ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ประสบการณ์หลอนที่พักเขื่อนใกล้น้ำตกเอราวัณ


เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เราและครอบครัว 9 คน ได้เดินทางไปเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี โดยวันแรกไปถึงที่พักก็เดินเล่นและพักผ่อนกันในบริเวณที่พัก คืนแรกลูกเรานอนหลับสบายมาก ตื่นเช้ามาร่าเริง จึงเดินทางไปเที่ยวกัน โดยไปน้ำตกไทรโยคน้อย 

พอเดินทางมาถึงบริเวณน้ำตกกำลังปิดซ่อมน้ำน้อยมากซึ่งเล่นไม่ได้เลย จึงตัดสินใจแยกตัวออกมาโดยมีเรา สามี ลูก และน้องชาย แต่พ่อเราได้ทักว่า ไม่ต้องไป จะไปทำไม แต่ด้วยความที่เราอยากจะหาที่เที่ยวและไปดูสถานที่ที่เล่นน้ำได้ด้วย จึงขับรถไปถึงแยกอ.ไทรโยค มีป้ายบอกทางรถไฟสายมรณะ จึงตัดสินใจเลี้ยวเข้าไป ระหว่างทางขึ้นเขา ก็พบศาลถูกทิ้งไว้มากมายบริเวณข้างทาง พวกเราก็ยกมือไหว้และขับรถต่อไปจนถึงสถานีรถไฟถ้ำกระแซ พอไปถึงก็พบคนจำนวนมากรอรถไฟอยู่ เราจึงเดินเข้าไปถามว่ารถไฟไปไหน เค้าบอกนั่งไปลงสภานีถัดไปละเดินกลับมา เราจึงตัดสินใจรอรถไฟ ตอนนั้นลูกเราร่าเริงและตื่นเต้นกับการจะได้นั่งรถไฟครั้งแรกมาก พอขึ้นไปบนรถไฟ รถไฟเลี้ยวไปตามเขา

น้องชายเราบอกว่าลูกเราตกใจอะไรซักอย่าง จากนั้นก้อหน้าเสียและซึมลง พอถงสถานีถัดไปเราจึงลงกัน ลูกเราไม่ยอมเดินละ และหน้าตาไม่สู้ดีนัก จึงขี่คอสามีเดินกลับไปตามทางรถไฟที่มาเมื่อกี้ ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปไป เดินไป แต่ลูกเราเริ่มไม่ยิ้มละ ปกติลูกชอบถ่ายรูปมาก พอไปถึงรถเพื่อเดินทางกลับ ลูกเราก้อเงียบและมองข้างทาง ตอนนั้นเรายังไม่ได้สังเกตุนะคะ ว่าลูกผิดปกติ พอไปถึงที่พัก ก้อไปทานข้าวกันบริเวณใกล้ๆกับที่พัก ระหว่างทานข้าวลูกเรายังคงเล่นปกติ ซักพักใหญ่ เหมือนเค้าเห็นอะไร หน้านิ่งละรบกลับห้องอย่างเดียว เราจึงพาลูกกลับห้องคนเดียว ตอนเดินกลับเรารู้สึกเหมือนมีคนเดินตามหลังมา แต่ตอนนั้นเราคิดว่าคิดไปเอง ถึงที่ห้องลูกเราก็หลับค่ะ ตอนนั้นเป็นเวลา 20.00 แต่ลูกเราตัวร้อน 21.00 เราจึงปลุกลูกมากินยา หลังจากนั้นความหลอน และความสยองก็เริ่มขึ้นค่ะ ปล. ลูกเราอายุ 3 ขวบค่ะ

จากนั้นลูกเราก้ไม่นอนเลยค่ะ จนถึง 23.00 จึงปิดไฟ แต่ทำยังไงลูกก็ไม่นอนค่ะ เค้ามองแต่บนเพดาน และเหลือกตาไปมา เหมือนเบิ่งตามองอะไรซักอย่างค่ะ เราทั้งกล่อม ทั้งอะไรก็ไม่ยอมนอนค่ะ จน 24.00 ลูกเราร้องจะไปายายค่ะ จึงพาเค้าไปที่ห้องยาย เราและสามีเดินกลับมาที่ห้องตัวเอง แต่เรารู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆจึงเดินกลับไปที่ห้องแม่อีกครั้ง ไปเจอลูกนอนคว่ำ แต่เงยหน้ามองเพดาน จึงตัดสินใจเอาลูกกลับห้อง พอมาถึงห้อง ลูกพูดขึ้นมาว่า เดี๋ยวน้อง...ทำบุญไปให้นะ เด่วพรุ่งนี้ไปทำบุญให้ เราก้อมองหน้าสามี คิดว่าไม่มีอะไรหรอก จึงเอาน้องนอนอีกครั้ง อยู่ลูกก็พูดว่า พ่อเดินไปตรงนั้นทำไมอะ มานี่

แต่สามีเรานอนอยู่ข้างๆลูกนะคะ ลูกนอนตรงกลาง  ที่นี้เราจึงเปิดบทสวดคาถาชินบัญชร เหมือนลูกจะหลับนะคะ แต่ซักพักก้อลืมตามองไปมองมาบนเพดานอีกเป็นแบบนี้ตลอด เราจึงเปลี่ยนมาเป็นเพลงกล่อมเด็ก แต่ลูกก็ไม่นอนค่ะ ละลุกขึ้นมาบอกว่าให้หยิบลองเท้ามาใส่ให้หน่อย เค้าจะจับเท้าหนู เราก้อตกใจค่ะ อุ้มลูกไว้ที่อก พยายามกล่อมให้ลูกนอน แต่ไม่นอนค่ะ นอนงึมงำในลำคอ ไม่ใช่ภาษาคนนะคะ เราก็ถามลูกว่าพูดอะไรนะพอเราถาม ลูกเราก็เงียบละงึมงึำออกมาตลอดค่ะ

หลังจากนั้นลูกเราก้อ ยกมือขึ้น โบกไปมา ร้องอย่าๆ เราก็กอดลูกเอาไว้ค่ะ ตอนนั้นคิดในใจแล้วเจอของดีเข้าแล้วไง พอทำยังไงลูกก็ไม่นอน จึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าทีวีค่ะ  ตอนนั้น เวลา ตี 3 แล้วนะคะ เราปวดปัสสาวะ จึงบอกลูกให้นั่งตรงเก้าอี้คนเดียว บอกว่าเดี๋ยวแม่มานะ เราจึงเดินไปเข้าห้องน้ำค่ะ แต่เราเปิดประตูห้องน้ำไว้นะคะ พอเราทำธุระเสร็จลูกก็วิ่งมาหาเราหน้าห้องน้ำค่ะ บอกหนูกลัวๆ จะไปหายาย จึงเดินไปห้องยายอีกครั้ง ละเอาลูกไปไว้ที่แม่ค่ะ แล้วเดินกลับมาจะนอน คือตอนนั้นง่วงนอนมาก คิดว่าจะให้แม่ดูต่อค่ะ เรากึ่งกลับกึ่งตื่นได้ยินเสียงคนพูดว่า "ตื่นนะ อย่าหลับ ตื่นไปดูลูก ไปช่วยลูก" เรากระเด้งตัวจากที่นอนเลยค่ะ ในห้องมีเราแค่สามีนะคะ ตอนนั้นสามีหลับ เราไม่กล้าปลุกเพราะเค้าต้องขับรถกลับค่ะ เรารีบวิ่งไปที่ห้องแม่ค่ะ ไปเจอลูกอยู่ในตักแม่ แต่ตาเหลือกมองแต่เพดานค่ะ มองไปมองมา จึงตัดสินใจอุ้มลูกกลับห้องอีกครั้งค่ะ ตอนนั้นลูกพูดกับเราว่า หนูง่วง แต่เค้าไม่ให้นอน แล้วก็ร้องไห้ค่ะ
เกริ่นก่อนว่า ลูกเราตอนเกิดมีอาการโคลิคนะคะ คือ ร้องไห้ทุกวัน ตั้งแต่ 19.00 -24.00 ของทุกวัน จนเค้า 4 เดือนอาการก็หายไปค่ะ

ขณะเกิดเรื่อง ใส่พระไว้ที่คอตลอดนะคะ ตั้งแต่ตอนนอน ช่วง 20.00 แล้วค่ะ ก่อนนอนเราก็ไหว้เจ้าที่เจ้าทางนะคะ เราก็คิดในใจค่ะบอกเค้าว่าต้องการอะไร ให้ออกมาเลย ตอนนั้นยอมรับว่ากลัวมากนะคะ แต่อยากปกป้องลูก แม่เราก้อไปนั่งคุกเข้าหน้าห้องค่ะ ไปไหว้เจ้าที่เจ้าทางค่ะ ตอนตี 3 ค่ะ เราก้ออุ้มลูกไว้ที่อก ลูกมีอาการงึมงำในลำคอตลอดนะคะ พยายามบอกตามที่ลูกมองค่ะ มองลอดผ่านม่านไป ลอดประตูไป แต่ไม่เจอค่ะ แม่บอกว่าตอนเราไปออกไป ลูกพูดออกมาว่า ให้ตามเราไป ตามแม่ไปเลย ออกไปเลยค่ะ แต่แม่เราคิดว่าลูกคงจะตามเรา เลยไม่ได้สนใจค่ะ แม่เราก็ไม่นอนค่ะ ตามาหาเราที่ห้องค่ะ แต่เราก็บอกให้แม่ไปนอนค่ะ เดี๋ยวจะอยู่ดูลูกเอง ตอนนั้นใกล้จะตี 4 แล้วค่ะ จึงตัดสินใจพูดออกมาค่ะ  ว่าอย่ามาตามน้อง ให้ออกไป ให้ต่างตนต่างอยู่ค่ะ แล้วจะใส่บาตรไปให้ค่ะ หลังจากนั้น ไม่ถึง 1 นาที ค่ะ ลูกเราก้อหลับเลยค่ะ เราจึงอุ้มลูกไปนอนที่เตียงค่ะ แต่ลูกก็ผวา อยู่ 3 ครั้งค่ะ ตอนนอนลูกเรายกมือไหว้ตลอดนะคะ แบบหลับ แต่มือพนมไว้ที่อกอะค่ะ

ตอนเช้าก็ตื่นมาพร้อมลูกค่ะ กำลังพาลูกไปหาญาติๆอีกหลังหนึ่ง ลูกก็พูดขึ้นมาว่า แม่ๆ ไม่มีเลือดแล้ว ไม่มีลิงแล้ว เราตอนนั้นเก็บของอยู่ ก้อเลยลงไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าลูกค่ะ ถามว่าหนูเห็นอะไรหรอ ลูกบอกว่าเห็น ยอยักษ์เขี้ยวใหญ่ ตรงหัวมีสีขาว ละก้อทำท่าเดิน แบบใช้มือ สองข้างช่วยเดินอะค่ะ แล้วลูกก็บอกอีกว่า มีลิงด้วยนะ แต่ลิงไม่มีหางค่ะ ตอนนั่นก็เริ่มกลัวขึ้นมาอีกที จึงเอาลูกขี่หลังไปค่ะ ระหว่างเดินผ่านรถตัวเอง ลูกก็พูดว่า รถแม่สะอาดแล้ว ไม่มีเลือดแล้ว ไม่มีลิงแล้ว ละลูกก็บอกอีกว่า มีหมานอนตายตรงรถด้วยนะ แต่จริงๆ ไม่มีอะไรเลยค่ะ เราก็รีบอาบน้ำ เก็บของเลยค่ะ พาลูกไปกินข้าว พอดีที่รถพกธูปไว้ตลอดเวลาไปไหน เลยให้ลูกจุดธูปไหว้ ตรงหน้าห้องพักค่ะ ว่าหากล่วงเกินไปโดยตั้งใจ หรือ ไม่ตั้งใจก็ให้อโหสิกรรมให้ค่ะ ลูกเราก็หลับมาตลอดทางจนถึงกรุงเทพ เราก็ให้จุดธูปไหว้เจ้าที่ ไหว้พระที่บ้านอีกครั้งค่ะ เมื่อเช้า เลยให้ลูก ตัวเอง และสามีใส่บาตรไปให้ค่ะ อาบน้ำมนต์ให้ลูก วันหยุดจะพาลูกไปหาพระอะค่ะ

จบแล้วนะคะ เล่าไปขนลุกไป ไม่เจอกับตัว ไม่เชื่อจริงๆนะคะ ตอนลูกเหลือกตามอง เป็นความสยองแบบพูดไม่ถูกเลยค่ะ เค้าพยายามหลับตานะคะ แต่ได้แปปเดียว ก้อเบิกตาโพรงออกมาตลอด ตอนนี้ต้องดให้ลูกไปเที่ยวเลยค่ะ สงสัยยังเด็กเกินไป

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ