pantip.com/topic/35764248

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ