ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ว่ายน้ำหนีผีจากบ้านร้าง เรื่องหลอนๆจากPANTIP


วันนี้ผมมีประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้มาเล่าให้ฟัง ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง ลองอ่านกันดูนะครับ...ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว ตอนนั้นบ้านผมอยู่ตจว. เป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก ทุกวันหยุด ผมกับลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง ซึ่งเขาอายุน้อยกว่าผม 4 ปี จะมาเล่นด้วยกันเสมอครับ

วันนั้นเป็นวันหยุด ผมกับน้องชาย ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ชวนกันไปเล่นน้ำ ซึ่งเป็นคลองแถวบ้าน คลองมีขนาดไม่กว้างและน้ำก็ไม่ลึกครับ ผมกับน้องว่ายน้ำเล่นอยู่ซักครู่หนึ่ง ผมก็เอ่ยปากชวนน้องว่า “เราว่ายน้ำข้ามคลอง ไปเก็บเชอร์รี่กินกันดีกว่า” ผมขออธิบายก่อนนะครับ ต้นเชอร์รี่อยู่ที่บ้านทวดหวาน ทวดหวานไม่ใช่ทวดผมนะครับ แต่แกแก่มากแล้ว เลยเรียกว่าทวดครับ เป็นคนแก่ที่อยู่บ้านเพียงคนเดียว ลักษณะเป็นเหมือนบ้านสวน เป็นบ้านไม้ มีใต้ถุนสูงประมาณเอวได้ครับที่นี้มีต้นเชอร์รี่ที่ปลูกอยู่ที่บ้านของแก ด้วยความที่เป็นเด็ก และรู้ว่ามีต้นเชอร์รี่ ผมก็เลยอยากกิน และชวนน้อง น้องก็อยากกินเหมือนกันครับ เราจึงว่ายน้ำข้ามคลองไปกันสองพี่น้องแต่ตอนที่ไปนั้น เจ้าของต้นเชอร์รี่ แกเสียชีวิตไปได้ไม่นาน ด้วยโรคชรา ส่วนบ้าน ยังไม่ถูกรื้อถอน แต่สภาพเหมือนบ้านร้างเก่ามากแล้วครับ

พอถึงที่หมาย พวกเราก็เดินไปที่ต้นเชอร์รี่ ซึ่งอยู่ติดกับบ้าน สภาพเหมือนใกล้จะพัง ห่างจากคลองประมาณ 100 เมตร รอบบ้านมีแต่ต้นไม้น้อยใหญ่เต็มไปหมดครับ ก่อนจะเดินไปเก็บผลเชอร์รี่ ผมสังเกตุสีหน้าน้อง “หน้าตาเหมือนตื่นอะไร เหมือนเห็นอะไรซักอย่าง” แต่ผมก็ไม่ได้ถาม กลัวน้องบอก แล้วจะพากันกลัว ผมเลยทำเนียน ชวนคุยเรื่องอื่นไปครับ ที่นี้พวกเราก็เก็บผลเชอร์รี่ ซึ่งก็เก็บกินกันที่ต้นนั่นแหละครับ กินไปได้ซักพัก เป็นที่พอใจ ก็เลยตกลงกัน เดินทางกลับครับ แต่ในขณะที่กำลังจะเดินกลับ และแล้วก็เจอดีจนได้ครับ ผมกับน้อง ได้ยินเสียงคน “ถ่มน้ำลาย” เสียงดังมาจากในบ้าน เสียงมันชัดเจนมาก เหมือนต้นเสียงเจตนาให้เราได้ยิน และก็เป็นผมที่หลุด หลุดถามไปว่า “เฮ้ย…เสียงไรว่ะ” หลังจากนั้นต่างฝ่ายก็ทำท่าทางเหมือนจะวิ่ง ไม่วิ่ง ลังเลว่าจะเอายังไงดี แต่สุดท้ายก็วิ่งครับ วิ่งไปจนถึงริมคลอง ซึ่งก็ห่างจากบ้านทวดหวานพอสมควร นั่งพักหายใจกันซักพัก ระหว่างนั้นก็คุยกัน เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ว่าเสียงที่ได้ยิน “ใช่ทวดหวานรึเปล่า ?” ปัญหาคือ ตอนจะว่ายน้ำกลับนี่แหละครับ มันกลัวอย่างบอกไม่ถูก 

นั่งทำใจอยู่พักนึง และก็ตัดสินใจครับว่าน้ำก็ไม่ลึก คลองก็ไม่กว้าง ว่ายไปตะโกนไปเอาเสียงเข้าช่วย ข่มความกลัว เดี๋ยวก็ข้ามฝั่งได้ เราสองคนจึงตัดสินใจกระโดดน้ำ และตั้งหน้าตั้งตาว่าย โดยผมให้น้องว่ายนำไปก่อน ผมจะคอยระวังหลังให้ และระหว่างว่าย เราสองคนก็ตะโกนเสียงดังโวยวาย เพื่อข่มความกลัวครับ แต่แล้ว ว่ายยังไม่ทันถึงครึ่งคลองเลยครับ เท้าผม เหมือนถีบโดนอะไรบ้างอย่าง ลักษณะเหมือน “หัวคน” ผมตัดสินใจหันกลับไปมอง สิ่งที่เห็นคือ น้ำด้านหลัง มันแหวกนูนเป็นคลื่น เหมือนมีอะไรดำน้ำตามมา ตอนนั้นผมตกใจมาก ใจมันหายแวบ ร้องไห้ลั่นออกมาเลย ตะโกนด้วยร้องไห้ด้วย พอน้องผมได้ยินว่าผมร้องไห้ น้องก็ร้องไห้ตาม แต่เราก็ไม่ได้หยุดว่าย ฝืนว่าย กระทั่งถึงฝั่งจนได้ครับ พอถึงฝั่ง ก็ต่างคนต่างหยิบเสื้อผ้าที่ถอดไว้ พากันจับมือ วิ่งกลับบ้าน พอมาถึงบ้านผม น้องกับผมก็เข้าไปในบ้าน ไปนั่งคุยกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมถามน้องว่า เห็นหน้าตาตื่นตั้งแต่เดินไปเก็บเชอร์รี่แล้ว น้องเห็นอะไร
น้องตอบผมว่า ไม่ได้เห็นอะไร แต่รู้สึกเหมือนมีคนมองมาจากในบ้าน พอหันไปมอง ก็ไม่เห็นมีใคร

ส่วนตอนที่ผมว่ายน้ำ แล้วผมร้องไห้ เพราะถีบโดนเหมือนหัวคน หันไปมอง มีคลื่นนูนตามหลังมา และเดาว่าคงเป็นผีทวดหวาน ว่ายน้ำตามมา ตัวน้องเองหันมามอง แต่ไม่ได้สังเกตุว่ามีอะไรผิดปกติ
ได้ยินเสียงผมร้องไห้เสียงดัง ตัวเองก็กลัวอยู่แล้ว เลยร้องไห้ตามไปด้วย ส่วนตัวผมเชื่อว่า อาจเป็นวิญญาณของทวดหวาน ซึ่งแกคงจะหวงผลเชอร์รี่ของแก ถึงแม้เราจะเป็นเด็ก แต่ก็ถือได้ว่า เป็นการขโมยกิน “ซึ่งของของใคร เขาก็ย่อมหวงเป็นธรรมดา แม้เจ้าของเขาอาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ตาม”
พอหลังจากนั้นไม่นาน บ้านก็ถูกรื้อครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://pantip.com/topic/36257683

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ